รู้ไว้ใช่ว่า
ลูกหนี้ตัวแสบ
คดีความงวดนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับรถบรรทุกโดนยึด ขณะที่เจ้าของจักแหล่นจะติดคุก มาดูซิว่าเจ้าของจะเอารถคืนได้หรือไม่ จะรอดจากคุกหรือไม่
แรกเริ่มเดิมที "นายเครดิท" มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ "นางเจ้าทรัพย์" จำนวนเงินโขอยู่ทีเดียว ปรากฏว่านางเจ้าทรัพย์เบี้ยวบิด ไม่ยอมใช้หนี้ทั้งต้นทั้งดอก นายเครดิทจึงเชคบิลล์ฟ้องร้องนางเจ้าทรัพย์เป็นคดีแพ่ง แล้วตามมาด้วยการบังคับคดี ยึดที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งปลูกต้นยูคาลิพทัส ไว้เยอะแยะเพื่อขายทอดตลาด
การยึดที่ดินเพื่อบีบบังคับเอาเงินจากนางเจ้าทรัพย์ทำท่าจะสำเร็จ เพราะนางเจ้าทรัพย์เจรจาความ บอกกับนายเครดิทให้ตัดเอาต้นยูคาไปขายก็แล้วกัน ขายได้อยู่หรอก พอแก่หนี้อยู่หรอกไม่ต้องวิตก ไม่ต้องยุ่งกับที่ดิน แต่คุณต้องไปตัดเอง หนูไม่ยุ่งนะ
นายเครดิทดีดลูกคิดอยู่ในใจแล้วเห็นว่า การเอาต้นยูคาไปขายน่าจะดีกว่าการยุ่งเกี่ยวกับที่ดิน เพราะต้นยูคาขายได้ไม่ยาก มีคนรับซื้อทันทีอยู่แล้ว นายเครดิทจึงนำรถบรรทุกคันหนึ่งพร้อมพวกว่าจ้าง "นายเมื่อย" กับ "นายเหนื่อย" พร้อมอุปกรณ์เพื่อไปตัดไปขนไม้ยูคา
การตัดยูคาเป็นไปอย่างราบรื่น โค่นลงได้เบ็ดเสร็จ 1,350 ต้น บรรทุกขึ้นรถเสร็จสรรพเตรียมขับไปขาย
ระหว่างนั้นนางเจ้าทรัพย์แสดงความเจ้าเล่ห์ โทรศัพท์บอกนายแหลมเปี๊ยบ ซึ่งแท้ที่จริงเป็นเจ้าของต้นยูคา ปลูกไว้โดยทำสัญญาเช่าที่ดินของนางเจ้าทรัพย์
ตำรวจซึ่งได้รับแจ้งจาก "นายแหลมเปี๊ยบ" จึงเฮโลไปจับกุมบุคคลทั้งสาม ซึ่งแตกกระเจิง วิ่งหนีป่าราบพร้อมยึดรถยนต์กับไม้ยูคาไปไว้ที่โรงพัก โดยนายแหลมเปี๊ยบอ้างว่าเป็นเจ้าของต้นยูคาตัวจริงเสียงจริง ไม่ใช่ของนางเจ้าทรัพย์หรอก
ตำรวจสอบสวนเสร็จเป็น 2 คดี เพราะจับมาได้ไม่พร้อมกัน ส่งเรื่องให้อัยการพิจารณา ต่อจากนั้นนายเมื่อย นายเหนื่อย และนายเครดิทก็ตกเป็นจำเลยที่ศาล เมื่ออัยการนำตัวไปฟ้องข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ในคำฟ้องยังขอริบรถยนต์บรรทุก ส่วนไม้ยูคาขอให้คืนแก่เจ้าของ
ศาลรวมพิจารณาสองคดีซึ่งมีจำเลย 3 คน เข้าเป็นคดีเดียว แล้วพิจารณาเป็นคดีนี้
นายแหลมเปี๊ยบก็กัดไม่ปล่อย ให้ทนายยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม กะบี้ให้อยู่หมัด
จำเลยทั้งสามดิ้นรนให้พ้นคุกด้วยการจ้างทนายสู้คดี ให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้มีเจตนาลักทรัพย์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าการนำสืบของจำเลยฟังไม่ขึ้น ไม่ได้ซื้อจริง ขณะที่นายแหลมเปี๊ยบมีพยานหลักฐานยืนยันว่าต้นยูคาเป็นของตน ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามตามฟ้อง ให้จำคุกคนละ 4 ปี 6 เดือน ไม้ยูคาของกลาง คืนให้เจ้าของ ที่สำคัญคือ รถบรรทุกราคาอักโขศาลสั่งริบไปด้วย
นายเมื่อย นายเหนื่อย และนายเครดิท หน้าเหลือง เฉพาะนายเครดิทหนักกว่าเพื่อน รถบรรทุกทั้งคันโดนศาลสั่งริบ จึงอยู่ไม่ได้ กระเสือกกระสนต่อไปด้วยการยื่นอุทธรณ์
