ใส่สีใส่สัน
ลอว์เรนศ์แห่งอราเบีย
สมัยที่ผมทำงานโรงภาพยนตร์ควีนส์ วังบูรพา ผมมีงานอดิเรกที่ชอบคือ ตั้งชื่อภาพยนตร์ฝรั่งเป็นชื่อไทย และแปลบทภาพยนตร์เป็นคำบรรยายไทย หนึ่งในภาพยนตร์ที่ผมไม่ลืมก็คือ ภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ของบริษัทโคลัมเบีย "ลอว์เรนศ์แห่งอราเบีย" (LAWRENCE OF ARABIA)
งานทำหนังของผู้กำกับการแสดงอย่าง เดวิด ลีน (DAVID LEAN) เป็นงานที่ผมชอบติดตามด้วยความศรัทธาและชื่นชมศิลปะของเขา หลังความมหัศจรรย์ในการสร้าง "สะพานข้ามแม่น้ำแคว" (THE BRIDGE ON THE RIVER KWAI) ในปี 1957 เขาก็มีผลงานชิ้นใหม่เป็นความยิ่งใหญ่ของโลกหนังคือ "ลอว์เรนศ์แห่งอราเบีย" ออกมาในปี 1962
ลอว์เรนศ์ คนนี้คือ T.E. LAWRENCE ผู้เป็นทั้งนักรบชาวอังกฤษ เป็นนักการทูต เป็นนักเขียนและนักกวี ซึ่งแก่นหลักแห่งชีวิตของเขาเป็นที่ยอมรับของชาวโลกคือความเป็น "ลอว์เรนศ์แห่งอราเบีย"
ระหว่างที่โลกเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 มหาอำนาจได้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย เยอรมนีฝ่ายหนึ่ง กับ อังกฤษและฝรั่งเศสอีกฝ่ายหนึ่ง สงครามของพวกเขาไม่เพียงแต่เป็นม่านดำปกคลุมยุโรปเท่านั้น หากยังแผ่ขยายไปยังภูมิภาคอื่นไม่เว้นเอเชียไมเนอร์ และตะวันออกกลาง ฝ่ายกางเขนเหล็กเข้าข้างตุรกี อังกฤษหนุนหลังอาหรับ เป็นห้วงเวลาที่คนสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ถือกำเนิด และเขาคือ ลอว์เรนศ์
ทรัพยากรสำคัญของอังกฤษผู้นี้ เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับภูมิประเทศ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนในแถบนั้น เขาจึงกลายเป็นเครื่องมือของอังกฤษปูสะพานเชื่อมโยงไปหาอาหรับ
ภาพในระบบพานาวิชันเปิดหนังเรื่องนี้ด้วยการขับมอเตอร์ไซค์ของทหารผู้หนึ่ง และพบอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิต ทหารคนนี้คือ ลอว์เรนศ์แห่งอราเบีย
ยศของลอว์เรนศ์ในกองทัพคือนายร้อยโท เขาเริ่มต้นด้วยการถูกสั่งให้ไปร่วมงานกับเจ้าชายไฟซาล (FEISAL) และบทภาพยนตร์ได้วางลักษณะตัวละครให้เห็นว่า ลอว์เรนศ์เป็นคนกล้า รักการต่อสู้แต่ก็เต็มไปด้วยความนุ่มนวล ชื่นชมกับสิ่งงดงามดังจะเห็นได้ว่า เขากลิ้งเกลือกไปกับผืนแผ่นทรายในทะเลทราย หรือมีอารมณ์สนุกสนานกับการสะท้อนเสียงตนเองในหุบเขากว้าง หรือความตื่นเต้นและสุดยอดแห่งความพึงพอใจเมื่อได้สวมชุดอาหรับเป็นครั้งแรก
ลอว์เรนศ์ใช้ความพยายามที่จะปรับตนเองให้เข้ากับชนชาวอาหรับได้ไม่ยาก เขาปฏิเสธที่จะดื่มน้ำก่อนชาวอาหรับด้วยประโยคที่ว่า
"ผมจะดื่มก็ต่อเมื่อคุณดื่มแล้ว"
และเขาก็ยื่นอาวุธปืนสั้นให้กับชาวอาหรับโดยต้องยั้งคิดเมื่อเห็นว่า สหายชาวอาหรับของเขาสนใจและอยากได้ เหมือนกับที่เขาจำเป็นต้องกลืนอาหารอาหรับราวกับว่ามันเป็นอาหารที่เขากินเป็นประจำในอังกฤษ
ฉากของบทภาพยนตร์ตอนที่แสดงให้เห็นว่า ลอว์เรนศ์เป็นที่รักและให้การยอมรับจากชาวอาหรับคือ ฉากที่ลอว์เรนศ์ตัดสินใจย้อนกลับไปช่วยชาวอาหรับคนหนึ่งที่พลัดลงจากหลังอูฐ ซึ่งชาวอาหรับประมาณการว่า ลอว์เรนศ์ไม่ฉลาดเลยที่เลือกทำเช่นนั้น เพราะเขาอาจหลงทางให้กับผืนทรายอันไพศาลหรือถูกความร้อนจากดวงอาทิตย์เผาไหม้เป็นเชิงตะกอน แต่เขากลับทำได้อย่างเหลือเชื่อ
