ชีวิตอิสระ(4wheels)
สีสันบนท้องฟ้า
เมื่อ พศ. 2404 นักปักษีวิทยา พบซากโบราณอายุประมาณ 130 ล้านปี ในแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี มันคือ"อาร์คีออพเทอริกซ์" (ARCHAEOPTERYX) สัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ที่มีลักษณะกึ่งนกกึ่งสัตว์เลื้อยคลาน กระดูกหางยาวมีขนปกคลุมทั่วลำตัว หลังจากนั้นอีกหลายล้านปีต่อมา ผ่านวิวัฒนาการหลายยุคหลายสมัยต้นตระกูลของสัตว์ปีกชนิดนี้ ก็เริ่มถือกำเนิดขึ้น ขณะเดียวกันลักษณะที่คล้ายสัตว์เลื้อยคลานของมันก็ค่อยๆสูญพันธุ์ไป จนเหลือเพียงสัตว์เลือดอุ่นที่เรารู้จักในชื่อ "นก" เมื่อประมาณ 11,000 ปีที่แล้ว เป็นต้นมา
จากการสำรวจพบว่า ประเทศไทยในปัจจุบันมีนกทั้งหมด 71 วงศ์ 946 ชนิด ซึ่งก่อนหน้านี้ มีนกที่สูญพันธุ์ไปแล้ว 5ชนิดด้วยกันคือ นกกระสาปากเหลือง นกพงหญ้า นกกระเรียน นกช้อนหอยดำ และนกช้อนหอยใหญ่ส่วนนกที่ใกล้สูญพันธุ์มีประมาณ 20 ชนิด และอีกประมาณ 40 ชนิด เป็นนกที่หาได้ยากมากในปัจจุบัน
เตรียมตัวดูนก
สำหรับผู้ที่สนใจดูนก ไม่ว่าจะเพื่อศึกษาหาความรู้ หรือเพื่อความสุขทางใจก็แล้วแต่ จะต้องมีอุปกรณ์หลักๆคือ"กล้องส่องทางไกล" สำหรับขยายภาพนกที่อยู่ในระยะไกลให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น และ "คู่มือดูนก"ซึ่งจะบอกรายละเอียดรวมทั้งลักษณะต่างๆ ของนกแต่ละชนิดไว้ ช่วยให้จำแนกชนิดของนกได้รวดเร็วขึ้นนอกจากนี้ก็ควรพก "สมุดบันทึก" ติดตัวไว้สักเล่ม เพื่อจดบันทึกรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับนกและธรรมชาติที่เราได้พบเห็นมา จะได้เก็บไว้ศึกษาหรือทบทวนภายหลังได้
แยกให้ออก
สิ่งสำคัญในการดูนกก็คือ การจำแนกลักษณะของนกแต่ละชนิด ซึ่งจะทำให้เราทราบว่า นกที่เห็นอยู่เป็นนกชนิดใดโดยสังเกตจาก
ขนาดและรูปร่าง ด้วยการเปรียบเทียบกับขนาดของนกที่เราเห็นอยู่ประจำ เช่น นกกระจอกบ้าน นกเอี้ยง ฯ กับนกที่เราเห็นอยู่ในขณะนั้น
ลักษณะปาก ช่วยให้เราแยกประเภทหรือวงศ์ของนกได้ง่าย โดยลักษณะปากสามารถแยกได้ดังนี้
- ปากจับปลา เป็นปากแหลมยาวช่วยให้จับเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว บางชนิดมีปลายปากตรง เช่น นกกะเต็นบางชนิดปลายปากงุ้ม เช่น นกกาน้ำ
- ปากฉีกเหยื่อ เป็นปากของนกกินเนื้อ เช่น เหยี่ยว นกเค้าแมว มีลักษณะงองุ้มและแหลมคม