คราวนี้อ้างด้วยว่า นายเครดิทไปตัดไม้ยูคาเพราะนางเจ้าทรัพย์ตีใช้หนี้ เข้าไปตัดเพราะคิดว่าเป็นไม้ของนางเจ้าทรัพย์ซึ่งเจ้าเล่ห์เหลือเกิน อ้อ ! ทราบมาด้วยว่าแท้ที่จริงนางเจ้าทรัพย์กับนายแหลมเปี๊ยบได้เสียเป็นผัวเมียกัน มีลูกด้วยกัน จึงเชื่อว่าไม้ยูคาเป็นของนางเจ้าทรัพย์
ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามได้เฮ เพราะ
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เชื่อว่านายเครดิทกับพวกไม่ได้มีเจตนาลักทรัพย์ เข้าไปตัดไม้ยูคาในที่ดินของนายแหลมเปี๊ยบเพราะคิดว่าเป็นไม้ของนางเจ้าทรัพย์ ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมเสีย เอาผิดจำเลยทั้งสามไม่ได้
คราวนี้อัยการและนายแหลมเปี๊ยบเป็นฝ่ายดิ้นรนบ้างด้วยการยื่นฎีกา ยืนยันว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาลักทรัพย์ การสู้คดีก็เป็นพิรุธ อ้างว่าซื้อจากคนที่เขาบอกขายทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง ต้องลงโทษเอาเข้าตะรางให้เข็ด
ศาลฎีกาพิจารณาคดีนี้อย่างเที่ยงตรงยิ่งกว่านาฬิกาชั้นดี แล้วชี้ขาดออกมาว่า
ตามทางพิจารณาได้ความจากพยานหลักฐานที่นายแหลมเปี๊ยบนำสืบ ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามตัดเอาไม้ยูคาซึ่งเป็นของนายแหลมเปี๊ยบไปจริง ข้ออ้างของนายเมื่อยและนายเหนื่อยที่ค่อนข้างสะเปะสะปะว่าซื้อไม้มาจากคนที่เขาบอกขาย จ่ายเงินแล้ว ฟังไม่ขึ้น
แต่จำเลยทั้งสามอย่าเพิ่งเข่าอ่อน คิดว่าจะได้กินนำนอนนำในคุก เพราะปรากฏชัดว่า นางเจ้าทรัพย์ทำบันทึกไว้ให้แก่นายเครดิท เมื่อตอนที่นายเครดิทยึดที่ดินเพื่อขายทอดตลาด ปรากฏข้อเท็จจริงว่านางเจ้าทรัพย์เป็นหนี้เป็นสินนายเครดิท แล้วตกลงให้นายเครดิทตัดไม้ยูคาเพื่อตีใช้หนี้ นอกจากนั้นยังปรากฏด้วยว่าแท้ที่จริงนางเจ้าทรัพย์กับนางแหลมเปี้ยบเป็นผัวเมียกัน มีลูกด้วยกัน
ศาลจึงเชื่อว่านายเครดิทพาพวกไปตัดไม้ยูคาโดยสุจริต คิดว่าเป็นไม้ของนางเจ้าทรัพย์ที่ตกลงตีใช้หนี้ หลังจากที่นายเครดิทไปยึดที่ดินซึ่งปลูกต้นยูคาเพื่อขายทอดตลาด การที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นด้วย
ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนให้ยกฟ้อง
เห็นหรือยังว่านางเจ้าทรัพย์นั้นเจ้าเล่ห์ขนาดไหน หาทางเอานายเครดิทกับพวกเข้าคุกอย่างเห็นๆหน็อย ! บอกให้เขาไปตัดไม้ยูคาเพื่อตีใช้หนี้ เสร็จแล้วสมคบกับนายแหลมเปี๊ยบแจ้งตำรวจนายแหลมเปี๊ยบยังลงมือเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วย เพื่อเล่นงานนายเครดิทกับพวกให้อยู่หมัด
โดยนางเจ้าทรัพย์รู้อยู่แก่ใจว่า เป็นคนตกลงให้นายเครดิทไปตัดไม้ยูคาเอง แถมยังเป็นผัวเมียกับนายแหลมเปี๊ยบอยู่แท้ๆ แต่ออกท่าว่านายแหลมเปี๊ยบเป็นคนอื่น มาเช่าที่ดินของนางปลูกยูคา
นี่คือการโกงแบบหนึ่งที่เจ็บแสบ กว่านายเครดิทกับพวกจะหลุดออกมาได้ เล่นเอาหอบก็แล้วกัน
อะไรไม่ว่า รถบรรทุกคันละหลายสตางค์จวนเจียนที่ศาลจะสั่งริบ เจ๊งหนักเข้าไปอีก นอกเหนือติดคุกระนาว
แสบจริงๆ นางเจ้าเล่ห์เอ๊ยเจ้าทรัพย์คนนี้
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673-1674/2535
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56113