เหลืออด

คดีนี้เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ "นายขันติ" ขับรถเก๋งไปกับภรรยา ถึงคราวซวย โดนรถโดยสารขับปาดหน้า นายขันติ เอาธรรมะเข้าขย่มไม่ทัน บึ่งรถไล่กวดแซงปาดหน้าเหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ลดละ ในที่สุด นายขันติ นั่นแหละขันแตก เมื่อได้จังหวะรถเก๋งไล่หลังรถโดยสารห่างราว 15 ม. นายขันติ คว้าปืนพกเล็งยิงไปที่ท้ายรถโดยสาร 2 ตูม กระสุนโดนรถทั้งสองนัด แต่ไม่มีใครเจ็บตาย รถโดยสาร แจ้งตำรวจ นายขันติก็ใจเย็นไปหน่อย ไม่ได้หลบไม่ได้หนีไปไหน หยุดรถเมื่อตำรวจโบก แล้วบอกว่า ยิงปืนขึ้นฟ้า พอตำรวจขอปืน นายขันติยึกยักไม่ยอมให้ ตำรวจซิวตัวนายขันติไปโรงพัก ด้วยข้อหาพยายามฆ่า เรื่องถึงอัยการ ส่งต่อไปที่ศาล นายขันติตกเป็น จำเลย นายขันติกับทนายที่จ้างมาดูเหมือนจะหัวไวพอสมควร สู้คดีแก้ตัวไปว่า มีคนร้ายขี่รถแมงกะไซค์ไล่ยิงรถ นายขันติ คนนั่งซ้อนท้ายยิงมา 1 นัด นายขันติจึงให้เมียส่งกระเป๋าปืน เอาออกมายิงขู่ขึ้นฟ้า 1 นัด เพื่อ ไล่คนร้าย ไม่ได้ยิงใส่รถโดยสารอย่างที่กล่าวหา ศาลชั้นต้นพิจารณาจากพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าคำแก้ตัวของนายขันติฟังไม่ขึ้น มีรอยกระสุนท้ายรถ โดยสาร 2 นัด เชื่อว่าเป็นฝีมือของนายขันติ ไม่ได้ยิงขึ้นฟ้าอย่างที่อ้าง แต่วิถีกระสุนอาจโดนผู้โดยสาร ได้ จึงตัดสินลงโทษฐานพยายามฆ่า จำคุก 10 ปี ฐานพกพาปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 1,000 บาท คำให้การแบ่งรับแบ่งสู้เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดให้หนึ่งในสาม เหลือจำคุก 6 ปี 8 เดือน ปรับ 800 บาท นายขันติ ตะเกียกตะกายให้ทนายยื่นอุทธรณ์ แก้ตัวอย่างเดิม ขอให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ พิจารณาเห็นว่านายขันติ ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าใคร จึงพิพากษาแก้ ยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่า ลงโทษเฉพาะข้อหาพกพาปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีแค่โทษปรับ จำเลยคือ นายขันติถอนหายใจโล่งอก แต่ยังไม่หมดเวรเพราะอัยการโจทก์ ยังติดใจยื่นฎีกาขึ้นไป ยืนยันว่ามีความผิดข้อหาพยายามฆ่า ศาลฎีกาพิจารณาคดีนี้อย่างใจเย็น แล้วชี้ขาดออกมาอย่างไม่รีบร้อนดังนี้ งานนี้มีผู้โดยสารเป็นพยานหนึ่งปาก ยืนยันว่ารถของนายขันติอยู่ห่างรถโดยสารแค่ 15 ม. พอได้ยินเสียง ปืนก็หันไปดู เห็นนายขันติถือปืนโผล่ทางหน้าต่างรถ ถ้ามีเสียงปืนนัดแรกแล้วนายขันติบอกให้เมียเอา กระเป๋าปืนออกมายิงขึ้นฟ้า ตามที่นายขันติอ้าง ผู้โดยสารจะไปเห็นปืนอยู่ในมือของนายขันติทันทีที่ปืนนัด แรกดังได้ยังไง ถ้าเป็นไปตามที่อ้าง มีคนร้ายอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ยิงใส่ 1 นัด ยิงขึ้นฟ้า 1 นัด กระสุน ต้องโดนรถโดยสารแค่นัดเดียว แต่ในความเป็นจริงกระสุนโดนฝากระโปรงห้องเก็บของท้ายรถโดยสาร จนทะลุ 1 นัด โดนเหนือไฟท้ายด้านขวาแต่ไม่ทะลุอีก 1 นัด ศาลบอกต่อไปว่า ถ้าโดนคนร้ายยิง นายขันติต้องแจ้งตำรวจเพื่อให้ช่วยตามจับ แต่ไม่พูดถึงเมื่อเจอ ตำรวจ ได้แต่พูดว่ายิงปืนขึ้นฟ้า ตำรวจขอปืนก็ไม่ให้ ผิดธรรมดา มีพิรุธ ศาลเชื่อว่านายขันติ ยัวะรถ โดยสารยิงปืนใส่ท้ายรถ 2 นัด รอยกระสุนเป็นพยาน ส่วนจะเอาผิดฐานพยายามฆ่าได้หรือไม่ ศาลฎีกาบอกว่า รอยกระสุนอยู่ต่ำกว่าผู้โดยสารซึ่งเป็นพยานนั่ง อยู่แค่ 15 และ 10 ซม. ตามลำดับ กระสุนนัดที่โดนเหนือไฟท้ายสูงขึ้นอีกนิดเดียวก็ทะลุกระจก อาจโดน ผู้โดยสารถึงเป็นถึงตาย นายขันติจึงไม่รอดสันดอน มีความผิดฐานพยายามฆ่า จึงพิพากษาให้ลงโทษติด ตะราง 6 ปี 8 เดือน จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2528