สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ริชาร์ด ฟเลมิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)/
หลังจากปรับองค์กร และเปลี่ยนแปลงผู้บริหารคนใหม่ กู๊ดเยียร์ ฯ ก็ประกาศคว้าธงรบเข้าสู่สมรภูมิยางรถยนต์อีกครั้ง "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์ ริชาร์ด ฟเลมิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)/กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคอาเซียน
ฟอร์มูลา : ก่อนเข้ามารับตำแหน่งในประเทศไทย คุณรับผิดชอบงานด้านใด ?
ฟเลมิง : ผมผ่านประสบการณ์การทำงานด้านการบริหารองค์กรนานาชาติมากว่า 10 ปี ในประเทศ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย และ จีน โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด และการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค ล่าสุด ดูแลงานตลาดค้าปลีก ก่อนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2549 ที่ผ่านมา นอกจากจะรับผิดชอบงานบริหารของ กูดเยียร์ ประเทศไทย แล้ว ยังดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ กูดเยียร์ อาเซียน ซึ่งครอบคลุมส่วนเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ด้วย
ฟอร์มูลา : วางทิศทาง และนโยบายของ กูดเยียร์ ประเทศไทย ไว้อย่างไร ?
ฟเลมิง : ตลาดรถพิคอัพของประเทศไทย ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงมาก การทำตลาดในแต่ละประเทศ ต้องคำนึงถึงลักษณะเฉพาะของสภาพตลาดที่แท้จริงของประเทศนั้นๆ จึงจะประสบความสำเร็จ
การร่วมงานกับ กูดเยียร์ ประเทศไทย สิ่งที่จะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ การพัฒนาคุณภาพของบุคลากร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท โดยใช้หลักการ 3P คือ PEOPLE/PROCESS และ PRODUCT ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกัน เมื่อบุคลากรมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะส่งผลการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน และเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ โดยนำประสบการณ์การทำงานกับ กูดเยียร์จากหลายประเทศ มาประยุกต์ใช้กับการทำงานในประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังมีโครงการสร้างรูปแบบของร้านค้าตัวแทนจำหน่ายยาง กูดเยียร์ ใหม่ เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนการครอบครองรถยนต์ระหว่างผู้ชายและผู้หญิงในประเทศไทย มีอัตราส่วนเทียบเท่ากัน และผู้หญิงส่วนใหญ่ มักไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเลือกซื้อยางรถยนต์มากนัก และไม่ค่อยสะดวกใจกับการเดินเข้าไปเลือกซื้อยางรถยนต์ในร้านยาง บริษัท ฯ จึงวางกลยุทธ์ที่จะสร้างบรรยากาศการซื้อยางในร้านค้าขึ้นใหม่ เพื่อรองรับกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นผู้หญิง ต้องมีสินค้าที่หลากหลาย ตรงตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงาน คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ โดยจะปรับปรุงร้านค้าในทุกประเทศของภูมิภาคเอเชีย และไทยเป็นประเทศอันดับแรกๆ ของการดำเนินงาน
ฟอร์มูลา : วางนโยบายสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ไว้อย่างไร ?
ฟเลมิง : การทำตลาดของ กูดเยียร์ ค่อนข้างเงียบ ปีที่ผ่านมาบริษัท ฯ มีการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรค่อนข้างมาก เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำตลาด โดยเฉพาะการทำวิจัยเกี่ยวกับความต้องการยางรถยนต์ของผู้บริโภค ปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตรถยนต์มีการออกรถรุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดยางรถยนต์มีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จากนี้ไป บริษัท ฯ จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เริ่มด้วยการเปิดตัว ยาง กูดเยียร์ ดูรา สปอร์ท ยางลุยน้ำสำหรับรถพิคอัพ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากดีเลอร์
นอกจากนี้จะมียางรถ เอสยูวี/รถเก๋ง และรถขับเคลื่อน 4 ล้อ รวมถึงการเข้าไปเจาะตลาดกลุ่ม มอเตอร์สปอร์ท เช่นเดียวกันกับที่ กู๊ดเยียร์ ฯ ให้การสนับสนุนกีฬามอเตอร์สปอร์ท ในประเทศฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง
ฟอร์มูลา : การทำตลาดในประเทศไทย แตกต่างจากประเทศอื่นอย่างไร ?