- ปากขบเมล็ดพืช ลักษณะสั้นและแข็งแรง สำหรับขบเมล็ดพืชให้แตกออก เช่น ปากของนกกระจาบ
- ปากกินน้ำหวาน เช่น นกกินปลี ซึ่งมีปากเรียวยาว ปลายโค้งเล็กน้อย สำหรับสอดเข้าไปในดอกไม้ก่อนยื่นลิ้น(ซึ่งมีลักษณะเหมือนหลอด) ออกไปดูดน้ำหวาน
- ปากจับแมลง เป็นปากยาวแหลม ช่วยให้จับแมลงกลางอากาศได้อย่างคล่องแคล่วขณะบินอยู่กลางอากาศ
- ปากเจาะไม้ ใช้สำหรับเจาะหาหนอนหรือแมลงตามต้นไม้ เช่น นกหัวขวาน ซึ่งมีปากยาวตรงขนาดใหญ่และมีกะโหลกที่สามารถทนต่อแรงกระแทกได้ดี
- ปากจิ้มเลน พบได้ในนกที่หากินตามชายเลน ส่วนใหญ่เป็นปากยาวและเรียวเล็ก สำหรับใช้แทงหรือจิ้มเลนเพื่อจับสัตว์น้ำขนาดเล็กกินเป็นอาหาร
- ปากไซ้หากิน เป็นลักษณะของนกที่หากินตามแหล่งน้ำ ลักษณะปากจะแบน ใหญ่ ช่วยให้ควานจับสัตว์น้ำได้ดี เช่นเป็ด เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีนกที่มีลักษณะปากแบบพิเศษ แตกต่างจากนกทั่วไป เช่น ปากของนกเงือกที่นอกจากจะมีขนาดใหญ่แล้ว ส่วนบนของปากยังมีโหนกตั้งขึ้นมาจนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้นกเงือกกลายเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีใครทราบว่าโหนกมีประโยชน์สำหรับนกเงือกอย่างไร
ขนหางของนกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ "ขนหาง" เป็นขนที่อยู่ปลายสุดของหางทำหน้าที่บังคับทิศทางและช่วยทรงตัวขณะบิน และ "ขนคลุมหาง" เป็นขนขนาดเล็กอยู่ด้านบนก่อนถึงขนหาง
หางนกสามารถแบ่งได้เป็น 6 ลักษณะด้วยกัน คือ แฉก เว้า ตัดตรง มน รูปลิ่ม และยาวแบน
สีและลวดลาย สังเกตแล้วนำไปเปรียบเทียบกับคู่มือ จะทำให้เราจำแนกชนิดได้ง่ายขึ้นมาก เพราะส่วนใหญ่แล้วนกแต่ละชนิดจะมีสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างชัดเจน การสังเกตสีและลวดลาย สามารถแยกได้เป็น 4 ส่วนคือ
- ลายหน้า สังเกตดูแถบสีหรือวงแหวน ที่คาดบริเวณหน้าและรอบดวงตา
- ลายด้านล่างลำตัว สังเกตสีของท้อง แถบ หรือลายขีดบนอก รวมทั้งสีของขาด้วย
- ลายด้านบนลำตัว สังเกตขีด จุด หรือลายต่างๆ
- สีและลวดลายขณะบิน สังเกตแถบบนปีกขณะบิน ว่าต่างจากสีของหลังหรือไม่ อย่างไรรวมทั้งสังเกตสีบริเวณสะโพกและแถบที่หางด้วย
พฤติกรรม ในกรณีที่เราไม่สามารถมองเห็นลักษณะต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้นได้ชัดเจนอาจสังเกตจากท่าทางการแสดงออกของนกแต่ละชนิดได้ โดยเริ่มสังเกตจากท่าเกาะพักว่านกเกาะในท่าตรงตั้งฉากหรือขนานกับกิ่งไม้ เกาะนิ่งหรือขยับตัวไปมา ชอบแกว่งหาง กระดกหางขึ้นลงหรือชอบแพนหาง เป็นต้น
