นานารถแนวคิด
เรนจ์ สตอร์เมอร์
เรนจ์ สตอร์เมอร์ (RANGE STORMER) รถแนวคิดรูปแบบเอสยูวี สปอร์ททัวเรอร์ สมรรถนะสูง และเป็นแนวทางสำหรับรถในสังกัด แลนด์ โรเวอร์ ในอนาคต โดยเน้นการผสมผสานเอกลักษณ์ของ แลนด์ โรเวอร์เข้ากับเทคโนโลยีแห่งอนาคต
รูปทรงที่สะดุดตา ล้ำสมัย เทคโนโลยีระดับสูง และเครื่องยนต์ วี 8 สูบ ซูเพอร์ชาร์จ จะทำให้ เรนจ์ สตอร์เมอร์ขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าของกลุ่มลักชัวรี เอสยูวี ทันทีที่วางในโชว์รูม แมทธิว เทย์เลอร์ (MATTHEW TAYLOR)ผู้อำนวยการบริหารของ แลนด์ โรเวอร์ กล่าวว่า เรนจ์ สตอร์เมอร์ จะเป็นแบบอย่างให้เอสยูวี รุ่นต่อไปลอกเลียนแบบเทคโนโลยีไปใช้
นอกเหนือจากความโดดเด่นของสมรรถนะการลุยเหมือนกับผลผลิตทุกรุ่นของ แลนด์ โรเวอร์ แต่ เรนจ์สตอร์เมอร์ ยังมีสมรรถนะสูงสุดดุจดังอสูรทางเรียบ ภายในรูปทรงของรถอเนกประสงค์ ขับเคลื่อนสี่ล้อ
โครงสร้างของ เรนจ์ สตอร์เมอร์ ออกแบบใหม่หมด เพื่อรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคต และจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ แลนด์ โรเวอร์ ระดับฟูลล์ไซส์ ในอนาคต
เทอร์เรน เรสปอนส์ (TERRAIN RESPONSE) เทคโนโลยีล่าสุดที่ แลนด์ โรเวอร์ นำมาใช้ ซึ่งเป็นระบบควบคุมการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ และสามารถใช้งานสะดวก เพียงเลือกรูปแบบการขับเคลื่อนให้เหมาะสม ระบบจะสั่งการให้ระบบรองรับ ระบบถ่ายทอดกำลัง ระบบควบคุมเครื่องยนต์ และระบบทแรคชันคอนโทรล ทำงานอย่างสอดคล้อง เพื่อประสิทธิภาพการขับเคลื่อนสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ หรือทางฝุ่น
ไม่ว่าจะใช้งานในสภาพพื้นผิวอย่างไร ผู้ขับขี่เพียงเลือกโหมดการขับขี่จากสภาพพื้นผิว ซึ่งมีให้เลือกถึง6 ชนิด ตั้งแต่การขับด้วยความเร็วสูง จนถึงพื้นผิวทราย หรือถนนที่มีร่องลึก
รูปทรง และการออกแบบ
การออกแบบรูปทรงของ เรนจ์ สตอร์เมอร์ จัดว่าเป็นสายเลือด แลนด์ โรเวอร์ คันแรกที่มีรูปทรงสปอร์ทเร้าใจที่สุดจากสายพานการผลิต
สิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับการออกแบบ คือการสอดใส่ทรวดทรง และเส้นสายที่มีเอกลักษณ์ของ แลนด์โรเวอร์ ไว้ในรถที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ และพละกำลัง
ส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ และเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่ฝากระโปรง หลังคาเส้นลึกที่คาดตามแนวยาวในระดับเอว รวมไปถึงด้านหน้าที่มีโอเวอร์แฮงสั้นมาก ซึ่งเป็นเสมือนได้รับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจาก เรนจ์ โรเวอร์ มาสู่เจเนอเรชันใหม่ของ แลนด์ โรเวอร์
