พิเศษ(cso)
กันขโมย
ปัจจุบันนี้การโจรกรรมรถเกิดขึ้นบ่อยมาก และมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น คนร้ายมีวิธีการโจรกรรมรถมากมายและใช้เวลาในการโจรกรรมที่รวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถลักลอบนำไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านได้หลายเส้นทาง จึงเป็นเรื่องยากต่อการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และติดตามนำรถที่ถูกโจรกรรมกลับคืนมา...
แนวทางหนึ่งที่จะช่วยในการป้องกันปัญหาดังกล่าว ก็คือการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าของรถให้รู้จักระมัดระวังรถของท่านไม่ให้ถูกโจรกรรมได้ง่าย
หากจะกล่าวถึงอุปกรณ์ป้องกันการขโมยรถยนต์ ประเทศไทยได้นำเข้ามาหลายสิบปีแล้ว โดยในระยะเริ่มแรกจะเป็นระบบ MACHANIC ซึ่งเป็นระบบการใช้งานอย่างเรียบง่าย ทนทานแต่ก็มีข้อเสีย คือ น้ำหนักมาก ไม่สะดวกในการเก็บ ปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้ยึดติดกับที่ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเกียร์ หรือยึดกับแกนพวงมาลัย รวมถึงการตัดสตาร์ท แต่ก็ยังทำให้เกิดความสูญเสียทรัพย์สินในรถได้ แม้ไม่สามารถขโมยรถไปได้ก็ตามที เนื่องจากไม่มีเสียงสัญญาณร้องเตือนนั่นเอง
ต่อมาวิศวกรจึงได้มีการพัฒนาไปสู่ระบบ ELECTRONIC ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ป้องกันตั้งแต่การเปิดประตู หรือการสั่นสะเทือนของตัวรถ รวมถึงการตัดสตาร์ท ทำให้สามารถป้องกันได้ทั้งตัวรถ และทรัพย์สินมีค่าภายในรถ
พัฒนาการของสัญญาณกันขโมยระบบ ELECTRONIC
สัญญาณกันขโมยที่ทำงานโดยใช้สวิทช์ลับ เมื่อผู้บริโภคทำการติดตั้งสัญญาณกันขโมย จะทำการเชื่อมโยงกับจุดใดจุดหนึ่งที่เป็นสวิทช์ลับ อาจจะติดตั้งสวิทช์ลับซ่อนไว้ในลิ้นชัก หรือใต้เท้าตรงคันเร่ง สัญญาณกันขโมยระบบนี้จะทำหน้าที่ในการตัดสตาร์ทได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นถ้าหาสวิทช์ลับไม่เจอก็จะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ซึ่งถือเป็นระบบการป้องกันภัยเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น เพราะถ้าหากผู้บุกรุกหาสวิทช์ลับเจอ ก็จะสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์และขโมยรถไปได้
สัญญาณกันขโมยที่ใช้กุญแจยางเปิด/ปิดระบบที่ฝากระโปรงรถ สัญญาณกันขโมยแบบนี้มีเพียงกุญแจยาง จะเป็นกุญแจเฉพาะ มีดอกกุญแจยางที่ทำหน้าที่ในการเปิด/ปิดระบบ สัญญาณกันขโมยระบบนี้จะทำหน้าที่ในการตัดสตาร์ท และจะมีเสียงไซเรนร้องหากมีคนเข้ามาสตาร์ทเครื่องโดยไม่ได้ใช้กุญแจยางในการเปิด/ปิดระบบสัญญาณเสียก่อน ถือว่าระบบสัญญาณกันขโมยแบบนี้ดีกว่ารุ่นแรกที่ใช้สวิทช์ลับ เนื่องจากมีเสียงไซเรนร้องเตือนหากมีผู้บุกรุกเข้ามาสตาร์ทเครื่องยนต์โดยพละการ