เสียงร้อง ถ้าเราไม่เห็นตัวนก เสียงร้องก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราแยกชนิดได้ นอกจากนี้ เสียงร้องยังช่วยให้เราแยกชนิดของนกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันได้อีกด้วย
รู้จักวงศ์นก
วงศ์นกจับแมลง (MUSCICAPIDAE) เป็นนกขนาดเล็ก ปากแหลมสั้น มุมปากมีขนแข็ง ลำตัวป้อมขาเรียวเล็ก ตัวผู้มีสีสวยงามกว่าตัวเมีย เสียงร้องแหลมใส ชอบเกาะบนกิ่งไม้ เพื่อรอบินโฉบออกไปจับแมลงแต่ก็มีบางชนิดที่ลงมาจับแมลงตามพื้นหรือพุ่มไม้ สร้างรังเป็นรูปถ้วยตามง่ามไม้ ด้วยรากไม้ หญ้า และมอสพบในเมืองไทย 40 ชนิด
วงศ์นกกระเต็น (ALCEDINIDAE) ปากแหลมยาว หัวกลมโต ลำตัวอ้วนป้อม ขนมีสีสันสดใส ขาและหางสั้นอาศัยอยู่ตามที่โล่งใกล้แหล่งน้ำ เพื่อพุ่งตัวลงไปจับปลาในน้ำ บางชนิดกินแมลงและสัตว์เลื้อยคลานเป็นอาหารบินได้รวดเร็วโดยการกระพือปีกถี่ๆ ทำรังตามตลิ่ง ด้วยการใช้ปากขุดและใช้ตีนคุ้ยดินจนเป็นโพรงบางชนิดทำรังในโพรงไม้หรือรังมด พบในเมืองไทย 15 ชนิด
วงศ์นกขุนแผน (TROGONIDAE) เป็นนกที่มีสีสันสวยงาม ขนฟูและอ่อนนุ่ม ปากสั้นกว้างฐานปากลึกเข้าไปถึงใต้ตา หัวกลม ปีกมนสั้น หางยาว ขาสั้น อาศัยอยู่ตามกิ่งไม้รกทึบชอบเกาะนิ่งโดยไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานานๆ กินแมลงและผลไม้เป็นอาหาร ทำรังในโพรงไม้หรือตอไม้ผุพบในเมืองไทย 6 ชนิด
วงศ์นกพญาปากกว้าง (EURYLAIMIDAE) มีปากกว้างใหญ่ ปลายปากงุ้มลงเล็กน้อยสำหรับจับแมลงและสัตว์เล็กๆ บางชนิดกินใบไม้และผลไม้เป็นอาหาร หัวกลมโต ตาโต ลำตัวอ้วนป้อม ขาสั้นชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ทำรังเป็นก้อนกลมห้อยตามกิ่งไม้ ด้วยหญ้า ใบไม้ และรากไม้ มีทางเข้าออกด้านข้างพบในเมืองไทย 7 ชนิด
วงศ์นกแซวสวรรค์ (MONARCHIDAE) เป็นนกจับแมลงชนิดหนึ่ง แต่ลำตัวจะอวบกว่า หลายชนิดมีหางยาวปากแหลมตรง โคนปากแผ่กว้างออก ขาเรียวเล็ก ชอบเกาะอยู่บริเวณกลางและโคนต้นไม้เพื่อหาหนอนและแมลงกินเป็นอาหาร ไม่ค่อยบินโฉบกลางอากาศเหมือนนกจับแมลงทั่วไปรังทำเป็นรูปถ้วยด้วยหญ้าและเยื่อไม้ พบในเมืองไทย 5 ชนิด
