รู้ไว้ใช่ว่า
ตำรวจยึด ไฟแนนศ์ซวย
บริษัทไฟแนนศ์ รายนี้ให้ "นางแรกแย้ม" เช่าซื้อรถบรรทุกไปคันหนึ่ง ผ่อนส่งได้ไม่นานรถคันนี้โดนตำรวจยึดเพราะมีคนเอาไปขนไม้เถื่อนในป่า
นางแรกแย้ม เธอเก่งไม่หยอก ไปติดต่อขอรถมาเก็บรักษา ตำรวจเจ้าของคดีคือ "พตต. พานทองเต็ม" อย่าสะดุ้ง คิดว่าเป็นลูกนายกเศรษฐี เสนอเรื่องจนกระทั่งผู้กำกับเซ็นอนุญาต ให้นางแรกแย้มรับรถไปเก็บรักษาหรือเอาไปใช้นั่นละ มีข้อกำหนดว่า ถ้าตำรวจเรียกคืนต้องส่งให้ทันทีในสภาพเดิม ไม่งั้นปรับ 5 แสนบาท
ได้รถแล้วนางแรกแย้มก็ท่อกแท่กเอารถไปทำมาหากิน แต่ไม่รุ่ง สุริยา ขาดส่งงวดจนกระทั่งบริษัทไฟแนนศ์ ให้คนมายึด แล้วเอาไปขายต่อให้ "นายชั่วโมง" ทางนายชั่วโมงก็เอาไปขายต่อให้ "นายอาทิตย์"
คนที่ซวยคือนายอาทิตย์ ใช้รถได้พักหนึ่ง ตำรวจที่เคยยึดรถในคดีขนไม้เถื่อนตามมายึดรถไปบอกว่าศาลพิพากษาในคดีป่าไม้ให้ริบเป็นของหลวง
นายอาทิตย์หน้าเหลือง ไปเจรจาไล่เบี้ยนายชั่วโมง และบริษัทไฟแนนศ์ ให้รับผิด แต่ไม่เป็นผล จึงฟ้องร้องกันขึ้นมา นายอาทิตย์เรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายหลายแสนบาท พร้อมดอกเบี้ย
บริษัทไฟแนนศ์ ปกติก็หัวหมอโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ยอมให้นายอาทิตย์ตื้บฝ่ายเดียว จัดแจงให้ทนายยื่นฟ้อง พตต. พานทองเต็ม และกรมตำรวจ (ในขณะนั้น) อ้างว่าละเว้นต่อหน้าที่ ยึดรถในคดีป่าไม้แล้วไม่แจ้งอายัดไปที่สำนักงานขนส่ง แถมยังให้นางแรกแย้มรับรถไปใช้จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น บริษัทไฟแนนศ์ โดนเขาฟ้องไล่เบี้ย จึงบังคับให้ พตต. พานทองเต็ม และกรมตำรวจจ่ายค่าเสียหาย ก้อนเขื่อง และค่าเสียหายเป็นรายเดือนๆ ละ 12,000 บาท จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยสู้คดี ให้การว่า มอบรถให้นางแรกแย้มไปเก็บรักษาอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบของกรมตำรวจ การที่บริษัทไฟแนนศ์ ไปยึดรถจากนางแรกแย้มแล้วประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ไม่สอบถามให้รู้ว่ารถโดนตำรวจยึดในคดีป่าไม้ แล้วบริษัทไฟแนนศ์ ไม่สนใจติดตามคดี ปล่อยให้ศาลสั่งริบโดยไม่ขอคืนตามกำหนด 1 ปี ถือว่าเป็นความผิดพลาดบกพร่องของบริษัทไฟแนนศ์ จำเลยลอยลำไม่ต้องรับผิดแม้แต่สลึงเดียว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับฝ่ายจำเลย พิพากษายกฟ้อง
บริษัทไฟแนนศ์ ร้องอูว่ะ ตัดสินให้เราแพ้ได้ไง ว่าแล้วก็ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน ตำรวจงี้หน้าบาน
โจทก์คือ บริษัทไฟแนนศ์ ไม่ยอมราข้อ ยื่นฎีกาขึ้นไปเพื่อเอาชนะในยกท้าย
ศาลฎีกาพิจารณาคดีนี้อย่างเงียบเชียบ ไม่เอิกเกริกเป็นข่าวเหมือนคดีนักการมงการเมืองทั้งหลาย
