เทคนิค(car)
ทดสอบต่างแดน
สำหรับฉบับนี้ เรามาติดตามกันต่อในเรื่องผลการทดสอบเจ้าแอมพ์ C-7 TRU TECHNOLOGY ซึ่งมีทั้งการใช้เครื่องวัดค่ากราฟต่างๆ และทดสอบการฟังคุณภาพเสียง ว่าจะได้พลังที่มากด้วยรายละเอียดแค่ไหน
สมรรถนะ
ผลการตอบสนองความถี่ราบเรียบไม่เหมือนใครตั้งแต่ช่วง 5 HZ ไปจนถึง 20 KHZ แอมพ์ส่วนมากมีข้อจำกัดในส่วนของความถี่ โดยออกแบบให้ลดโอกาสที่จะรับเอาช่วงความถี่ที่สูงขึ้น/ลง ซึ่งทำงานได้โดยไม่ต้องอาศัยฟิลเตอร์ และอาจจะเกิดความยุ่งยากขึ้นมาได้ ดังนั้นต้องไม่เดินสายเคเบิลอินพุทใกล้เพาเวอร์ หรือสายลำโพง เมื่อทำการติดตั้ง
C-7 ใช้เพาเวอร์เรทิงที่ตั้งค่ามาจากโรงงาน โดยสามารถทำได้เกิน 125 วัตต์ ที่ 4 โอห์มที่ค่าความเพี้ยนน้อยกว่า 0.1 % เพาเวอร์ที่ 1 โอห์ม นั้นเท่ากับ 293 วัตต์x4 สำหรับเพาเวอร์รวมที่เกินกว่า 1,000 วัตต์ ซึ่งเท่ากับ 587x2 ที่บริดจ์โมโนโหลด 2 โอห์ม การบริดจ์แอมพ์นี้ดี แต่ไม่ค่อยง่ายสักเท่าไร เหมือนกับแอมพ์ที่ไม่สามารถใช้สวิทช์บริดจิงได้คุณทำได้เพียงต่อลำโพงข้ามขั้วเทอร์มินัลของลำโพง
ปัญหาคือ การเซทค่าเกนคอนโทรล แอมพ์ส่วนมากใช้คู่ของเกนพอทต่อ 2 แชนแนลเพื่อปรับระดับเลเวล ดังนั้นการตั้งค่าเกนในโหมดบริดจ์นั้นทำได้ง่าย ที่บอกว่าง่ายเพราะ C-7 ใช้ 1 เกนพอท/แชนแนล และการบริดจ์แอมพ์นั้น ต้องใช้อินพุททั้งซ้าย/ขวา หน้าหรือหลังก็ได้ที่จะเอามาบริดจ์ เกนจะตั้งให้พอดีที่ระดับเลเวลเดียวกัน แม้ว่าจะต้องเสียเวลาแต่มันก็ได้ผล โดยการใช้ดิจิทอลโวลท์มิเตอร์กับทางเอาท์พุท และปรับทั้งทางซ้าย/ขวาจนกระทั่งทั้ง 2 แชนแนลอยู่ในช่วง 1 ส่วน 10 ของโวลท์
ทั้ง 4 แชนแนลของ C-7 มีไฟ LED บ่งชี้สถานะของแต่ละแชนแนลแยกโดยเฉพาะ ไฟ LED จะเป็นสีเขียวเมื่อการทำงานเป็นปกติ และไฟ LED จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อระบบป้องกันทำงาน ขึ้นอยู่กับว่าแชนแนลไหนที่เกิดปัญหา การแบ่งแยกเพื่อการวัดค่านั้นวัดทางด้านหน้าได้ 55 ดีบี และ 65 ดีบีทางด้านหลัง ต่ำกว่าค่าที่ทาง TRU TECHNOLOGY พิมพ์บอกค่าสเปคไว้ที่ 70 ดีบีเล็กน้อย ในขณะที่สเปคอันโหลดของแอมพ์ได้ตรงค่าพอดี
การแบ่งแยกได้ค่า 55 ดีบี ทางด้านหน้าที่ 1 KHZ ด้วยการต่อโหลด 4 โอห์ม 4 ตัว ตัวเลขนี้บ่งบอกให้เรารู้ว่าเกิดปัญหากับเลย์เอาท์ภายใน แม้ว่าตัวเลข 55 ดีบี จะไม่ใช่ค่าตัวเลขที่มากแต่อย่างไร มันก็จะมีผลต่อคุณภาพของเสียงจากแอมพ์
