เทคนิค(car)
รู้ลึกถึงข้างใน
ฉบับนี้เราจะมาสรุปสุดท้ายในเรื่องของ สรีรศาสตร์เพาเวอร์แอมพ์มาถึงช่วงสำคัญซึ่งเป็นเพาเวอร์แอมพ์ คลาสส์ D และคลาสส์อื่นๆ ที่ไม่ธรรมดาซึ่งปัจจุบันนี้ยังมีคลาสส์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอีกมากมาย เรียกว่าให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือชั้นทั้งด้านพลัง และการตอบสนองความถี่ เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่มีรายละเอียดมากยิ่งขึ้น
คลาสส์ D
แอมพ์คลาสส์ D ที่ว่านี้ไม่ได้เป็นตัวย่อมาจากคำว่า "DIGITAL" แต่อย่างใดทั้งสิ้น อินพุทแปลงให้เป็น 2 ช่วง (ไบนารี) สามารถแสดงในรูปของเวฟฟอร์ม และนั่นเป็นที่ ซึ่งมีจุดสิ้นสุดเหมือนกัน แอมพ์คลาสส์ D ที่เป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพ แทนที่จะต้องทิ้งเพาเวอร์ไปเปล่าๆ และในเอาท์พุททรานซิสเตอร์เอาท์พุทจะสวิทช์ที่ความถี่สูงมากๆ ระหว่างเรลซัพพลายบวก/ลบ ถ้าเอาท์พุทเป็นศูนย์แล้วเวฟฟอร์มจะอยู่ที่รอบของแรงดันได้ 50 % ถ้าเอาท์พุทอยู่ที่โวลเทจบวกแล้วรอบของแรงดันจะมากกว่า 50 % เพราะอุปกรณ์เอาท์พุทมีทั้งเปิด/ปิด ทำให้ได้ประสิทธิภาพเท่ากับ 100 % เต็ม
ดังนั้นออดิโออินพุทจึงต้องแปลงไปในเวฟฟอร์ม PULSE WIDTH MODULATED (PWM) ข้างใต้เส้นสีเหลืองซึ่งเป็นเอาท์พุทของแอมพ์ และเส้นสีฟ้าเป็นเวฟฟอร์ม PWM ส่วนเวฟฟอร์มสีฟ้าจะป้อนไปยังฟิลเตอร์เอาท์พุท ซึ่งให้ผลในเวฟฟอร์มเอาท์พุทสีเหลืองให้เป็นที่สังเกตว่าเอาท์พุทจะมีที่ใดที่หนึ่งเสียหายไป ส่วนสวิทชิงนอยส์ และดิสตอร์ชันทั้งหมดไม่สามารถที่จะเอาออกได้ ผลที่ออกสามารถเห็นได้ที่นี่เพราะขั้นตอนของการแปลงสัญญาณอินพุทไปยัง PWM และการแปลงกลับมาเป็นอนาลอกนี่เองจึงทำให้เกิดการเพี้ยนของสัญญาณ การย้อนกลับทั่วไปก็เหมือนกับที่ใช้ในการออกแบบคลาสส์ AB ที่มีตัวลดการเพี้ยนขอสัญญาณ
มอสเฟท จะเป็นเพียงทางเลือกเดียว สำหรับการออกแบบคลาสส์ D ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เพื่อเป็นแอมพ์เบสส์ เนื่องจากมันไม่สามารถสวิทช์ได้เร็วเพียงพอที่จะถอดแบบความถี่สูง การออกแบบคลาสส์ D และฟูลล์เรนจ์คุณภาพสูงบางรุ่นซึ่งมีไว้ให้สำหรับนักฟังมืออาชีพ
แต่มันค่อนข้างจะสับสนกับเอาท์พุทมัลทิเฟส
คลาสส์ T
T=TRIPATH ซึ่งคล้ายกับคลาสส์ D ยกเว้นบางอย่างเช่น ไม่ได้ใช้อนาลอกฟีดแบคเหมือนกับแอมพ์คลาสส์ D แต่ฟีดแบคเป็นดิจิทอล และเกิดก่อนเอาท์พุทฟิลเตอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงเฟสชิฟท์ของฟิลเตอร์ เพราะอาการเพี้ยนสัญญาณของแอมพ์ทั้งคลาสส์ D และคลาสส์ T นั้น เกิดขึ้นจากจังหวะผิดพลาด แอมพ์คลาสส์ T ฟีดแบคข้อมูลของจังหวะเวลา แอมพ์ใช้โพรเซสเซอร์สัญญาณดิจิทอล
เพื่อแปลงอินพุทอนาลอกให้เป็นสัญญาณ PMW และส่งข้อมูลฟีดแบคกลับ โพรเซสเซอร์จะดูข้อมูลการฟีดแบค แล้วทำการปรับจังหวะไทมิง เพราะลูพฟีดแบคไม่รวมเอาท์พุทฟิลเตอร์ แอมพ์คลาสส์ T จึงไม่ค่อยนิ่ง และสามารถทำงานเกินฟูลล์แบนด์