สงครามที่เมืองอคาบา แสดงให้เห็นถึงชีวิตอีกด้านหนึ่งของลอว์เรนศ์ ภาพที่เขาสวมชุดอาหรับร่วมกับกองทัพอาหรับโจมตีเมืองบนแหลมไซนาย เต็มไปด้วยการรบ การฆ่าฟัน และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการสูญเสียคนรับใช้คนหนึ่งของเขา เพื่อเป็นข้อสะเทือนใจให้กับลอว์เรนศ์ในสัจจะแห่งการทำสงคราม
นอกจากนี้ ลอว์เรนศ์ยังได้กลายสภาพเป็นนักรักการรบ ตะลุยไปกับการสังหารผู้คนอย่างเมามันบันเทิง เสมือนหนึ่งมันคือความดำมืดแห่งชีวิตที่ถูกเปิดเผย ท้ายที่สุดเขาก็เป็นผู้ชายเข้าแบบโฮโมเซกชวลอีกคน เมื่อเขาถูกพวกตุรกีจับกุมตัวไปเผชิญหน้ากับนายทหารตุรกี
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาวในการฉาย 220 นาที แต่ดูเหมือนเวลา 3 ชั่วโมง 40 นาทีนี้ไม่เพียงพอต่อการใส่รายละเอียดให้สะใจทั้ง เดวิด ลีน ผู้กำกับการแสดง และรอเบิร์ท โบลท์ (ROBERT BOLT) ผู้เขียนบทภาพยนตร์ (และเขาสองคนนี้ก็มักทำงานร่วมกันเสมอ)
การถ่ายภาพของ ฟเรด เอ ยัง (FRED A. YOUNG) เป็นภาพแห่งความสวยงามติดตาผมมาตลอด แม้ดวงอาทิตย์ที่เห็นในภาพยนตร์ยังร้อนเปรี้ยง แม้ทะเลทรายก็กลายเป็นผืนภาพแห่งความสวยงาม ละอองทรายที่ปลิวขึ้นมาประหนึ่งเส้นผมยาวสลวยของสตรี เหมือนเรามองเห็นละอองน้ำเกาะอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดจากความคมของเลนส์กล้อง
นักแสดงในความทรงจำของผมก็คือ การเข้ามาแสดงภาพยนตร์ให้กับโลกฮอลลีวูดเป็นครั้งแรกของ โอมาร์ ชารีฟ (OMAR SHARIF) และการแสดงอันยอดเยี่ยมของ ปีเตอร์ โอทูล (PETER O'TOOLE) กับบทเก๋าของ แอนโทนี ควินน์ (ANTHONY QUINN) แม้การเข้าชื่อชิงตุ๊กตาทองของโอทูลจะพลาดพ่ายในการตัดสิน แต่บทของเขาก็เป็นที่ยอมรับ และได้รับการกล่าวขานอย่างมากมาย
ลอว์เรนศ์แห่งอราเบีย ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองในปี 1962 เพียง 7 สาขา โดยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงถึง 10 สาขาคือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม (ไม่ได้), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (ไม่ได้) ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม (ไม่ได้) กำกับภาพยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม, กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม และบันทึกเสียงยอดเยี่ยม
ธอมัส เอดเวิร์ด ลอว์เรนศ์ (THOMAS EDWARD LAWRENCE) ยังได้เขียนหนังสือกึ่งอัตชีวประวัติตนเองเรื่อง SEVEN PILLARS OF WISDOM ได้รับการยกย่องอย่างมาก
ส่วนงานของ เดวิด ลีน ต่อมาก็คือ การพรรณาความงดงามอย่างยิ่งใหญ่ของหิมะในเรื่อง DOCTOR ZHIVAGO และความงดงามอันยิ่งใหญ่ของทะเลและหาดทรายในเรื่อง RYAN'S DAUGHTER ในปี 1965 และ ปี 1970 ตามลำดับ
เรื่องโดย : จอสยาม
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : ใส่สีใส่สัน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/54429