วิถีตลาดรถยนต์
ตลาด 4x4 ทำท่าไม่รุ่ง
กรกฎาคมเป็นอีกเดือนหนึ่งที่สภาวะตลาดรถยนต์ในบ้านเรายังยืนหยัดในวิถีความคึกคักอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าจะย่างเข้าสู่ฤดูกาลที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยต่อการทำมาค้าขายเนื่องจากเป็นช่วงของฤดูฝนก็ตามที
ยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนนี้ ทำสถิติยอดจำหน่ายได้สูงสุดนับตั้งแต่ต้นปีมาอีกแล้วโดยมียอดจำหน่ายได้ทั้งสิ้นถึง 45,642 คัน ด้วยอัตราการขยายตัวของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นอีกถึง ร้อยละ 32.8
วันก่อนได้เห็นได้ยินนักบริหารการตลาดระดับชั้นซีอีโอท่านหนึ่ง ออกมาวิเคราะห์สภาวะเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ด้วยความมั่นใจว่า ที่อะไรๆ มันไหลลื่นมีความคล่องตัวในทุกด้านก็เพราะประเทศเรากำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ความรุ่งโรจน์อย่างมั่นคงแล้ว
ในระดับรากหญ้าหรือระดับพื้นฐานล่างของสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดฐานะทางเศรษฐกิจของประชาคมในส่วนนี้เริ่มจะปรับระดับหนีห่างจากความยากจนเพิ่มมากขึ้นแล้ว
ดัชนีที่ชี้บ่งชัดในทิศทางเช่นนี้ สามารถประเมินได้จากวิถีการดำรงชีพของผู้คนที่ปรากฏเป็นรูปธรรมแต่ไหนแต่ไรในยุคที่เศรษฐกิจอ่อนแอ บะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อดังยอดนิยมยี่ห้อหนึ่งสามารถผลิตออกจำหน่ายได้จำนวนมหาศาลเพราะมันได้กลายเป็นอาหารหลักประทังชีพให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจได้อย่างดี แต่มาถึงยุคนี้ บะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อนี้กำลังเจอกับปัญหาใหญ่ขายได้น้อยลงจนต้องลดปริมาณการผลิตอย่างมากมายแสดงว่าฐานะทางเศรษฐกิจของผู้คนเริ่มจะดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาบะหมี่สำเร็จรูปประทังชีวิตอีกต่อไปแล้ว
แต่ไม่ได้บ่งบอกว่า การที่คนเริ่มมีฐานะดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาบะหมี่สำเร็จรูปแล้ว ได้หันไปยกระดับการบริโภคไปสู่ระดับพิชชาหรือแฮมเบอร์เกอร์หรือเปล่า
ในส่วนของคนในระดับกลางก็มีการเปลี่ยนแปลงสถานะเช่นเดียวกันมีสภาพความคล่องทางการเงินดีขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมากคนในระดับนี้จึงมีศักยภาพในการจับจ่ายใช้สอยหันมาซื้อหาความสะดวกสบายให้กับตัวเองมากขึ้น รถยนต์คือสิ่งที่คนระดับนี้แสวงหา
และนี่เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่มองเห็นกันว่าตลาดรถยนต์ในบ้านเรากำลังเข้าสู่ช่วงของความรุ่งโรจน์อีกครั้ง
ในระดับปลายยอดของสังคม ซึ่งก็คือคนที่มีฐานะร่ำรวย ไม่ได้มีการวิเคราะห์พฤติกรรมเอาไว้ให้รับรู้กันแต่ก็พอจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนอีกเหมือนกัน ความร่ำรวยคงจะเพิ่มสูงขึ้นอีกไม่ใช่น้อยไม่งั้นคงไม่มีการแสดงออกให้เห็นว่า เรื่องเงินเรื่องทองนั้นมันเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยเสียเหลือเกินไม่งั้นไม่แสดงท่าทีเริงร่าเบิกบานเมื่อได้จ่ายเงินเป็นค่าครอบครองสิทธิในการได้ใช้ทะเบียนรถยนต์เลขสวยเป็นเงินถึง 4 ล้านบาท ซึ่งว่าไปแล้วกินเนสส์บุคออฟเรคอร์ดคงจะได้บันทึกเอาไว้แล้วว่าแค่ป้ายทะเบียนรถยนต์ในเมืองไทยคงจะมีมูลค่าสูงที่สุดในโลกก็เป็นได้