ที่ไม่ปกติมากๆ นั่นก็คือ เราสังเกตพบว่าเมื่อปิดเครื่องแอมพ์ มีกระแสไฟนิดๆ เล็ดลอดออกมาประมาณ 65 มิลลิแอมพ์ จากภาคเพาเวอร์ซัพพลาย แม้ว่ามันจะเล็กน้อยมากแต่มันก็ดึงกระแสไฟจากแบทเตอรีอยู่ ถ้าต้องจอดรถทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งานนานเป็นเดือนโดยไม่มีการสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือชาร์จไฟแบทเตอรีแล้ว ควรจะมีกระแสสูงสุดไม่เกิน 1 มิลลิแอมพ์
มากกว่า TOTAL HARMONIC DISTORTION (THD) ต่ำกว่า 0.07 เปอร์เซนต์ที่ 1 KHZ 4 โอห์ม ที่ 125 วัตต์ เป็นค่าที่ได้เท่ากันหมดทั้ง 4 แชนแนล ตามที่ได้เห็นในภาพที่ 2 เราได้ทำการทดสอบซ้ำใน 2 โอห์ม ที่ 200 วัตต์ ทั้ง 4 แชนแนล ที่ 2 โอห์มมีการเพื้ยนของสัญญาณต่ำกว่า 0.15 เปอร์เซนต์ จากช่วง 20 HZ-20 KHZ ซึ่งจัดว่าดีแอมพ์ในโหมดบริดจ์ขับที่ 2 โอห์ม เราได้ลองเพิ่มค่าแอมพ์ไปสูงถึง 460 วัตต์ ไปยังแต่ละ 2 แชนแนล ค่าความเพื้ยนของสัญญาณยังคงต่ำในโหมดบริดจ์ โดยต่ำกว่า 0.05 เปอร์เซนต์ในกราฟคุณจะสามารถเห็นทุกเคิร์ฟ แสดงการตกลงมาของค่าความเพื้ยนเกินกว่า 7 KHZ ที่เป็นเช่นนี้เพราะฟิลเตอร์ความถี่สูงเปิด เป็นผลให้เพาเวอร์ซัพพลายสวิทชิงเสียงไม่สามารถกลบการวัดค่าความเพื้ยนของสัญญาณได้ การวัดค่า DAMPING FACTOR ที่สูงเกิน 65 เป็นตัวเลขค่าเฉลี่ย ที่ช้ากว่า 13 โวลท์/ไมโครเซคัน เล็กน้อย
คุณสามารถเห็นประสิทธิภาพของแอมพ์ ภาพสโคพนี้แสดงให้เห็นถึงการตกของสัญญาณประมาณ 37 โวลท์/2.88 ไมโครเซคัน ซึ่งเท่ากับ 12.8 โวลท์/ไมโครเซคัน เป็นที่น่าสังเกตว่า มีการเข้มงวดกับการกู้แอมพ์ จากภาวะการคลิพพิงเป็นอย่างดี แอมพ์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่ฟูลล์เพาเวอร์มากกว่า 3 ใน 4 เหตุนี้เองทำให้เราทดสอบเพาเวอร์เพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น ซึ่งเป็นระดับที่แอมพ์ทำงานจริง
ปัจจัยสำคัญเมื่อขับเต็มประสิทธิภาพ วัดได้ 49 เปอร์เซนต์ ที่ 2 โอห์ม ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสำหรับแอมพ์คลาสส์ AB ที่เพาเวอร์ 1 ใน 3 ประสิทธิภาพตกลงไปเหลือ 32 เปอร์เซนต์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเพียงนิดเดียว สังเกตพบว่า กระแสไฟของแอมพ์ตกลงไป 33 มิลลิแอมแปร์จากพินรีโมทเทิร์น-ออน บางยี่ห้อในอดีตมีความยากที่จะกำหนดให้ได้ค่ามากกว่า 2 มิลลิแอมแปร์ ถ้าใช้แอมพ์มากกว่า 1 เครื่อง น่าจะมีการใช้รีเลย์เพื่อเปิดเครื่อง
การทดสอบการฟัง
หลังจากที่ได้ทดสอบการฟังอยู่หลายครั้ง ทั้งการทดสอบภายในห้องทดสอบการฟังและในรถยนต์ ล้วนแล้วแต่ให้ผลของการทดสอบที่น่าพึงพอใจในทุกๆ เรื่องเป็นแอมพ์อีกรุ่นที่น่าใช้ทีเดียว
เรื่องโดย : วิโชค
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : เทคนิค(car)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/54503