เปิดตลาด(cso)
คาพาซิเตอร์ MASS 75,000 ไมโครฟารัด
หลังจาก METALLIC MC 5 และ MC 6.5 ในไลน์สินค้าของ MASS ENGINEERING, INC. FLORIDA, USA ซึ่งเป็นลำโพงกลาง/แหลมแยกชิ้น ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากกลุ่มนักเล่นนักฟังเครื่องเสียงรถยนต์ในบ้านเรามาเนิ่นนาน เพื่อเป็นการต้อนรับไตรมาสที่ 3 ของปี ทางค่าย MASS ENGINEERING จึงได้ปรับโฉมเจ้า MC 5 และ MC 6.5 ให้มีรูปลักษณ์ที่สวย และเปี่ยมประสิทธิภาพ น่าครอบครองยิ่งขึ้น โดยใช้ชื่อรหัสต่อท้ายว่า METALLIC MK II โดยรุ่น MC 5 จะมีขนาดมิดเรนจ์ 5 1/4" และ MC 6.5 ตัววูเฟอร์ขนาด 6 1/2"
รูปลักษณ์สะดุดตา เสียงโดนใจ
กรวยลำโพงทำจากโพลีโพรไพลีน เคลือบด้วยสารสังเคราะห์พิเศษ ขอบยางโครงลำโพงเป็นโลหะปั๊มขึ้นรูปชุบโครเมียมดำวาว แม่เหล็กหุ้มยางกันกระแทกอย่างดี ทวีเตอร์เป็นแบบนีโอไดเมียม ซอฟท์โดม PEI ขนาด 1" พร้อมชุดประกอบ (MOUNT KITS) เพื่อการติดตั้งได้ถึง 3 รูปแบบคือ FLUSH MOUNT/SURFACE MOUNT และ ANGLE MOUNT พร้อมวงจรพาสสีฟครอสส์โอเวอร์ 2 ทาง ซึ่งใช้อุปกรณ์คัดเกรดทุกชิ้น สามารถปรับระดับเสียงแหลมได้ 2 ระดับ บรรจุอยู่ในกล่องพลาสติคใสโดดเด่น
ในส่วนข้อมูลจำเพาะ เริ่มกันที่รุ่น 5 1/4" รองรับกำลังขับได้สูงสุดถึง 240 วัตต์ RMS หรือ 80 วัตต์ RMS ต่อเนื่องมีค่าความไวสูงถึง 90 ดีบี แสดงว่าไม่ค่อยกินวัตต์ ความถี่ตอบสนอง 65 HZ-20 KHZ ใช้ความลึกในการติดตั้ง 6 เซนติเมตร สำหรับรุ่น 6 1/2" รองรับกำลังขับได้สูงสุดถึง 320 วัตต์ RMS หรือ 100 วัตต์ RMS ในการขับเล่นแบบต่อเนื่อง มีค่าความไวสูงถึง 91 ดีบี วิทยุไฮเพาเวอร์ธรรมดา สามารถขับออกได้อย่างสบาย ความถี่ตอบสนอง 45 ้HZ-20 KHZ ใช้ความลึกในการติดตั้งเพียงแค่ 6.3 เซนติเมตร เท่านั้น
แนวเสียง เฉียบ !