นักฟังส่วนใหญ่ ไม่สามารถได้ยินเสียงความแตกต่างระหว่างแอมพ์คลาสส์ T และแอมพ์คลาสส์ AB ในการออกแบบแอมพ์ทั้งคลาสส์ D และคลาสส์ T นั้นจะแบ่งปันปัญหากันคนละ 1 อย่างซึ่งมันกินกำลังเพาเวอร์มากที่รอบต่ำ เพราะเวฟฟอร์มความถี่สูงจะแสดงผลตลอดเวลา แม้แต่เวลาที่ไม่มีสัญญานเสียง แอมพ์มีอาการร้อน จนถึงร้อนจัด ตัวเครื่องจะดับตัดไฟปิดเครื่องไปเอง จึงทำให้เกิดขัดจังหวะของการฟังเพลง และยังต้องรอเวลาหน่วง ก่อนที่จะกลับมาเปิดเครื่องใหม่ได้อีกครั้ง
คลาสส์ G
เป็นแอมพ์ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้นไปอีก จากแอมพ์คลาสส์ AB ทั่วไปจึงทำงานโดยใช้เพาเวอร์ซัพพลายแบบมัลทิเรล แอมพ์ 500 วัตต์ อาจจะมี 3 เรลบวก และ 3 เรลลบเรลโวลเทจอาจจะเป็น 70/50 และ 25 โวลท์ แต่เมื่อเอาท์พุทของแอมพ์เลื่อนเข้าใกล้ 25 โวลท์ซัพพลายจะสวิทช์เรลเป็น 50 โวลท์ และเมื่อเอาท์พุทเลื่อนเข้าใกล้เรล 50 ซัพพลายจะสวิทช์ไปยังเรล 70 โวลท์ จากการออกแบบลักษณะนี้ในบางครั้งจึงเรียกว่า "เรลสวิทเชอร์"
จากการออกแบบจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพโดยการลดโวลเทจที่เสียเปล่าไปบนทรานซิสเตอร์เอาท์พุทโวลเทจนี้ คือ ความแตกต่างระหว่างซัพพลายบวก (สีแดง) และ ออดิโอเอาท์พุท (สีฟ้า) ให้คลาสส์ G มีประสิทธิภาพเทียบเท่าคลาสส์ D และคลาสส์ T และในขณะที่การออกแบบคลาสส์ G จะมีความซับซ้อนกว่า โดยการใช้พื้นฐานบนแอมพ์คลาสส์ AB และมีลักษณะการทำงานเช่นเดียวกัน
คลาสส์ H
ด้วยคุณสมบัติเป็นแอมพ์ที่คล้ายกับ คลาสส์ G ยกเว้นเรลโวลเทจที่โมดูเลท โดยสัญญาณอินพุทเรลเพาเวอร์ซัพพลาย และบ่อยครั้งที่มากกว่าสัญญาณเอาท์พุทนิดหน่อยการเก็บรักษาโวลเทจผ่านทรานซิสเตอร์ และการโมดูเลทเรลโวลเทจเพาเวอร์ซัพพลายซึ่งเป็นการสรรค์สร้างโดยวงจรที่คล้ายกับที่พบในแอมพ์คลาสส์ D และในส่วนของความซับซ้อนแอมพ์ชนิดนี้สามารถที่จะทำให้เราเข้าใจผิดได้ว่าเป็นแอมพ์คลาสส์ D
เลือกคลาสส์ไหนดี ?
เรกูเลท หรือ อันเรกูเลท คลาสส์ไหนดีนั้น ขึ้นอยู่ว่า คุณจะนำไปใช้งานแบบไหน ใช้เพื่อ HIGHEST SPL หรือต้องการแอมพ์ที่มีขนาดเล็กสุดๆ ถ้าต้องการที่จะรบกวนโสตประสาทเพื่อนบ้านหรือปลุกชาวบ้านข้างเคียงให้ตื่น แม้กระเป๋าคุณอาจจะหนักสักหน่อย
ถ้าอยากจะได้แอมพ์สุดยอดนวัตกรรมมาใช้งาน ทั้งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคุณเองอย่างน้อยหลังจากที่อ่านจบคอลัมน์นี้แล้ว เชื่อว่าคุณคงจะมีความเข้าใจในเรื่องของเพาเวอร์แอมพ์รุ่นต่างๆ ได้เป็นอย่างดีขึ้น และการเลือกใช้งานได้ตรงตามบุคลิกของคุณ
เรื่องโดย : วิโชค
ภาพโดย : อินเตอร์เนท
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2549
คอลัมน์ Online : เทคนิค(car)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/54896