ร่มไม้ชายศาล
"ประกันซึม"
เรื่องราวอันหฤโหด สะท้อนถึงการด้อยพัฒนา สร้างความอับอายขายหน้าให้แก่ประเทศชาติ ก็คือเหตุสุดสยอง ที่เกิดกับรถทัวร์สายอุบล ฯ-กรุงเทพ ฯ ขณะอยู่บนถนนมิตรภาพแถวๆ อำเภอมวกเหล็ก เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2550
รถทัวร์อยู่ในสภาพพิการ มีปัญหาเรื่องเบรค แต่บริษัทผู้เป็นเจ้าของรถ และโชเฟอร์ยังทะลึ่งนำออกรับ/ส่งผู้โดยสาร พอถึงทางลงเนิน จึงควบคุมรถไม่อยู่ ต้องเชนเกียร์ช่วย ในที่สุดรถพลิกลงข้างถนน ไฟลุกท่วมรถทั้งคัน คลอกผู้โดยสารดำเป็นตอตะโก รวดเดียว 29 ศพ ตัวเลขอาจเพิ่มขึ้น เพราะมีผู้บาดเจ็บสาหัสอยู่ในโรงพยาบาลอีกนับสิบ ถ้าไม่ตายก็พิกลพิการอย่างหนักผู้ที่ตกเป็นเหยื่อนั้นน่าอนาถอย่างที่สุด
ที่บอกว่าเป็นเรื่องน่าอาย เพราะเรามีปัญหาเรื่องอุบัติภัยจากรถชนิดร้ายแรงยิ่งกว่าบ้านเมืองอื่นเกิดขึ้นเรื่อยๆ เป็นการประจานว่าเราขาดความรับผิดชอบในทุกระดับ ไม่มีกึ๋นในการใช้รถ จึงเกิดเรื่องร้ายแรงเป็นประจำ การที่คนในชาติใดชาติหนึ่งถูกมองว่างี่เง่า ไม่ทัดเทียมคนอื่น ถือว่าเสียเกียรติภูมิ เสียหน้าอย่างยิ่ง เราจึงต้องพัฒนาต้องยกระดับตัวเรา อย่าให้เกิดเรื่องขายขี้หน้าในระดับโลกอย่างนี้อีก ไม่ไหวจริงๆ
สำหรับคดีความงวดนี้น่าสนใจเหมือนกัน เป็นเรื่องของรถเล็ก คือ มอเตอร์ไซค์ไปชนรถเก๋งเข้าให้ท่านเดาถูกอยู่แล้ว สำหรับบ้านเรา รถเล็กมักไล่บี้รถใหญ่ ไม่ว่ารถเล็กจะผิดหรือถูก เผลอๆ ตำรวจถือหางรถเล็กอีกต่างหาก เพื่ออะไรคงไม่ต้องบอก
งานนี้ เจ้าของรถเก๋ง คือ "นายสะดุ้ง" แกเป็นคนขับเองในวันเกิดเหตุ และเอาตัวรอดได้ แค่เจ๊าเจ๊ายังไงเดี๋ยวก็รู้ ก็อย่างที่บอก รถเล็กอ้างว่าไม่ผิดมั่ง ไม่มีสตางค์มั่ง ทั้งๆ ที่ "นายสะดวก" นักบิดมอเตอร์ไซค์นั้นรู้อยู่แก่ใจตนเองว่าผิดเต็มเปา แต่ในที่สุด นายสะดวก ก็หาทางเด้งเชือกจนได้เกี่ยงให้ต่างฝ่ายต่างซ่อม นายสะดุ้ง ขี้เกียจรำคาญ และรู้ว่าตัวเองทำประกันรถเอาไว้ด้วย จึงยอมตามที่ นายสะดวก ต้องการ ทำบันทึกไว้ที่โรงพัก ตกลงต่างคนต่างซ่อม
หลังจากนั้น นายสะดุ้ง ก็แจ้งให้บริษัทประกันภัยที่ตนเองทำประกันชั้นหนึ่งเอาไว้ ออกเงินซ่อมรถ บริษัทประกันโอเคจ่ายค่าซ่อมไปเกือบ 3 หมื่นบาท ถือว่างานเล็ก
ถึงแม้จะเป็นงานเล็ก แต่บริษัทประกันไม่ธรรมดา ต้องหาทางเอาเงินคืน จึงเหล่ใส่ นายสะดวกคนขี่มอเตอร์ไซค์ บังคับให้จ่ายค่าเสียหายที่บริษัทประกันจ่ายให้ นายสะดุ้ง เป็นค่าซ่อมรถเก๋งไปแล้ว เพราะ นายสะดวก ขับขี่รถประมาท เมื่อนายสะดวกสั่นหัว บอกว่าไม่จ่าย บริษัทประกันจึงฟ้องเป็นคดีแพ่ง ให้จ่ายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลย คือ นายสะดวก อยู่บ้าน ไม่สนใจ แม้จะโดนฟ้อง ถือว่าต้นทุนตัวเองต่ำ ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว จึงไม่สู้คดี ไม่ขึ้นศาล และน่าจะแพ้คดีแบบราบคาบ ปรากฏว่าไม่ใช่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องเฉยเลย นายสะดวก คิดว่าชนะฟลุค
