ใส่สีใส่สัน
NORTH BY NORTHWEST
ในห้วงเวลาทศวรรษที่ 60 ผมดูหนังมาก ติดตามผลงานสำคัญของผู้กำกับการแสดงที่ชื่นชอบหลายคนรวมทั้ง อัลฟเรด ฮิทช์คอค ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าเขย่าขวัญของฮอลลีวูด
ฮิทช์คอค เขย่าขวัญแฟนภาพยนตร์หลายเรื่อง ทั้ง PHYSCHO/THE MAN WHO KNEW TOO MUCH/REAR WINDOW/VERTIGO และเรื่อง NORTH BY NORTHWEST ที่ผมอยากพูดถึงวันนี้
อัลฟเรด ฮิทช์คอค เริ่มทำงานให้กับโลกภาพยนตร์อเมริกามาแต่ปี 1940 โดยเริ่มจับงาน REBECCAให้กับ เดวิด โอ เซลสนิก ถือได้ว่าเขาเป็นตัวจักรสำคัญอีกตัวหนึ่งที่ทำให้ฮอลลีวูดมีผลผลิตอันเป็นอมตะหลายต่อหลายเรื่อง
NORTH BY NORTHWEST เป็นผลงานปี 1959 ที่ตื่นเต้นในสไตล์ของ ฮิทช์คอค ในระดับยอดเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดฉากเด่นๆ 2 ฉากในเรื่องนี้แสดงถึงความยอดเยี่ยมในอัจฉริยะเขย่าขวัญของเขา
ฮิทช์คอค รู้ดีว่าคุณค่าทางเรื่องราว หรือสตอรีของหนังเรื่องนี้ มีส่วนเป็นความจริงได้น้อยหรือเป็นไปไม่ได้เลย แต่เขาก็กลับภาพของการทำงานให้เป็นการทำงานที่ไม่มีโรคแห่งความเครียด สร้างให้หนังเขย่าขวัญของเขากลายเป็น กึ่งตลก-กึ่งเขย่าขวัญ
แครี กแรนท์ รับบทเป็น รอเจอร์ โอ ธอร์นฮิลล์ นักบริหารสำนักโฆษณาในนิวยอร์ค ถูกตามล่าจากสายลับฝ่ายจารชนทั้งสองชาติ ผู้ซึ่งเข้าใจผิดว่าเขาคือสายลับอเมริกันชื่อ จอร์จ แคพแลน และจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นมือปืน ฆ่าคนสำคัญระดับนักการทูตอย่างอุกอาจในอาคารที่ทำการของสหประชาชาติ
เอวา มารี เซนท์ แสดงเป็นสาวน้อยชื่อ อีฟ เคนดัลล์ ผู้กำความลับทั้งหมดของสายลับ จอร์จ แคพแลนซึ่งไม่มีตัวตน
ระหว่างการถูกตามล่า ธอร์นฮิลล์ ได้รับความช่วยเหลือจาก เคนดัลล์ อันเป็นเพียงพฤติกรรมตบตาเพื่องานล้วงความลับ แต่ในขณะเดียวกัน ธอร์นฮิลล์ ก็กลับเป็นตัวช่วยให้งานราชการลับของซีไอเอที่อุปโลกน์สายลับ จอร์จ แคพแลน ขึ้นมาลวงความสนใจจากฝ่ายจารชนได้แนบเนียนมากขึ้น
บทบาทนักบริหารระดับใหญ่ของสำนักโฆษณาในนิวยอร์คที่ แครี กแรนท์ แสดงนี้ เป็นบทสุดท้ายที่เขาแสดงให้กับ อัลฟเรด ฮิทช์คอค
กแรนท์ เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ค่อนข้างสำอาง การแสดงออกของเขาอาจกินความหมายไปได้หลายแง่หลายมุม เหมือนการแสดงของเขาในเรื่อง TO CATCH A THIEF เมื่อปี 1955 อันเป็นงานของ ฮิทช์คอคเช่นเดียวกัน
NORTH BY NORTHWEST ได้รับการกำหนดจากผู้กำกับ ฮิทช์คอค อย่างเฉียบขาด ธอร์นฮิลล์เรียนรู้จากประสบการณ์ในชีวิตว่า อันที่จริงเขาก็ควรจะทำอะไรได้มาก และคไลแมกซ์ของเรื่องก็คือ การเสี่ยงตัวเองเข้าไปช่วยเหลือผู้หญิงที่เขาสารภาพว่า
