ชีวิตคือความรื่นรมย์
บันทึกของปู่
พลันที่โบกมือให้รถลูกชายคนโตกับสะใภ้พร้อมจูจุ๊บหน้าผากหลานตัวเล็กช่างอ้อนที่ย่ารักดังดวงใจและรถลูกชายคนเล็กพร้อมลูกสะใภ้ที่ออกรถลับโค้งหน้าประตูบ้านออกไปแล้ว ปู่ต้องรีบทรุดตัวลงกับเก้าอี้สนามตัวที่ใกล้ที่สุด เพื่อพักเอาแรง
เมื่อก่อนที่ลูกจะแต่งงาน ได้สัญญากันไว้ว่า เมื่อลูกชายคนใดออกเรือนไปอยู่บ้านแม่ยายพ่อตาแล้วก็ตาม อย่างน้อยที่สุด คืนวันศุกร์ และ/หรือเสาร์ ต้องพาสะใภ้มานอนค้างที่บ้านให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีหลานแล้ว ต้องพามาให้ย่ากับปู่เลี้ยง โดยลูกกับลูกสะใภ้จะไปเที่ยวดูหนังฟังเพลง นัดสังสรรค์กับเพื่อน หรือไปชมคอนเสิร์ท ไปเชียร์ "อคาเดมี แฟนทาเชีย" ที่ลูกมีส่วนในงานก็ไม่ว่า...และก่อนจะกลับบ้านในเย็นวันอาทิตย์ ถ้าเป็นไปได้ ต้องได้ร่วมรับประทานอาหารเย็นพร้อมหน้ากัน ถามสารทุกข์สุกดิบ การงานที่ทำ การย้ายงาน (อีกแล้ว...?) จะทำ หรือหาซื้อจากภายนอกมารวมกันที่บ้าน หรือพร้อมกันออกไปรับประทานนอกบ้านก็แล้วแต่ หลังจากนั้นจะพากันยกโขยงไปดูภาพยนตร์ หรือละครอีกด้วยกันได้ ก็ยิ่งดี
เพราะก่อนหน้านั้น นับแต่ลูกๆ โตเป็นหนุ่ม มีงานทำแล้ว ทั้งสามมักอ้างว่าติดเลี้ยงลูกค้าบ้างติดงานด่วนบ้าง นายใช้ให้ไปดูแลแขกสำคัญบ้าง ฯลฯ พ่อต้องเงี่ยหูคอยฟังเสียงปิดประตูรถเสียงเปิด/ปิดประตูบ้าน และเสียงเปิดแอร์ห้องนอน กว่าปู่จะหลับตาลงได้
ไม่เหมือนสมัยที่ลูกยังเรียนไม่จบกันเลย หลังรับประทานอาหาร และอาบน้ำแล้วต้องเข้ามาให้พ่อแม่กอดก่อนเข้านอนทุกคนทุกคืน
ซึ่งตอนนี้ อย่าว่าแต่จะมาให้กอดเลย บางคืนมาถึงบ้านแล้วยังขี้เกียจโผล่หน้ามาบอกพ่อแม่ว่ากลับถึงบ้านแล้ว เพราะบางคืนก็กลับเมื่อไฟในห้องนอนพ่อแม่ดับไปนานแล้ว เพราะพ่อบอกว่าเปลืองไฟ แม้ว่ากว่าพ่อจะเข้านอนได้ ต้องรอตรวจข่าววันใหม่ในจอโทรทัศน์แทบทุกช่องก่อนหรือบางคืนก็ห่วงดูข่าว ต้องเปิดดูข่าววันใหม่ ข่าวล่าจากหนังสือพิมพ์ ตระเวนข่าว ในอินเทอร์เนทแทบจะลืมไปแล้วว่า ตนได้เกษียณจากงานประชาสัมพันธ์มานานกว่า 2 ทศวรรษแล้ว
หลานๆ (ลูกๆ ของหลาน) เคยถามว่า ทำไมอายุป่านนี้แล้ว ปู่กับย่า (หรือตากับยาย) ยังคงขับรถเอง ออกจากบ้านไปทำงานแทบทุกเช้า เขาให้ปู่ย่าทำงานอะไรหรือ ในเมื่อหลายๆ คนที่อายุไม่มากเท่าปู่กับย่า เขาเลิกทำงานประจำกันไปนานแล้ว
คำถามเช่นนี้ ทำให้ตอบลำบาก ได้แต่ตอบว่า ถ้าไม่ทำงาน สมองจะฝ่อเร็ว เป็นสาเหตุให้อายุสั้น ทั้งๆ ที่ความจริงอยากจะบอกหลานว่า ปู่กับย่าก็อยากหยุดมานานแล้ว แต่มันยังหยุดไม่ได้เพราะมีปัจจัยหลายประการที่พูดไม่ออกบอกใครไม่ได้