คงต้องบอกว่าเกินคุ้ม เพราะน้ำเสียง และลีลากินขาด แม้ใช้เพียงแค่วิทยุ/ซีดี ไฮเพาเวอร์กำลังขับ 45 วัตต์x4 ขับลำโพงกลาง/แหลม METALLIC MC MKII โดยตรง ไม่ต้องผ่านแอมพ์เสียงที่ได้จะฟ้องชัดว่าไม่ธรรมดา สำหรับลำโพงระดับนี้ เสียงกลางค่อนข้างเปิด และที่สำคัญให้เสียงทุ้มที่เยอะเกินตัว ส่วนเสียงแหลมจากทวีเตอร์แบบ SOFT DOME ก็ให้รายละเอียดหยุมหยิมได้ดีและไม่จัดจ้าน ผสานกับเสียงกลางกลมกลืนกันเป็นอย่างดี โดยสรุปลำโพงรุ่นนี้จะให้เสียงที่เป็นกลางไม่แต่งแต้มสีสันจนเลอะเทอะ ด้านลีลาก็ถ่ายทอดอารมณ์ของนักร้องได้ดี มิติเสียงโฟกัสมีตัวตน จุดเด่นอีกอย่างก็คือ ราคา ไม่น่าเชื่อว่าลำโพงที่ให้เสียงได้ดี จะมีค่าตัวเพียงแค่นี้ ถ้าใครที่หมางเมินสินค้าราคาย่อมเยามานาน ลองมาฟังลำโพงซีรีส์นี้ดูแล้วเทียบกับที่เคยๆ ฟัง บางทีอาจจะอยากถอดชุดเดิมๆ ออกไปเลยก็ได้
สนใจก็สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท เอส แอนด์ พี อีเล็คโทรนิค จำกัด ผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 0-2731-7770-3 เขามีแผนก TECHNICIAL SUPPORT ไว้คอยให้คำปรึกษาตลอดเวลา
คาพาซิเตอร์ MASS 75,000 ไมโครฟารัด
เพิ่มประสิทธิภาพให้ภาค HEAD UNIT
การใช้คาพาซิเตอร์ เป็นแหล่งจ่ายพลังงานอีกแหล่งหนึ่งให้กับอุปกรณ์ คงเป็นเรื่องที่หลายๆท่านทราบกันแล้ว แต่ส่วนใหญ่คงจะนึกไปถึงคาพาซิเตอร์ขนาดทั่วๆ ไปคือ 1 หรือ 1.2 ฟารัด ที่ใช้กับแอมพ์มากกว่า ความจริงแล้วเรื่องของพลังไฟที่สมบูรณ์นั้น มันสำคัญกับอุปกรณ์ทุกชิ้นและคาพาซิเตอร์ขนาดเล็ก ใช้สำหรับอุปกรณ์ที่ต้องการกระแสไฟไม่มากเท่าไหร่ เช่น FRONT/PRE/CROSSOVER/EQ เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย
การใช้คาพาซิเตอร์ขนาดเล็กคร่อมไว้นั้น หากเป็น FRONT แบบไฮเพาเวอร์ขับลำโพง จะเห็นประโยชน์ได้ชัดเจนขึ้น
เช่นไฟหน้าปัดไม่วูบวาบแม้จะเร่ง VOLUME เท่าเดิม เสียงไม่แตกพร่า เสียงที่ออกมาจะผิดกับเมื่อตอนที่ยังไม่ต่อ
คาพาซิเตอร์ขนาดเล็กขนานเข้าไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคาพาซิเตอร์ที่ว่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีขนาดค่าความจุมากมายเท่าใดนัก อย่างคาพาซิเตอร์ MASS ENGINEERING ขนาด 75,000 ไมโครฟารัด ก็น่าจะเพียงพอแล้ว สนนราคาก็ถูกกว่ามาก เป็นการประหยัดงบประมาณลงไปได้อีกด้วย
เป็นที่ทราบกันดีว่า HEAD ROOM คือส่วนสำคัญที่ FRONT สามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพ เมื่อมีการขนานซึ่งภาษาช่างจะเรียกว่า "คร่อม" คาพาซิเตอร์ขนาดเล็กเข้าไป ระหว่างที่เล่นเพลงอยู่นั้นหากมีการสวิงของเสียงอย่างฉับพลัน และรวดเร็ว หรือช่วงเพลงที่มีคลื่นลูกใหญ่ๆ (ความถี่ต่ำ) คาพาซิเตอร์จะสามารถอัด ฉีดชดเชยให้ FRONT ได้ เพราะเสียงดัง และความถี่ต่ำที่เกิดขึ้นตอนนั้น ไฟที่ FRONT จะตกลงมาก การมีคาพาซิเตอร์จะสำรองจ่ายไฟให้ได้