"ผมไม่เคยรู้สึกมีชีวิตเช่นนี้มาก่อนเลย"
กับความจริงใจที่เขาแสดงออก ในขณะที่ชีวิตของเขาเวลานั้นกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ธอร์นฮิลล์ยังมีสำเนียงปกติเมื่อบอกถึงความรัก
"ผมถูกเมียขอหย่าแล้วสองครั้ง ดูเหมือนเธอทั้งสองบอกตรงกันว่า ผมใช้ชีวิตน่าเบื่อเกินไป"
สิ่งเหล่านี้คนดูหนังที่เป็นอเมริกันชน รู้สึกว่า ฮิทช์คอค พยายามชี้ให้อเมริกันชนเห็นว่า สภาพสังคมอเมริกันได้เปลี่ยนไปแล้ว สปิริทของนักเผชิญภัยก็ดี ความซื่อสัตย์ก็ดี หรือแม้แต่อุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของชายหนุ่ม ไม่ใช่สิ่งที่ยังหลงเหลืออีกต่อไป
ฉากหนึ่งที่ประทับใจผมและคนดูหนังเรื่องนี้ อยู่ที่ภูเขารัชมอร์ อันเป็นภูเขาที่อยู่ในย่านแบลค ฮิลล์ของเซาธ์ดาโกตา สลักรูปใบหน้าของอดีต 4 ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ คือ จอร์จ วอชิงตัน, ธอมัส เจฟเฟอร์สัน, อับราฮัม ลินคอล์น และธีโอดอร์ รูสเวลท์
ผมเคยไปเที่ยวภูเขาลูกนี้มาแล้วระหว่างติดตาม คุณฉลอง ภักดีวิจิตร ไปสร้างหนังไทยชื่อ "รักข้ามโลก"
อีกฉากหนึ่งที่เด่นเป็นที่สุด ได้รับการพูดถึงตลอดมา เป็นฉากในตอนกลางของเรื่อง เมื่อ รอเจอร์ธอร์นฮิลล์ ถูกนัดหมายไปรอพบสายลับ จอร์จ แคพแลน บนถนนสายเปลี่ยวกลางทุ่งกว้าง ฉากนี้คนเขียนบทยกย่อง ฮิทช์คอค เป็นอย่างถึงศิลปะในการสร้างความตื่นเต้นโดยไม่มีรูปแบบ
"เขาปล่อยให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เป็นเวลานานทีเดียวกว่าที่ชายแปลกหน้าคนหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นอีกด้านหนึ่งของถนน ช่างเป็นแบบฉบับของเขาที่ไม่มีใครเหมือนโดยแท้"
เมื่อสตอรีขาดคุณค่าในด้านความเป็นจริงเสียแล้ว คนดูก็พบข้อบกพร่องได้เยอะ เป็นต้นว่าไม่มีคนดูหนังคนใดตอบถูกว่ากลุ่มจารชนเหล่านั้นทำอะไรกันอยู่ หรือองค์กรยิ่งใหญ่อย่างซีไอเอ ทำไมจะต้องควานหาวิธีการกำจัดคนเพียงคนเดียวอย่างวิจิตรพิสดารเสียเหลือหลาย
แต่ความสำเร็จก็ยังเป็นของ อัลฟเรด ฮิทช์คอค เพราะผลงานการเขียนบทภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมของเออร์เนสต์ เลห์แมน และผลงานทางด้านดนตรีประกอบยอดเยี่ยมโดยฝีมือของ เบอร์นาร์ด เฮอร์มานน์
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความสำเร็จด้านการเงิน แต่ในการคว้ารางวัลออสการ์ประจำปี 1960 ทนการเสียดสีอย่างรุนแรงจากหนังคลาสสิคอย่าง THE APARTMENT ของ บิลลี ไวล์เดอร์ ที่คว้าไปถึง 10 สาขา
เรื่องโดย : จอสยาม
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ใส่สีใส่สัน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/54913