การแข่งขันรายการ WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2004 เดินทางมาถึงสนาม 5 คราวนี้ยกพลไปแข่งกันที่ไซปรัส (CYPRUS) ด้วยเส้นทางการแข่งขันที่แคบและคดเคี้ยว โรยด้วยหินลูกรังบางๆ เมื่อมาเจอกับน้ำฝนที่ไหลทะลักมาจากภูเขาแถบนั้น ยิ่งสร้างความหนักใจให้นักแข่ง และทีมงาน ที่ต้องลุ้นไม่ให้รถตกหลุมแรงเกินไป
นักแข่งที่มีความหวังมากที่สุดในสนามนี้คงจะหนีไม่พ้น เพทเทร์ โซลเบร์ก (PETTER SOLBERG) แชมพ์สนามนี้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และหวังจะกลับมาคว้าแชมพ์ที่นี่เป็นครั้งที่สอง และเขาก็ยืนยันความตั้งใจจริงด้วยการทำเวลามาเป็นอันดับสองในรอบคัดเลือก โดยตามหลัง มาร์คุส โกรนโฮล์ม (MARCUS GRONHOLM) นักขับทีม เปอโฌต์ เพียง 2 วินาทีเท่านั้น
วันแรกของการแข่งขัน โซลเบร์ก ออกสตาร์ทได้ดีตามคาด ทะยานรถ ซูบารุ ขึ้นเป็นผู้นำ โดยเฉพาะในสเตจแรกระยะทาง 38 กม. และสเตจสองระยะทาง 15 กม. โดยทำเวลาเฉือนอันดับสอง เซบัสเตียง โลบ์ (SEBASTIEN LOEB) ในรถ ซีตรอง 1.6 วินาที โดยมี อดีตแชมพ์โลก 2 สมัย โกรนโฮล์ม ตามมาเป็นอันดับสาม ทำเวลาตามหลังผู้นำ 6.5 วินาที
การแข่งขันดำเนินต่อไปจนกระทั่งสเตจ 3 โชคเริ่มไม่เข้าข้าง โซลเบร์ก เมื่อระบบระบายความร้อนของรถ อิมพเรซา มีปัญหาเนื่องจากมีทรายหลุดเข้าไปอุดรังผึ้งหม้อน้ำ ส่งผลให้เสียเวลาไปเกือบ 9 นาที ในการประคองรถโอเวอร์ฮีทให้เข้าจุดลงเวลาให้สำเร็จ ทำให้อันดับรวมของเขาตกลงไปอยู่อันดับ 9 “ต้องระวังให้มากกว่านี้ หินก้อนเดียวอาจทำให้คุณต้องออกจากการแข่งขันได้” เขากล่าวสั้นๆอย่างผิดหวัง
ฟรองซัวส์ ดือวาล (FRANCOIS DUVAL) นักขับสัญชาติเบลเยียม สังกัดทีม ฟอร์ด เป็นอีกรายที่โชคร้าย ล้อหน้าซ้ายหลุดตั้งแต่สเตจแรก ทำให้ต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย
จบเลกแรกกลายเป็น โกรนโฮล์ม ที่ได้รับส้มหล่นจากงานนี้ โดยเวลารวมของเขาขยับขึ้นไปเป็นผู้นำทันที โดยมี ฮาร์ริ โรวันเปรา (HARRI ROVANPERA)
เพื่อนร่วมทีมสิงห์ผยอง ตามมาเป็นอันดับ 2 ขณะที่ การ์โลส เซนซ์ (CARLOS SAINZ) ขับรถ ซีตรองตามมาเป็นที่สาม
เลกสองแม้ โซลเบร์ก กดคันเร่งจนมิดโดยหวังที่จะได้อันดับคืนมาบ้าง จนสามารถทำเวลาดีที่สุดในสเตจที่ 7 และ 8 แต่ก็ยังไม่สามารถไล่คู่ปรับเก่าอย่าง โกรนโฮล์ม ที่สามารถรักษาอันดับผู้นำไว้ได้จนจบเลกที่สอง “ทุกคนเจอสภาพเส้นทางที่โหดเหมือนๆ กัน ผมเลยต้องใส่ใจกับสภาพรถมากเป็นพิเศษ” โกรนโฮล์ม กล่าวกับผู้สื่อข่าว “ตอนนี้ผมพอใจกับเวลามาก แต่ยังมีพรุ่งนี้ที่ต้องลุ้นกันต่อ”