วงศ์นกเงือก (BUCEROTIDAE) นกที่เรารู้จักกันดี จากปากที่หนาใหญ่และมีโหนกทางด้านบนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนใหญลำตัวมีสีขาว-ดำ หางยาว ปีกกว้างใหญ่ เวลาบินจะโบกปีกช้าๆกินผลไม้เป็นอาหารหลัก ทำรังในโพรงไม้ ตัวเมียจะเข้าไปกกไข่ในโพรง โดยใช้โคลนและมูลปิดปากโพรงไว้เหลือเพียงช่องพอให้ตัวผู้ยื่นส่งอาหารเข้าไปได้ เมื่อลูกนกโตพอแล้ว จึงเจาะโพรงออกมา พบในเมืองไทย 12 ชนิด
วงศ์นกเขน นกกางเขน และนกเดินดง (TURDIDAE) เป็นนกกินแมลงที่หากินทั้งบนต้นไม้ ยอดหญ้าลงไปถึงพื้นดิน ปากเรียวแหลม หัวกลม ลำตัวเพรียว หางมีทั้งสั้นและยาว ตีนใหญ่แข็งแรงจึงเกาะกิ่งไม้และกระโดดตามพื้นดินได้ดี มีเสียงร้องแหลมใส ชอบกินหนอนและแมลง บางชนิดกินผลไม้เป็นอาหารรังทำด้วยการนำใบไม้และกิ่งไม้มาสานเป็นรูปถ้วย พบในเมืองไทย 50 ชนิด
วงศ์นกแก้ว (PSITTACIDAE) มีปากหนาใหญ่ ปลายปากบนงองุ้ม หัวกลมโต ลำตัวเรียวยาว
นิ้วตีนเหยียดไปข้างหน้าสองนิ้ว ข้างหลังสองนิ้ว ปีกกว้าง อาศัยอยู่บนต้นไม้ โดยใช้ตีนและปากไต่ตามกิ่งไม้
สามารถใช้ตีนจับอาหารใส่ปากได้คล่องแคล่ว ทำรังในโพรงไม้ พบในเมืองไทย 7 ชนิด
วงศ์กา (CORVIDAE) เป็นนกขนาดใหญ่ ปากแหลมอวบหนา รูจมูกมีขนแข็งปกคลุม ปีกมนกลมชอบอยู่รวมเป็นฝูงและส่งเสียงดัง กินอาหารได้หลายอย่าง ทั้งลูกไม้ สัตว์เล็กๆ แม้กระทั่งซากสัตว์ พวกกามีขนสีดำส่วนนกสาริกาจะมีสีสันสวยงาม ใช้กิ่งไม้สานเป็นรัง พบในเมืองไทย 13 ชนิด
มนุษย์เคยยกย่อง "นก" เป็นตัวแทนของ "อิสรภาพ"...แต่ทุกวันนี้ "อิสรภาพ" กลับถูกขังไว้ในกรงเล็กๆพร้อมกับอาหารเม็ดสำเร็จรูปที่น่าสะอิดสะเอียน เพื่อสนองความอยากมีอยากได้ของมนุษย์บางกลุ่มที่ไม่เคยคิดเหลืออนาคตดีๆ ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม ชีวิตเล็กๆ กับเสียงไพเราะที่เราเคยได้ยินเสมอเมื่ออยู่ในป่าจึงค่อยๆ เงียบลง และจะจางหายไปในที่สุด ถ้าเรายังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่อยู่อย่างนี้...และลูกหลานของเราคงไม่ให้อภัยในความเลวร้ายที่พวกเราก่อเอาไว้
ขอขอบคุณ
- คุณไพศาล ชูนิตย์ เอื้อเฟื้อภาพนกสวยๆ ให้เรานำมาเผยแพร่ต่อไปยังชาว 4 WHEELS ผู้รักธรรมชาติทุกท่าน
- คุณธีรยุทธ ลีละขจรกิจ จาก N.C.C. MANAGEMENT & DEVELOPMENT CO., LTD. ที่พยายามหารูปนกมาให้เรา ถึงรูปจะใช้ไม่ได้ แต่น้ำใจของคุณทำให้เราไม่มีวันลืม
เรื่องโดย : สุรเชษฐ์ เทียนทอง
ภาพโดย : ไพศาล ชูนิตย์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/55633