โลกรถยนต์สนทนา(4wheels)
MITSUBISHI STRADA
จากรายการ โลกรถยนต์ ช่วง "ฟอร์มูลา ฟอรัม" ทาง NATION CHANNEL (TTV 1)
ออกอากาศ วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม 2547 เวลา 17.00-18.00 น.
สำหรับการแข่งขันแรลลี ปารีส-ดาการ์ 2004 ครั้งนี้ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดได้จัดงานแถลงข่าวความสำเร็จของนักแข่งไทยรายเดียว พรสวรรค์ ศิริวัฒนกุล ที่ครองตำแหน่งอันดับที่ 5 ในรุ่น T2 และอันดับที่ 15 โอเวอร์ออลล์ ของการแข่งขัน สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่สำหรับวงการมอเตอร์สปอร์ท
สาโรจน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานปฏิบัติการหลังการจำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิมอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการสนับสนุน พรสวรรค์ ศิริวัฒนกุล นักแข่งไทยเพียงคนเดียวในการแข่งขันแรลลีหฤโหด ปารีส-ดาการ์ 2004 ในรายการ "โลกรถยนต์" ช่วง "ฟอร์มูลาฟอรัม" โดยมี ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ และสายยศ สุวรรณหงษ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ
ขวัญชัย : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ให้การสนับสนุน พรสวรรค์ ศิริวัฒนกุลอย่างไรบ้าง ?
สาโรจน์ : ทางบริษัท ฯ ได้ให้การสนับสนุน พรสวรรค์ มานานหลายปีแล้วและครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกกับรายการแข่งขันแรลลีหฤโหด ปารีส-ดาการ์เฉพาะมูลค่ารถแข่งเพียงอย่างเดียวก็ 30 ล้านบาท แต่ถ้าคิดรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการแข่งขัน ตั้งแต่ทีมเซอร์วิศ ค่าสมัคร และรถแข่ง ก็กว่า 70 ล้านบาท
ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ ได้สร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักในวงการมอเตอร์สปอร์ท ด้วย แรลลีอาร์ท ซึ่งเราเองพยายามสานต่อแนวความคิดเดิมมาโดยตลอด
จาก ปาเจโร มาเป็น สตราดา และด้วยเครื่องยนต์ดีเซลพลังแรงอย่างแรลลีมาสเตอร์ ที่พัฒนามาจากสนามแข่ง เราจะทำให้คนไทยเป็นแชมพ์รายการ FIA WORLD CUP CROSS COUNTRY RALLIES-DAKAR 2004 หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ดาการ์ 2004
สายยศ : การแข่งขันรายการนี้ มีมานานกี่ปี และแบ่งการแข่งขันออกเป็นกี่ประเภท ?
สาโรจน์ : การแข่งขันแรลลีปารีส-ดาการ์ ในปีนี้ถือเป็นปีที่ 26 โดยแบ่งประเภทของการแข่งขันออกเป็น 3 ประเภทใหญ่คือ รถยนต์/รถมอเตอร์ไซค์ และรถบรรทุก แต่สำหรับ มิตซูบิชิ เอง จะเน้นรถยนต์เป็นหลัก ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
ประเภทแรก ที 1 (T1) เป็นรถที่ออกจากไลน์การผลิตแล้วนำมาแข่งเลย ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล
ประเภทที่สอง ที 2 (T2) เป็นรถที่จำหน่ายอยู่ทั่วไป แต่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ เพื่อให้เหมาะสมกับการแข่งขัน ทั้งเบนซิน และดีเซล
ประเภทสุดท้าย ที 3 (T3) เป็นโพรโทไทพ์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อนำมาใช้ในการแข่งขันเท่านั้น
ในปีนี้เราได้ขยับ พรสวรรค์ จากนักแข่งในรุ่น ที 2 มาเป็นนักแข่งในรุ่น ที 3 เพราะผลงานและความสำเร็จที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งชนะเลิศประเภท ที 2 โอเวอร์ออลล์ ถึง 2 ปี และอันดับที่ 9เวลารวม บวกความสามารถในการขับรถแข่ง ด้วยวัย 43 ปี ที่สามารถคว้าแชมพ์ประเทศไทยทั้งแรลลีขับเคลื่อน 4 ล้อ โอเวอร์ออลล์ และแชมพ์มาราธอน โอเวอร์ออลล์ ในปี 2546
ในครั้งนี้ พรสวรรค์ ยังรับหน้าที่สำคัญ โดยเป็นนักขับรถแข่ง สตราดา แอล 200 โพรโทไทพ์ให้กับทีม มิตซูบิชิ ซึ่งป็นรถแข่งเพียงคันเดียวของทีม ฯ ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ในกลุ่ม ที 3
ขวัญชัย : คาดหวังกับความสำเร็จในการเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ มากน้อยเพียงใด ?