สัญญาณกันขโมยที่ใช้แป้นกดรหัสตัวเลข สัญญาณกันขโมยระบบนี้จะทำหน้าที่ในการตัดสตาร์ท และจะมีเสียงไซเรนร้องหากมีคนเข้ามาสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยไม่ทำการถอดรหัสที่แป้นกดก่อนซึ่งเป็นการพัฒนามาจากการใช้กุญแจยางในการเปิด/ปิดระบบสัญญาณ มาเป็นการใช้แป้นกดรหัสตัวเลขแทน มีความทันสมัยมากขึ้น แต่ก็ยังมีจุดอ่อนตรงที่แป้นกด เพราะรหัสที่กดเป็นรหัสเดิมเมื่อมีการกดปุ่มแป้นบ่อยๆ จะทำให้ตัวเลขที่แป้นกด เกิดการจางหาย อีกทั้งทำให้เกิดรอยนิ้วมือง่ายต่อการโจรกรรม
สัญญาณกันขโมยที่ใช้รีโมท ยุคแรกของสัญญาณกันขโมยแบบนี้ ลักษณะการทำงานจะคล้ายคลึงกับระบบที่ใช้แป้นกด เพียงแต่เปลี่ยนจากการใช้แป้นกดในการเปิด/ปิดมาเป็นใช้รีโมทแทนด้วยคลื่นรหัสระบบดิจิทอล แต่รหัสที่ใช้ยังเป็นรหัสตายตัว ทำให้ง่ายต่อการกอพพีรีโมท ที่มีเพียงการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงภายในเลย ปัจจุบันได้มีการพัฒนาระบบเพื่อช่วยป้องกันการกอพพีรีโมท โดยจะมีการเปลี่ยนรหัสทุกครั้งในการใช้รีโมทเปิด/ปิด ซึ่งจะมีรหัสกว่าพันล้านรหัส ทำให้ยากต่อการถูกกอพพี สัญญาณกันขโมยแบบใช้รีโมทยังได้แยกเป็น 2 แบบ
- แบบสื่อสาร 1 ทาง คือ ทำงานได้เพียงส่งคลื่นสัญญาณควบคุมคำสั่งปฏิบัติการทำงานเพียงด้านเดียว ไม่สามารถตอบรับคำสั่งหรือแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินที่รีโมทได้
- แบบสื่อสาร 2 ทาง คือ ทำงานด้วยการส่งคลื่นสัญญาณควบคุมคำสั่งปฏิบัติงาน พร้อมตอบรับทุกคำสั่ง และแจ้งเตือนเหตุผิดปกติด้วยสัญลักษณ์ภาพและเสียงผ่านจอ LCD เรืองแสง และระบบสั่นสะเทือนที่รีโมท รวมถึงการตรวจสอบการทำงานของสัญญาณกันขโมย
สัญญาณกันขโมยที่ใช้การสแกนลายนิ้วมือ ล่าสุดได้มีการนำเข้าระบบสัญญาณกันขโมยที่ทันสมัยที่สุด คือการสแกนลายนิ้วมือเป็นรหัสผ่าน ไม่ใช่ระบบกันขโมยที่ป้องกันทรัพย์สินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นระบบที่สามารถควบคุมการทำงานของรถ ทั้งความเร็วและระยะทาง ที่สามารถตั้งระบบเอง หากรถถูกโจรกรรมคุณก็สามารถนำรถยนต์ของคุณกลับคืนมาได้จากระยะที่ไม่ไกลมากนัก เพราะระบบจะยับยั้งการทำงานของระบบอีเลคทรอนิคส์ และเครื่องกลที่สำคัญ จึงไม่มีใครสามารถขับรถยนต์ของคุณได้มากกว่าระยะทางที่กำหนดไว้หากไม่มีการใส่ลายนิ้วมือที่ถูกต้อง หรือไม่มีการใช้รหัสเพื่อขออนุญาตไว้ตั้งแต่แรก