อีกจุดเด่นของรถ แลนด์ โรเวอร์ คือทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม เสาหลังคาของ เรนจ์ สตอร์เมอร์ จึงมีรูปทรงที่เล็กแคบและไม่บดบังทัศนวิสัย หลังคาค่อนข้างต่ำด้านบนขึ้นรูปจากกระจกแผ่นคล้ายบานเกล็ด สามารถเลือกพลิกรับบรรยากาศภายนอกได้โดยง่าย รูปทรงของหลังคาค่อนข้างต่ำ ขณะเดียวกัน ตัวรถและห้องเครื่องยนต์ค่อนข้างอวบอ้วน โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยลายก้าน ขนาด 22 นิ้ว ทำให้ เรนจ์ สตอร์เมอร์ให้ความรู้สึกของการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน
การออกแบบเต็มไอเดีย และประโยชน์ใช้สอยสูงสุด ประตูผ่อนแรงด้วยระบบอีเลคทรอนิค บานประตูถูกแบ่งออกเป็นสองชิ้นล่าง/บน เมื่อผลักเปิดบานบนขึ้นไปทางข้างหน้า บานล่างจะพลิกเปิดลงด้านล่างทำหน้าที่เป็นบันไดข้างในทันที
ประตูหลังใช้ระบบผ่อนแรง ด้วยระบบอีเลคทรอนิคเช่นกัน เมื่อพลิกชิ้นบนขึ้นชิ้นล่างก็จะพลิกลงจนถึงระดับพื้นห้องเก็บสัมภาระหลังเพื่อความสะดวกในการขนของขึ้น/ลง
พื้นห้องเก็บสัมภาระสามารถปรับขึ้น/ลง เพื่อรองรับสัมภาระขนาดใหญ่ได้ และด้านข้างในผนังห้องเก็บสัมภาระ มีช่องสำหรับเก็บกระเป๋าเดินทางได้อีกสองใบ
โคมไฟหน้าตาเพชรให้แสงสว่างที่กระจ่างชัดด้วยหลอดไฟซีนอนคู่ สามารถหันไปตามทิศทางของพวงมาลัย นอกจากนั้นในมุมแต่ละด้าน ยังติดตั้งหลอดแอลอีดี ที่ให้แสงสว่างเพื่อให้ผู้ขับขี่เห็นพื้นผิวในทิศทางข้างหน้าอย่างชัดเจน
การออกแบบภายในเรียบง่าย และให้ความรู้สึกของรถสปอร์ท ทั้งที่นั่งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ถูกล้อมรอบด้วยแดชบอร์ด และคอนโซลกลาง อุปกรณ์ควบคุมการขับขี่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับ แลนด์ โรเวอร์ รุ่นก่อน
ภายในมีเบาะนั่งแยกออกเป็น 4 ที่นั่ง โดยมีโครงเป็นอลูมิเนียม และเบาะขึ้นรูปจากหนังอัดสีน้ำตาลเข้ม เป็นดีไซจ์นที่ล้ำยุคมากๆ ผิวของเบาะค่อนข้างแข็งกระด้าง แต่มีความสมบุกสมบัน และมีอายุการใช้งานที่นานขึ้นตามเอกลักษณ์ของ แลนด์ โรเวอร์
วัสดุที่ใช้เป็นวัสดุจากธรรมชาติหลายชนิด ทั้งหนังแท้ และไม้โอค ที่สามารถสร้างความกลมกลืนกับอลูมิเนียมได้อย่างเหมาะเจาะ หนังอัดที่นอกจากนำมาทำเบาะนั่งแล้ว ยังเป็นผิวหน้าของแดชบอร์ดและคอนโซลกลาง ส่วนแผงข้างบุด้วยหนังแท้สีงา หน้าปัดของเกจวัดเป็นอลูมิเนียม
ภายในติดตั้งจอดีวีดี 2 จอ โดยจอหนึ่งสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และอีกจอสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าซึ่งนอกจากจะเป็นอุปกรณ์ความบันเทิงแล้ว ยังเป็นจอแสดงข้อมูลต่างๆ อีกด้วย
เรนจ์ สตอร์เมอร์ เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคตหลากหลายอย่างที่จะนำมาใช้กับ แลนด์โรเวอร์ รุ่นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถังที่เปลี่ยนจากแชสซีส์ แบบบอดี ออน เฟรม มาเป็นแบบโมโนคอกที่ให้ความยืดหยุ่นพร้อมๆ กับความแข็งแกร่ง ให้ความปลอดภัยสูงสุด ทั้งการขับขี่บนทางเรียบ และทางวิบาก