ด้าน มาร์คโค มาร์ทิน (MARKKO MARTIN) ผู้ที่มีคะแนนสะสมรวมนำอยู่ในตอนนี้ แม้จะมีปัญหากับระบบบังคับเลี้ยวเมื่อพลาดไปกระแทกก้อนหินเข้า แต่ยังโชคดีสามารถทำเวลาขยับขึ้นมาเป็นอันดับสามได้ หลังจากที่ โรวันเปรา ต้องเสียเวลาไปมากกว่า 10 วินาที เมื่อระบบเกียร์กึ่งอัตโนมัติในรถ เปอโฌต์ มีปัญหา
ส่วนทีม มิตซูบิชิ ยังไม่ประสบความสำเร็จอีกเช่นเคยเมื่อรถ เอโวลูชัน 8 ที่ขับโดย กิลเลส ปานิซซี (GILLES PANIZZI) เครื่องยนต์และระบบรองรับด้านหลัง มีปัญหาอย่างหนัก ทำให้ต้องออกจากการแข่งขันไปในช่วงท้ายของสเตจ 9
ในสเตจแรกของเลก 3 โกรนโฮล์ม ออกสตาร์ทด้วยความมั่นใจเต็มที่ ทำเวลาทิ้งห่างอันดับสอง โลบ์ เพิ่มขึ้นอีก 17.5 วินาที และทำเวลาเร็วขึ้นเรื่อยๆ จบการแข่งขันเป็น โกรนโฮล์ม ที่ทะยานรถ เปอโฌต์ เข้าเส้นชัยทำเวลารวมเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลารวมทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง 58 นาที 44.5 วินาที ทิ้งห่างเพื่อนร่วมชาติอย่าง โลบ์ ถึง 54 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ มาร์ทิน ทำเวลาตามหลังผู้นำกลุ่ม 1 นาที 9.1 วินาที
ด้านอดีตแชมพ์โลกคนล่าสุด โซลเบร์ก หลังจากที่ต้องประสบปัญหาเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท แม้จะพยายามทำเวลาไล่บี้อย่างเต็มที่ แต่ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่อันดับ 6 เท่านั้น
จากการที่ โกรนโฮล์ม เก็บได้ 10 คะแนนเต็มจากการแข่งครั้งนี้ ส่งผลให้คะแนนสะสมรวมประเภทผู้ขับกระโดดจากอันดับ 3 ขึ้นมานำแซงหน้า โลบ์ ไป 1 แต้ม โดยมี 34 คะแนน และมาร์ทิน เก็บเพิ่มอีก 6 คะแนน รั้งอันดับ 3 มี 32 คะแนน
ด้านคะแนนสะสมประเภททีมผู้ผลิต ฟอร์ด ยังคงรั้งตำแหน่งผู้นำ หลังจากเก็บเพิ่มได้อีก 6 คะแนนจาก มาร์ทิน ส่วนอันดับสองยังคงเป็นทีม ซีตรอง 51 คะแนน และอันดับสามเป็นของทีมแชมพ์เก่า เปอโฌต์ 47 คะแนน
สรุปผลคะแนนการแข่งขันรวม 3 สนาม ประเภททีมผู้ขับ | ||
---|---|---|
อันดับ | ผู้ขับ | คะแนนรวม |
ชนะเลิศ | มาร์คุส โกรนโฮล์ม | 34 |
รองอันดับ 1 | เซบัสเตียง โลบ์ | 33 |
รองอันดับ 2 | มาร์คโค มาร์ทิน | 32 |
สรุปผลคะแนนการแข่งขันรวม 3 สนาม ประเภททีมผู้ผลิต | ||
---|---|---|
อันดับ | ทีม | คะแนนรวม |
ชนะเลิศ | ฟอร์ด | 53 |
รองอันดับ 1 | ซีตรอง | 51 |
รองอันดับ 2 | เปอโฌต์ | 47 |
Model | Start Price (THB) |