แล้วชี้ขาดออกมาอย่างเงียบๆ เช่นกันดังนี้
พนักงานสอบสวนมีอำนาจยึดพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดเพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีจนกว่าอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องหรือจนคดีถึงที่สุด ตามระเบียบการเก็บรักษาของกลางของกระทรวงมหาดไทย และข้อตกลงร่วมมือในการดำเนินคดีป่าไม้ระหว่างตำรวจกับกรมป่าไม้ แต่ก็ไม่ได้บอกไว้ว่าพนักงานสอบสวนต้องเก็บรักษาไว้เอง ระเบียบการเก็บรักษาของกลางยังกำหนดให้พนักงานสอบสวนจัดสถานที่เก็บรักษาหรือมอบให้ผู้ที่สมควรรักษาไว้แทนได้
การที่ พตต. พานทองเต็ม มอบรถให้นางแรกแย้มไปเก็บรักษา จึงไม่ขัดกฎระเบียบ มีการกำหนดให้จ่ายค่าปรับ 5 แสน ถ้าคืนรถไม่ได้ มีรถคันอื่นในโรงพักทำเหมือนกันกับรถคันนี้ ศาลจึงเชื่อว่าตำรวจให้นางแรกเย้มไปเก็บรักษาโดยสุจริต ไม่มีข้อตุกติกงุบงิบ
เมื่อบริษัทไฟแนนศ์ ยึดรถคืนจากนางแรกแย้มก่อนศาลตัดสิน บริษัทน่าจะสอบถามหรือสืบทราบเรื่องรถโดนตำรวจยึดในคดีป่าไม้ แล้วไปร้องขอคืนจากศาล แต่ไม่ทำจนพ้นกำหนดเวลาขอคืนเมื่อศาลสั่งริบ ถือว่าเป็นความประมาทของบริษัท พตต. พานทองเต็มไม่มีหน้าที่แจ้งเรื่องรถโดนยึดให้บริษัททราบ
ข้ออ้างของบริษัทที่บอกว่า ตำรวจผิดเพราะไม่แจ้งอายัดไปที่สำนักงานขนส่ง ศาลฎีกาบอกว่าตำรวจเขาไม่มีระเบียบบังคับให้ทำยังงั้น ที่ตำรวจแจ้งไปก็เป็นรถที่ศาลสั่งริบแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นตำรวจไม่อาจคาดหมายว่ามันจะเกิดขึ้น จึงห่างไกลไม่ต้องรับผิด ศาลล่างตัดสินถูกต้องแล้ว
ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้ยกฟ้องโจทก์เสีย
ถ้าดูตามเนื้อหาของการตัดสินถือว่าโอเค ตำรวจไม่ต้องรับผิด ศาลท่านตัดสินถูกต้องแล้ว
แต่ถ้ามองในแง่ความเป็นธรรม เมื่อตำรวจยึดรถที่นำไปใช้ในการกระทำความผิดอย่างเช่นคดีป่าไม้ น่าจะมีการแจ้งอายัดไปที่สำนักงานขนส่งสักหน่อยหนึ่ง เพื่อไม่ให้มีการโอนรถไปได้อย่างเด็ดขาด ถ้ารถโดนศาลสั่งริบ จะได้ไม่มีคนซวยในภายหลังกันระนาวอย่างคดีนี้
ก็อาจจะมีข้อติงว่า การแจ้งอายัดอาจก่อให้เกิดความยุ่งยาก กรณีที่รถไม่โดนศาลสั่งริบในภายหลัง เมื่อเจ้าของไปขอรถคืน ต้องงอนง้อให้ตำรวจไปแจ้งถอนอายัดที่สำนักงานขนส่ง อาจเกิดการยึกยักอีกรอบหนึ่งให้เมื่อยตุ้มก็เป็นได้
งานนี้บริษัทไฟแนนศ์ ซวยเต็มๆ จึงเป็นบทเรียนที่ต้องระวัง ขณะที่นางแรกแย้ม คงสะใจ เอ็งอยากยึดรถที่ข้าผ่อนส่ง ข้าไม่บอกซะอย่างว่า รถโดนตำรวจยึดในคดีป่าไม้ เอ็งก็เจอดีแบบนี้ละ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1299/2533
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56584