ปู่ตั้งใจว่าจะแอบเขียนเป็นบันทึกไว้ให้หลานอ่าน ว่าที่ปู่ย่ายังหยุดทำงานไม่ได้เพราะต้องหาเลี้ยงชีวิต ปู่ย่าไม่ได้รับราชการ ไม่มีเงินบำเหน็จบำนาญ แม้ทำงานบริษัท ได้เงินเดือนพอสมควรแต่ความเป็นมนุษย์เงินเดือนที่พอเลี้ยงชีวิตไปเดือนๆ การเรียนมาไม่สูงนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีโอกาสได้ไปศึกษายังต่างประเทศ ภาษาต่างประเทศไม่เชี่ยวชาญเหมือนนักเรียนนอกตำแหน่งงานจึงไม่สูงพอ ไม่มีมรดกตกทอด ไม่มีเงินเก็บมากพอ มีพอกินพอใช้เลี้ยงตน และสามารถส่งเสียให้ลูกได้เรียนจบปริญญาโททุกคน ก็นัยว่าดีที่สุดแล้ว
ปู่กับย่าเรียกได้ว่า เราทำงานพอเพียงแค่เลี้ยงชีวิตไปเดือนๆ และคิดว่าในอนาคตอันใกล้เมื่อปู่และย่าไม่มีใครจ้างให้ทำงานแล้ว เราก็ยังมองไม่ออกว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร ไม่ให้เป็นภาระของลูกและหลาน อย่างที่หลานว่าหนูโตแล้วหนูจะเลี้ยงปู่ และย่าเอง ขณะนี้แต่ละคนหนูยังอายุคนละไม่เท่าไรเลย
ความจริง ที่ปู่และย่าทำงานอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะมีเจ้าของกิจการเห็นว่าเรายังพอมีความสามารถที่จะช่วยเติมในเรื่องที่คนอื่นเขาไม่ถนัดบางเรื่องได้บ้าง เช่น เรื่องการใช้ภาษา หรือเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรม แม้ว่าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญมากมายเป็นพิเศษ แต่ก็พอช่วยสังคมได้ไม่อายใคร แต่ถ้าเรี่ยวแรง และความจำไปไม่ไหว ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ?
ความจริงแล้ว ปู่อยากจะบอกหลานว่า คนที่อายุมาก และผ่านงานการต่างๆ มามากนั้น ย่อมมีประสบการณ์บางประการที่เป็นประโยชน์ ไม่ควรจะปล่อยให้ทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ สมัยก่อนที่ปู่เคยทำงานในบริษัทฝรั่งแห่งหนึ่งที่ผู้ชายเกษียณอายุงานเมื่อ 55 และผู้หญิงเกษียณเมื่อ 50 แต่หลานจะเชื่อหรือไม่ เมื่อปู่เกษียณปีนั้น ปีต่อมาบริษัทแห่งนั้นเริ่มขยับปีเกษียณเพิ่มทีละปี จนถึง 60 ปี ทั้งหญิง และชาย
แถมบางรายที่บริษัทต้องการพึ่งพาบารมีเป็นพิเศษ อาจต่ออายุงานเรื่อยๆ จน 65 หรือ 70 ปี ก็ยังมีแต่ในตำแหน่งที่ปรึกษาบ้าง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษบ้าง อย่างที่เขาเรียกกัน
ที่ปู่และย่ายังทำงานหลังวัยเกษียณมาคนละหลายปีนี้ ก็เพราะประสบการณ์และความสามารถพิเศษพอจะช่วยเราได้ และปูกับย่าก็คงทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาอย่างนี้ได้ไม่ตลอดชีวิตหรอกนะ
หนูไม่ควรถามปู่เรื่องการงานเลย ทำให้ปู่ต้องคิดมาก และมานั่งแอบบันทึกไว้ให้ ณ ที่นี้ กว่าหนูจะทันอ่านและ "จะเลี้ยงปู่กับย่าเอง" ได้ ปู่จะฟังเสียงหนูได้ชัด หรือมองหน้าหนูได้เห็นถนัด หรือเปล่าอยู่ไม่รู้ นะจ๊ะ...
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/53200