ระบบรองรับอิสระสี่ล้อ สามารถปรับระดับความสูง/ต่ำได้ด้วยระบบแอร์สปริง ที่ให้ทั้งความนุ่มนวลตอบสนองการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และประสิทธิภาพสูงสุดในเส้นทางวิบาก
ระบบ เทอร์เรน เรสปอนส์ เป็นผลงานทางวิศวกรรมจากศูนย์วิศวกรรม และออกแบบของ แลนด์ โรเวอร์ที่เกย์ดอน ในอังกฤษ ระบบนี้จะช่วยให้รถมีสมรรถนะการขับเคลื่อนสูงสุดในทุกสภาพการขับขี่ ทั้งบนทางเรียบและวิบาก ระบบนี้จะทำงานจากการเลือกสภาพพื้นผิวจากสวิทช์หมุนที่แผงควบคุม ซึ่งมีสภาพพื้นผิวต่างๆให้เลือกถึง 6 รูปแบบ คือ
- ไดนามิค (DYNAMIC) สำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง และบนถนนที่มีกระแสลมแรง
- นอร์มอล (NORMAL) สำหรับการใช้งานปกติ
- กราสส์/สโนว์ (GRASS/GRAVE/SNOW) สำหรับสภาพพื้นผิวที่ลื่น
- แซนด์ (SAND) สำหรับพื้นทราย
- ดีพ รัทส์ (DEEP RUTS) สำหรับทางหล่มลึก
- รอคส์ (ROCKS) สำหรับการขับเคลื่อนบนก้อนหิน
ระบบ เทอร์เรน เรสปอนส์ จะควบคุมเครื่องยนต์ (รวมทั้งระบบ ENGINE MAPPING), ระบบเกียร์,ระบบแอร์สปริง (ควบคุมความสูง และความหนืด), การถ่ายทอดกำลัง (การปรับชุดเฟืองขับเคลื่อน),ระบบทแรคชันคอนโทรล (ควบคุมการทรงตัว และการขับเคลื่อนลงจากที่ลาดชัน) และระบบเบรค (เอบีเอส และระบบกระจายแรงเบรคควบคุมด้วยอีเลคทรอนิค) ซึ่งจะสั่งการให้ระบบต่างๆ ทำงานสอดคล้องตามสภาพพื้นผิวที่ผู้ขับขี่ทำการปรับแต่ง
เครื่องยนต์ของ เรนจ์ สตอร์เมอร์ เป็นเครื่องยนต์ซูเพอร์ชาร์จ วี 8 สูบ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สมรรถนะสูงของ แจกวาร์ เอกซ์เจอาร์ และเอกซ์เคอาร์ ที่มีสมรรถนะสูงสุดทั้งกำลังและแรงบิด ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของ เรจน์ สตอร์เมอร์ ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองการขับขี่อย่างนุ่มนวลทั้งยังมีคุณสมบัติป้องกันน้ำได้เป็นอย่างดี
กำลังจากเครื่องยนต์ถูกถ่ายทอดผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ควบคุมด้วยระบบอีเลคทรอนิค ของ ZF ชุดทรานสเฟอร์จะให้การขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา และทำการเลือกอัตราทดควบคุมด้วยระบบอีเลคทรอนิค
คาดว่า เรนจ์ สตอร์เมอร์ มีความเป็นไปได้สูง ที่จะผลิตออกมาด้วยรูปทรงที่ไม่แตกต่างไปจากนี้ ด้วยจุดเด่นตั้งแต่ความลงตัวของรูปทรง เทคโนโลยี ประโยชน์ใช้สอย และที่สำคัญคือ สมรรถนะที่เร้าใจไม่น้อยอีกไม่นานคงจะได้เห็น เรนจ์ สตอร์เมอร์ บนท้องถนนแน่นอน
เรื่องโดย : อกนิษฐ์ ทัพภะสุต
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : นานารถแนวคิด
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56404