สาโรจน์ : การแข่งขันรายการนี้ถือว่าเป็นรายการที่โหดที่สุด เพราะต้องแข่งกันถึง 18 วัน และใช้ระยะทางรวมกว่า 10,000 กม. ความพร้อมคือ สิ่งสำคัญ แต่ลิ่งที่ต้องทำให้ได้คือ ไปให้ถึงเส้นชัย
พรสวรรค์ เคยมีประสบการณ์ที่เลวร้ายจากการแข่งขันรายการนี้มาแล้ว โดยครั้งนั้น รถเกิดเสียและต้องรอคอยความช่วยเหลืออยู่ท่ามกลางทะเลทรายนานกว่า 3 วัน
พรสวรรค์ เคยกล่าวไว้ก่อนการแข่งขัน คือ ถึงจะนำมาตลอด 17 วัน แต่ถ้าไปไม่ถึงในวันที่ 18ก็ไร้ประโยชน์
นอกจากต้องไปให้ถึงแล้ว ยังต้องสู้กับคู่แข่งขันที่น่ากลัว ซึ่งเป็นนักแข่งดังๆ จากรายการแข่งขันแรลลีชิงแชมพ์โลก อีกหลายคน และทีมแข่งที่มีรถแข่ง รุ่น ที 3 ดีเซลอยู่ถึง 2 คัน อย่างทีมบีเอมดับเบิลยู
สายยศ : นอกจากรายการนี้แล้ว มิตซูบิชิ จะส่ง พรสวรรค์ เข้าร่วมการแข่งขันแรลลี
เอเชียแปซิฟิค หรือไม่ ?
สาโรจน์ : คงจะไม่ เพราะถ้าจะไปสู้กับทีมโปรตอน ที่มีเงินอัดฉีดจากรัฐบาลมาเลเซีย เราไม่มีมากขนาดนั้น ที่สำคัญเรามี สตราดา ซึ่งเป็นรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ผลิตและส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก และถือว่าเป็นรถแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยมานานนับ 10 ปีเราจึงมุ่งเน้นตรงจุดนี้มากกว่า
แต่ใช่ว่าจะไม่สนใจรถในกลุ่มซีดาน นอกจากรถแรงอย่าง เอโวลูชัน ซึ่งเรามีถึง เอโวลูชัน 9 รถแข่งตัวใหม่ในรายการแรลลีชิงแชมพ์โลกแล้ว และในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะเปิดตัว เซดีอา 2.4ที่แรงสะใจ ให้คนไทยสัมผัส ถ้ามีเสียงเรียกร้องเข้ามามากๆ
สายยศ : มิตซูบิชิ ฯ จะนำรถซีดาน 5 ประตูขนาดเล็กที่มีอยู่ เข้ามาผลิตและจำหน่ายหรือไม่ ?
สาโรจน์ : สำหรับ โคลท์ ที่เคยนำเข้ามาแนะนำ และเปิดโอกาสให้ทดลองขับแล้วนั้น คงต้องรอสรุปจากทางบริษัทแม่ว่าจะให้ใช้ประเทศไทย หรือประเทศจีน เป็นฐานการผลิตนอกจากประเทศญี่ปุ่น
เรื่องโดย : ธนสาร เสาวมล
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : โลกรถยนต์สนทนา(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56383