ฟเลมิง : ตลาดในแต่ละประเทศจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง เช่น ไทย เป็นตลาดสำหรับรถพิคอัพ ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุด ส่วนตลาด เวียดนาม ต้องการยางรถยนต์ที่สามารถวิ่งได้บนพื้นผิวถนนที่ขรุขระ ดังนั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จึงต้องดูลักษณะตลาดของแต่ละประเทศ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด
ฟอร์มูลา : มีแผนการลงทุนเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
ฟเลมิง : ปีนี้ บริษัท ฯ มีงบลงทุนเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเน้นการทำวิจัยตลาด ถึงความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากเป็นพื้นฐานสำคัญในการออกสินค้าใหม่ของบริษัท ฯ ในอนาคต รวมทั้งการปรับปรุง และพัฒนาเครื่องจักรในโรงงาน โดยปีที่ผ่านมา บริษัท ฯ ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 17 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรในโรงงานผลิต
นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อการสร้างบแรนด์ กูดเยียร์ ให้แข็งแกร่งมากขึ้น โดยสร้างให้มีความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และเป็นบแรนด์ที่ซื่อสัตย์ ที่ผ่านมาบริษัท ฯ ได้รับรางวัลจาก TNS (TAYLOR NELSON SOSRES) ว่าเป็นบแรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุดจากการโหวทของสถาบัน แต่การได้รับรางวัลไม่ได้เป็นตัวสรุปว่า กูดเยียร์ จะเป็นบแรนด์ที่ผู้บริโภคเชื่อถือตามไปด้วย บริษัท ฯ ยังต้องดำเนินนโยบายด้านนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้ปรับปรุงเวบไซท์ใหม่ เพื่อเป็นช่องทางในการสร้างบแรนด์ให้ใกล้ชิดผู้บริโภคมากขึ้น
ฟอร์มูลา : ปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจยางรถยนต์เป็นอย่างไร ?
ฟเลมิง : ตลาดยางรถยนต์ในปัจจุบัน มีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่จากการมุ่งเน้นด้านการวิจัยตลาดของบริษัท ฯ ส่งผลดีกับพื้นฐานในการทำตลาด มองว่าการมีคู่แข่งขันที่เข้มแข็งในตลาด จะทำให้บริษัท ฯมีความตื่นตัวที่จะพัฒนาตนเองมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ ในการเข้ามาตั้งฐานการผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น เนื่องมาจากเป็นประเทศที่สงบ รวมทั้งฝีมือแรงงานมีคุณภาพ
ฟอร์มูลา : คุณมองว่าตลาดยางรถยนต์โดยรวมในปีนี้ จะมีทิศทางการเติบโตอย่างไร ?
ฟเลมิง : ตลาดยางรถยนต์ในประเทศปีนี้ น่าจะมีอัตราการเติบโตไม่มากนัก ส่วนยอดการส่งออกยางรถยนต์ มักเติบโตตามยอดการส่งออกรถยนต์ ซึ่งบริษัท ฯ แบ่งการทำตลาดเป็น 3 ส่วน คือ ตลาด OEM ปัจจุบันผลิตให้ค่ายรถยนต์หลายแห่ง อาทิ โตโยตา/ฮอนดา/อีซูซุ/จีเอม และ ฟอร์ด ส่วนตลาด REM และตลาดส่งออกพยายามรักษาสัดส่วนของทุกตลาดให้เท่าเทียมกัน
ฟอร์มูลา : วางเป้าหมายส่วนตัวของการทำงานไว้อย่างไร ?
ฟเลมิง : ต้องการใช้ประสบการณ์จากการทำงานที่ผ่านมา ในหลายประเทศ สร้างการเติบโตให้ กูดเยียร์ ประเทศไทย เท่าที่จะสามารถทำได้ รวมทั้งต้องการถ่ายทอดประสบการณ์การทำงาน ให้ผู้บริหารชาวไทย ในการดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการต่อไป เพราะมองว่าธุรกิจในประเทศไทย ควรบริหารงานโดยคนไทยมากกว่าชาวต่างชาติ
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ/นาทลดา ทองมาก
ภาพโดย : ธีรวิทย์ โตจันทร์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/53192