หันมาว่ากันที่วิถีทางของตลาดรถยนต์ในเมืองไทยกันอีกที
ในขณะที่ตลาดรถยนต์ในกลุ่มรถเก๋ง และในกลุ่มรถพิคอัพ กำลังเดินหน้าไปสู่ความคึกคักอย่างสุดๆตลาดรถยนต์อีกบางกลุ่มที่เคยคาดหมายกันว่าจะติดทำเนียบยอดนิยม อันได้แก่ กลุ่มตลาดรถประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมีทั้งระดับหรูและระดับเท่ ว่ากันตั้งแต่รถเอสยูวี และพิคอัพ 4x4 ตลอดไปจนถึงรถใช้งานอเนกประสงค์ที่เรียกกันว่าเอมพีวี ถึงกับมีการเสนอตัวเข้ามาให้เลือกกันทั้งความหลากหลายของสไตล์และหลากหลายยี่ห้อ จนแทบจะจดจำยี่ห้อกันไม่หวาดไม่ไหว
ถึงวันนี้ การณ์กลับปรากฏว่า ตลาดรถในกลุ่มที่ว่านี้ชักจะออกอาการพิกลๆ อยู่ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถทำตลาดให้เป็นเนื้อเป็นหนังเพิ่มขึ้น ยังจะส่อแววว่า มีแนวโน้มที่จะถดถอยเตี้ยลงไปทุกทีเอาด้วยซ้ำไป
ตลาดรถพิคอัพ 4x4 เดือนกรกฎาคม มียอดจำหน่ายทั้งสิ้นแค่ 3,680 คัน ขายเพิ่มขึ้นจากเดิมเพียงแค่ร้อยละ 11.0 เท่านั้น
ถ้าเอากระแสความตื่นตัวทางด้านตลาดรถประเภทนี้ แต่เป็นรถพิคอัพในแบบธรรมดาๆ มาวัดกันพิคอัพ 4x4 แทบจะมองไม่เห็นอนาคต
ในตลาดรถเอสยูวี ยิ่งไปกันใหญ่ เดือนนี้มียอดขายเพียงแค่ 2,212 คันปริมาณการขายลดลงไปจากเดิม ร้อยละ 12.9
มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในกลุ่มตลาดนี้จนต้องจับตาดูเป็นพิเศษก็คือ เอสยูวี ของ ฮอนดาเคยครองความเป็นเอสยูวียอดนิยมขายได้มากที่สุดมาโดยตลอด แต่มาถึงวันนี้ ตำแหน่งนำทางการตลาดของรถในกลุ่มนี้ เปลี่ยนแปลงไปเสียแล้ว เอสยูวี ของ ฟอร์ด ผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดเสียแล้ว จะขึ้นมานำอย่างถาวร หรือจะเป็นอุบัติเหตุชั่วครั้งชั่วคราวคงจะต้องติดตามดูกันต่อไป
ตลาดรถเอมพีวี ยังกระท่อนกระแท่นไม่เป็นโล้เป็นพายอยู่เหมือนเดิม ยอดขายได้ในเดือนนี้มีเพียง 591คัน ขายน้อยลงไปกว่าเดิมอีก ร้อยละ 1.7
กลุ่มตลาดรถที่สร้างความเบ่งบานให้กับตลาดรถโดยรวมไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ ตลาดรถพิคอัพกับตลาดรถเก๋ง
ตลาดรถเก๋ง มียอดจำหน่ายทั้งหมดในเดือนนี้ 14,423 คัน ขายมากกว่าปีก่อนถึง ร้อยละ 34.4
ต้องยอมรับกันละว่า เจ้าตลาดรถเก๋งในวันนี้หนีไม่พ้น 2 ยี่ห้อนี้ คือ โตโยตา กับฮอนดา ยอดขายของ 2ยี่ห้อนี้ก็มีปริมาณเกินกว่าครึ่งของตลาดไปจนจะกลายเป็นการผูกขาดทางการตลาดไปแล้วเพราะมีส่วนแบ่งของตลาดไปถึง ร้อยละ 82.7 รวมกัน ที่เหลืออีกนิดๆ หน่อยๆ กระจายกันไปตามยี่ห้อต่างๆพอให้ดูมีสีสันเท่านั้น
ตลาดรถพิคอัพ เฉพาะประเภท 4x2 อย่างเดียว เดือนนี้ยอดขายยิ่งไปกันใหญ่ อยู่ที่ 22,370 คันขายมากกว่าปีก่อนถึง ร้อยละ 43.1
พิคอัพ อีซูซุ กับโตโยตา ตั้งหน้าตั้งตาโกยยอดขายจนพิคอัพยี่ห้ออื่นๆ เหงาและกับตำแหน่งเจ้าตลาดรถพิคอัพคงเป็นของ อีซูซุ อย่างเหนียวแน่นต่อไป
7 เดือนของปี 2546 ผ่านไปแล้ว ยอดจำหน่ายรถยนต์ทั้งหมดนับได้ 292,153 คันเข้าไปแล้วขายได้มากกว่าปีก่อนถึง 76,189 คัน โดยมีอัตราการเติบโตของตลาดสูงขึ้นถึง ร้อยละ 35.3ถ้าตลาดรถยังส่อแววรุ่งอย่างนี้ปีนี้ทั้งปีเห็นจะต้องมาดูกันว่าจะเกินหลัก 500,000 คัน ไปอีกสักเท่าไหร่กันดี
เรื่องโดย : หลวงเลียบเมือง
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56194