เทคนิคตีนโต
10 ปีกับดีเซลเทอร์โบ
ในบ้านเราเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ เพิ่งจะมีมาใช้ได้ไม่นาน ส่วนใหญ่ปัญหาก็มักจะยังไม่เกิด แต่หากใช้งานไปสัก 10 ปี หรือ 250,000 กม. แล้ว อาการรถเร่งไม่ค่อยขึ้น วิ่งไม่ค่อยออกแถมยังกินน้ำมันมากขึ้นคงแสดงออกมาให้เห็น ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบดังกล่าว เจ้าของสามารถเลือกแก้ไขได้ 2 แนวทางคือ ซ่อม หรือยกเครื่องใหม่
การซ่อมแซมนั้น ค่าใช้จ่ายจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพการเสื่อมโทรมของเครื่องยนต์ ถ้าโทรมมากเกินไป การยกเครื่องใหม่โดยเอาเครื่องยนต์มือสองมาวางแทนเป็นอีกหนึ่งออพชันที่คุณสามารถเลือกได้ ราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 บาท สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ สภาพของเครื่องยนต์มือสองจะดีมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของร้านที่ขายกับระยะเวลาที่ร้านรับประกัน
อย่างคันที่เรานำมาเสนอนี้ เป็นรถ โตโยตา ที่วางเครื่องยนต์ 1HZ อยู่ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซลธรรมดา แต่ด้วยพละกำลังที่น้อยเกินไป เจ้าของจึงคิดที่จะนำรถไปติดตั้งเทอร์โบชาร์จของรถ โตโยตา รุ่นปี '78 ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไร เนื่องจากตัวเทอร์โบควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้าและตัวหัวฉีดมีราคาแพงมาก ท่อหัวฉีดก็ต้องทำใหม่เมื่อเปลี่ยนแคมเบลท์ สรุปแล้วแพงไปหมด
ในที่สุดเจ้าของจึงเลือกที่จะเปลี่ยนวางเครื่องยนต์ใหม่หมดจากโรงงาน เป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบที่ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า และมีหัวฉีดอัจฉริยะที่ไม่สามารถซ่อมได้ ซึ่งผลที่ได้ก็คือ รถมีสมรรถนะดีขึ้น ประหยัดน้ำมันขึ้น อัตราเร่งดีขึ้น และไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ
เครื่องยนต์ดีเซลที่เข้าตรวจเชคตามระยะเป็นอย่างดี เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 5,000 กม. และเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กม. แต่เมื่อรถวิ่งใช้งานไปสัก 500,000 กม. ปัญหาเรื่องการซ่อมใหญ่มักจะมีให้เห็นจากอาการที่เครื่องยนต์กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
หลังจากที่รถคันนี้วิ่งใช้งานไปได้ 250,000 กม. บนทางเรียบเป็นส่วนใหญ่ แรงดันน้ำมันเครื่องเริ่มสูงขึ้น แต่ไม่มีสิ่งผิดสังเกตเกิดขึ้นกับน้ำมันเครื่องที่ถ่ายออกทุกๆ 5,000 กม. เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จที่ใช้งานไปสัก 8 ปีแล้ว สิ่งที่สามารถสังเกตเห็นได้ก็คือ สมรรถนะของรถเริ่มตกลง เครื่องยนต์กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น และที่แน่นอนก็คือ ควันไอเสียเป็นสีดำ
เจ้าของรถจึงได้นำรถเข้าตรวจเชคสภาพเครื่องยนต์ 2.8 ลิตรของรถ ไฮลักซ์ คันนี้ พบว่ากำลังอัดของเครื่องยนต์ยังดีอยู่ แต่ต้องปรับตั้งระยะห่างวาล์วช่วยเล็กน้อย และไม่พบคราบเขม่าน้ำมันเครื่องในห้องฝาสูบ
ช่างซ่อมเครื่องยนต์ โตโยตา เขารู้ดีว่าเทอร์โบเก่านั้นจะไม่ค่อยดีสักเท่าไร มีหลายจุดที่บ่งชี้ให้เห็นถึงแบริงลูกปืนที่สึกหรอไป และเห็นร่องรอยของน้ำมันเครื่องในส่วนของเทอร์ไบน์
ในที่สุดรถ โตโยตา ไฮลักซ์ คันนี้ก็ถูกเปลี่ยนชุดเทอร์โบใหม่เป็นของ DTS ที่มีขนาดการใช้งานพอเหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซล ขนาดความจุ 2.8 ลิตร และระบายความร้อนเทอร์โบด้วยน้ำ ซึ่งเทอร์โบตัวก่อนหน้านี้ไม่มีชุดระบายความร้อนด้วยน้ำมาให้