อีกคุณประโยชน์ของคาพาซิเตอร์ขนาดเล็กนี้ก็คือ เรื่องของเสียงรบกวนหรือ NOISE FLOOR ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดเพลง โดยยังไม่มีการเล่นสัญญาณใดๆ ในช่วงนั้นเสียงที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะเป็นเสียงที่เกิดจากการทำงานของอุปกรณ์ทุกอย่างในตัว FRONT ไม่ว่าเสียงมอเตอร์ ภาคพรี ภาคขยายจะมีเสียงซ่าออกลำโพงนิดๆ เบาๆ เอาหูแนบลำโพงจะได้ยิน โดยเสียงกวนแบบ NOISE FLOOR นี้จะเป็นเสียงที่เกิดขึ้นตามปกติ อาจจะได้ยินกับหู หรือใช้เครื่องมือวัดก็ได้
OPERATING LEVEL หมายถึงช่วงการทำงานของอุปกรณ์ เครื่องเสียงชิ้นนั้น ในสภาวะปกติที่ทำงานได้ราบเรียบเช่นเสียงดนตรีจากจุด OPERATING LEVEL ลงมาถึง NOISE FLOOR เป็นช่วงที่เรียกว่า WORKING LEVEL การใช้คาพาซิเตอร์ขนาดเล็กเข้าช่วยนี้ จะเป็นการเพิ่มพิสัยของ WORKING LEVEL นั่นเอง
นอกจากนี้แล้ว คาพาซิเตอร์ขนาดเล็กยังสามารถป้องกันเสียงวี้ดที่เกิดจากไดชาร์จ หรืออุปกรณ์อย่างอื่นได้พอสมควร เช่น ขณะไดชาร์จทำงานเพราะไดชาร์จจะทำงานโดยใช้ไดโอด แปลงไฟจากกระแสสลับ (AC) มาเป็นกระแสตรง (DC) ซึ่งจะไม่ราบเรียบเป็นเส้นตรง 100 % เกิดลักษณะที่เรียกว่า "ริพเพิล" ขึ้น ในกรณีระบบไฟรถยนต์เดิมๆ ที่มาจากโรงงานก็จะอาศัยแบทเตอรี ทำหน้าที่เป็นคาพาซิเตอร์ มีสภาพเหมือนคาพาซิเตอร์ขนาดใหญ่มากโดยจะเป็นตัวกรอง (FILTER) ริพเพิลให้เรียบได้ แต่สายแบทเตอรี สายไฟต่างๆ ในรถจะเป็นขยะอีเลคทรอนิคส์เสียงจากหัวฉีด เสียงจากระบบปัดน้ำฝน เสียงแอร์ สวิทช์แอร์ พัดลมหม้อน้ำแต่ละอย่างจะมีเสียงรบกวนคนละแบบ
เมื่ออุปกรณ์ชิ้นใดทำงาน จะมีการดิ่งกระแสตลอดเวลาไม่อยู่นิ่ง กระแสไฟก็จะกระเพื่อม และวูบวาบไปตามสายไฟที่มาอยู่ใกล้ๆ ได้ตามลักษณะของกฎมือขวา ถ้าเกิดสายไฟเส้นที่เราลากมาจากแบทเตอรีเพื่อมาเข้า FRONT เส้นนั้นผ่านสายไฟต่างๆ ที่อยู่ในรถ โอกาสที่จะเกิดเสียงกวนมีขึ้นทันทีการใช้คาพาซิเตอร์สามารถช่วยให้ไฟที่ตกหรือกระเพื่อมนี้เรียบขึ้น และสำรองจ่ายให้ FRONT ได้ทันท่วงทีส่วนที่สำคัญที่สุดคือ เสียงจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เบสส์จะดีขึ้น กลาง/แหลมจะสงัดขึ้น และจะเห็นได้ชัดคือ เมื่อใช้ FRONT ขับกลาง/แหลมเป็น HIGH POWER เมื่อไหร่ที่มีเสียงเบสส์มาด้วยจะทำให้เสียงกลาง/แหลมมีลักษณะ"เจี๊ยวจ๊าว" คุมตัวเองไม่อยู่มีเสียงครางหึ่งออกมาทันที ข้อนี้คือส่วนที่นักเล่นทุกคนต้องการมากที่สุด ในเมื่อไฟนิ่งทุกอย่างก็จะดีขึ้นทันตา นิ่ง สงบ สงัด และมีรายละเอียดมากขึ้น
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เอส แอนด์ พี อีเล็คโทรนิค จำกัด ผู้จำหน่ายคาพาซิเตอร์ MASS แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 0-2731-7770-3
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : เปิดตลาด(cso)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/53932