กรรมวิธีการโจรกรรมต่างๆ
งัดหูช้าง คนร้ายจะใช้เครื่องมืองัดหูช้างออก แล้วเอามือล้วงเข้าไปเปิดสลัก หรือตัวลอคประตูแล้วเปิดประตูรถเข้าไป จากนั้นใช้ไขควงงัดกระปุกกุญแจสตาร์ทออก และต่อไฟตรงเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนี
ใช้กุญแจปลอม คนร้ายจะทำกุญแจเลียนแบบกุญแจของรถชนิดที่ต้องการไว้หลายๆ ขนาด (รอยหยัก) แล้วลองเลือกใช้ทุกดอกที่ทำไว้ ถ้าเปิดประตูรถได้ คนร้ายก็จะเปิดประตูแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ขับไป
สร้างกุญแจ คนร้ายจะทำกุญแจในแบบและรูปทรงต่างๆ โดยไม่มีรอยหยักของรถตามชนิดที่ต้องการ (ระบุไว้ในใบสั่งซื้อ) แล้วเอาน้ำหมึกอินเดียอิงค์สีดำทาไว้ ปล่อยให้หมึกแห้งสนิทเมื่อพบรถที่ต้องการคนร้ายจะนำกุญแจแบบรูปทรงที่ทำไว้สอดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถ แล้วบิดหมุนเพื่อให้เกิดร่องรอยที่น้ำหมึก จากนั้นดึงกุญแจออก นำไปเซาะร่องตามรอยที่ปรากฎอยู่เพื่อวัดทำกุญแจ เสร็จเรียบร้อยแล้วคนร้ายจะออกติดตามรถเป้าหมาย เมื่อสบโอกาสจะทำการโจรกรรมทันที
ใช้ลวดเกี่ยวปุ่มลอคประตูรถ รถบางชนิดไม่มีหูช้าง คนร้ายจะใช้วิธีดึงกระจกที่บานประตูให้เผยอเล็กน้อย และถ้าเจ้าของรถปิดกระจกไม่สนิทก็ยิ่งเป็นโอกาสให้เกิดความสะดวกแก่คนร้ายมากขึ้นต่อจากนั้นคนร้ายจะใช้ลวดทำเป็นห่วงที่ปลาย สอดเข้าไปดึงปุ่มลอคประตูออก เปิดประตูเข้าไปในรถต่อไฟสายตรง สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
ใช้ไขควงฉาก คนร้ายจะทำไขควงชนิดแบน ขนาดยาวประมาณ 1 ฟุต ที่ปลายไขควงความยาวประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวไขควง ดัดงอเป็นมุมฉาก ใช้ปลายไขควงสอดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถงัดอย่างแรงจนกระปุกกุญแจประตูแตกและหลุดออกมา สามารถเปิดประตูรถเข้าไปต่อไฟสายตรงเพื่อติดเครื่องยนต์
เปิดกระจกหลังรถ คนร้ายจะใช้ไขควงงัดยางขอบกระจกหลังรถออก แล้วเปิดกระจกออกด้วยแรงดึงซึ่งกระทำด้วยความชำนาญ คนร้ายหรือลูกมือที่ใช้วิธีนี้จะเคยเป็นช่างถอดหรือใส่กระจกมาก่อนหลังจากถอดกระจกได้จะมุดตัวเข้าไปในรถ แล้วใช้วิธีต่อไฟสายตรงเพื่อติดเครื่องยนต์
ใช้เหล็กเขี่ยสลักลอคประตู คนร้ายจะใช้เหล็กเป็นลักษณะแบนหรือกลม ใช้ไขควงตัวเล็กๆแหย่เข้า ไปในรูใต้หูจับเปิดรถ แล้วเขี่ยสลักลอคประตูรถ เปิดประตูเข้าไปต่อไฟสายตรง
ใช้กุญแจพิเศษ คนร้ายจะใช้เหล็กปีกเครื่องบินที่แข็งเป็นพิเศษ ทำเป็นหยักหรือร่องถี่ๆ มีขนาดความหนาเท่ากับกุญแจรถทั่วๆ ไป เนื่องจากกุญแจปีกเครื่องบินมีความแข็งเป็นพิเศษ เมื่อใส่เข้าไปในกุญแจประตูรถแล้วบิดด้วยความแรง ความแข็งของกุญแจชนิดนี้จะงัดร่องในกุญแจประตูรถจนหัก หรือไม่อยู่ในสภาพเดิม เมื่อเปิดประตูได้ก็ต่อสายตรงติดเครื่องยนต์