ช่างซ่อมเครื่องยนต์ โตโยตา ได้บอกว่าสมรรถนะของรถที่แย่ลงไปนั้น เนื่องจากมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับปั๊มหัวฉีดและหัวฉีด สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากมีบางอย่างไปขัดขวางทางเดินเทอร์โบชาร์จ ทางแก้ไขนั้นต้องโอเวอร์ฮอลปั๊มหัวฉีดและหัวฉีด
ขั้นตอนในการตรวจเชคได้นำรถขึ้นไดนาโมมิเตอร์ เพื่อตรวจหาแรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์ พบว่า ไฮลักซ์ คันนี้มีแรงม้าถ่ายทอดลงมาที่ล้อหลังเพียง 40 กิโลวัตต์เท่านั้น จึงได้นำรถไปทำการโอเวอร์ฮอลชุดปั๊มหัวฉีดและชุดหัวฉีดใหม่ด้วยชุดทดแทนบูสต์
การส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจากชุดปั๊มที่เป็นกลไกแมคานิคนั้นต้องอาศัยชุดบูสต์จากเทอร์โบ ถ้าไม่มีชุดบูสต์แล้ว กำลังอัดของเครื่องยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 20-23:1 ซึ่งจะมีแรงอัดสูงสุดที่ 17:1 และต่ำสุดที่ 30:1
หลังจากที่ซ่อมปั๊มและเปลี่ยนบูสต์เป็นที่เรียบร้อยด้วยการติดตั้งชุดเทอร์โบ DTS ใหม่เข้าไปทดแทนของเดิมแล้ว ช่างได้นำรถขึ้นตรวจเชคบนไดนาโมมิเตอร์อีกที พบว่าแรงม้าได้เพิ่มขึ้นเป็น 53.9 กิโลวัตต์ และแรงบิดที่ถ่ายทอดลงล้อหลังได้เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ 2,000 นิวตันเมตร เป็น 3,000 นิวตันเมตร เคิร์ฟจากกราฟที่ไดนาโมมิเตอร์วัดออกมาได้จะเห็นว่า ทั้งแรงม้าและแรงบิดใหม่มีค่าเพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด เป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นเป็นอย่างดีถึงสมรรถนะของรถที่เพิ่มขึ้น
บางครั้งสมรรถนะของเทอร์โบก็ขึ้นอยู่กับสภาพของเครื่องยนต์ ดังนั้นเครื่องไดโนที่ใช้วัดแรงดันบูสต์ ถูกตั้งไว้ที่ 10 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว และอุณหภูมิของท่อไอเสียที่วัดได้จากท่อร่วมไอเสียเครื่องไดโนวัดได้ไม่เกิน 500 องศาเซลเซียส
เมื่อลองนำรถออกมาวิ่งบนทางไฮเวย์พบว่ารถมีอัตราเร่งดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะที่ช่วงทอพเกียร์แรงดันน้ำมันเครื่องและอุณหภูมิของระบบหล่อเย็นยังคงรักษาระดับเดิมก่อนหน้านี้อยู่ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชิ้อเพลิงกลับมาเหมือนก่อนหน้านี้คือ 11.0 ลิตร/100 กิโลเมตร และเมื่อนำรถไปลองวิ่งบนทางวิบากดูก็พบว่า เมื่อต้องไต่ขึ้นบนเส้นทางที่ลาดชันเครื่องยนต์ยังให้แรงบิดที่เหลือเฟืออยู่
ที่ต้องทำเพิ่มเห็นจะเป็นระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ต้องเปลี่ยนปั๊มน้ำใหม่พร้อมกับหม้อน้ำที่ติดรถใช้งานมากว่า 10 ปี รวมทั้งท่อน้ำและเบลท์รัดท่อต่างๆ รวมถึงเทอร์โบสตรัทด้วย อีกทั้งวิสคัสของพัดลมหม้อน้ำก็ไม่มีแรงต้านจนสามารถหมุนด้วยมือได้จึงต้องทำการเปลี่ยนดุมฮับใหม่ด้วย
เพียงแค่นี้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบของรถ ไฮลักซ์ คันนี้ก็กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมอีกครั้งโดยไม่จำเป็นต้องยกเครื่องยนต์ใหม่ เทอร์โบเป็นตัวช่วยเพิ่มกำลังของรถได้ เทอร์โบที่หมดสภาพก็เป็นตัวช่วยลดสมรรถนะของรถได้เช่นกัน
เรื่องโดย : วิโชค ควรรักษ์เจริญ
ภาพโดย : 4x4 AUSTRALIA
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : เทคนิคตีนโต
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56554