จี้หรือชิงรถซึ่งหน้า คนร้ายประเภทนี้จะใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ปฏิบัติการครั้งละ 2 คนติดตามสะกดรอยตามใบสั่ง เมื่อเจ้าของรถหรือเหยื่อขับรถคนเดียวไปจอด หรือผ่านในเส้นทางเปลี่ยวคนร้ายจะใช้วิธีขับรถไปเฉี่ยวชนรถของเหยื่อ ถ้าเหยื่อหยุดรถลงมาเพื่อตรวจสภาพความเสียหายคนร้ายจะใช้อาวุธจี้เอากุญแจ จากนั้นขับหลบหนีไป
การกอพพีรีโมท คนร้ายประเภทนี้จะแฝงตัวอยู่ตามสถานบริการต่าง ๆ เช่น อู่ซ่อมรถ สถานบริการบำรุงรักษารถ เด็กรับรถตามสถานที่ต่างๆ คนร้ายจำพวกนี้จะมีรีโมทกอพพีหรือเครื่องถอดรหัสพร้อมกับรีโมทเปล่า เมื่อสบโอกาสคนร้ายจะทำการกอพพีรีโมทซึ่งสามารถทำได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาประมาณ 1 นาทีเท่านั้น เมื่อกอพพีเสร็จจะส่งรีโมทต่อไปให้หน่วยติดตามสะกดรอยว่ารถอยู่ที่ไหน แล้วติดตามไปโจรกรรมรถของท่านภายหลัง
[table]
สถิติรถหาย
ประเภท,,,ปี 2546 ,,,,ปี 2547 ,,,,ตั้งแต่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2548
,,รับแจ้ง ,,จับ ,,รับแจ้ง ,,จับ ,,รับแจ้ง ,,จับ
รถยนต์,, 852 ,,28 ,,935 ,,29 ,,420 ,,8
รถจักรยานยนต์,, 5096 ,,227 ,,3911 ,,187 ,,2571 ,,85
สถิติรถหายแยกรายเดือน,,,,,,,,,,,,
ปี ,มค. ,กพ. ,มีค. ,เมย. ,พค. ,มิย. ,กค. ,สค. ,กย. ,ตค. ,พย. ,ธค.
2547, 78 ,84 ,67 ,67 ,90 ,90 ,89 ,79 ,87 ,72 ,72 ,60
2548, 70 ,55 ,74 ,63 ,65 ,93 ,- ,- ,- ,- ,- ,-
[/table]
* ข้อมูลจากศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ปจร. ศปก. น.)
จากสถิติดังกล่าวจะเห็นว่าช่วงหน้าฝนของทุกปียอดรถหายเฉลี่ยแล้วจะสูงกว่าทุกเดือน โดยเฉพาะเดือนมิถุนายนจะมียอดรถหายมากที่สุดของปี และหากเปรียบเทียบอัตราส่วนระหว่างรถหายกับการจับกุมได้ ก็ยิ่งทำให้น่าตกใจเข้าไปหนัก เพราะยอดที่จับได้มีไม่ถึง 5 เปอร์เซนต์ด้วยซ้ำไปฉะนั้นหากรถท่านหาย ก็อย่างมัวมานั่งหวังว่าจะได้กลับคืน เพราะคนร้ายสมัยนี้เขาทำงานกันเป็นทีมมีเครือค่ายโยงใยทั่วประเทศ สามารถนำรถออกนอกประเทศได้รวดเร็วยิ่งกว่าสมัยก่อนมาก
เมื่อทราบอย่างนี้แล้วก็ควรจะหาทางป้องกัน และเพิ่มความระมัดระวังในการจอดรถให้มากขึ้นเพื่อป้องกันทรัพย์สินของตัวท่านเอง....
เรื่องโดย : ธนกฤต
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : พิเศษ(cso)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/54807