บริษัทประกัน ซึ่งถือว่าเป็นมืออาชีพในการค้าความยอมไม่ได้ ยื่นอุทธรณ์ขึ้นไปเพื่อเอาชนะ แต่หงายท้องเช่นเคยเพราะ
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน ให้บริษัทประกันแพ้คดีในยกที่ 2
เรื่องยาวถึงศาลฎีกา เพราะบริษัทประกันเล่นไม่เลิก โต้แย้งคำตัดสินของศาลล่างที่ชี้ว่า การทำบันทึกที่โรงพักของคู่กรณีเป็นการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อพิพาทเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีรถเฉี่ยวชนกันจึงยุติไปแล้ว ด้วยการที่ นายสะดุ้ง และนายสะดวก ยอมให้แก่กันเมื่อ นายสะดุ้ง เรียกร้องอะไรไม่ได้อีกแล้ว บริษัทประกันก็หมดสิทธิ์ไปด้วย เรียกร้องค่าซ่อมรถจาก นายสะดวก ไม่ได้
ศาลฎีกาเหม่อมองดูคดีนี้อย่างเมื่อยขบ แล้วชี้ขาดออกมาอย่างเนิบๆ ว่า
งานนี้ นายสะดุ้ง เจ้าของรถเก๋งมีประกัน ได้ตกลงกับ นายสะดวก นักบิดมอเตอร์ไซค์ว่า ไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายต่อกัน จึงเป็นการระงับข้อพิพาท ต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันด้วยการซ่อมเองข้อตกลงอย่างนี้มีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ มีผลให้ นายสะดุ้ง หมดสิทธิ์เรียกค่าเสียหายจาก นายสะดวก ได้อีก
กรณีที่บริษัทประกันจะรับช่วงสิทธิ์จาก นายสะดุ้ง คนทำประกันได้ ก็ต่อเมื่อ นายสะดุ้ง คนทำประกันยังมีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหายจาก นายสะดวก ได้อีกเท่านั้น เมื่อ นายสะดุ้งทำหนังสือตกลงเรื่องค่าเสียหายให้เจ๊ากันไป นายสะดุ้ง ย่อมหมดสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหายจาก นายสะดวก อีกต่อไป บริษัทประกันจึงไม่มีสิทธิ์ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจาก นายสะดวกเช่นกัน แม้บริษัทประกันจะชดใช้ค่าเสียหายให้นายสะดุ้ง ก็เป็นการทำตามสัญญาประกันนั่นเอง
ศาลฎีกาแจงอีกว่า นายสะดุ้ง เจ้าของรถเก๋งทำข้อตกลงกับ นายสะดวก โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากบริษัทประกัน ตามที่บริษัทประกันอ้าง ศาลล่างยกฟ้องคดีนี้ชอบแล้ว
ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนให้บริษัทประกันแพ้คดีอย่างราบคาบ
ถือว่าเป็นคดีที่ทำให้บริษัทประกันซึมไปเหมือนกัน เพราะถ้าเจอลักษณะนี้เข้าเยอะๆ เกิดเหตุแล้วคู่กรณีไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันขึ้นมาในลักษณะต่างฝ่ายต่างซ่อมบริษัทประกันก็เหนื่อย เพราะจ่ายค่าซ่อมค่าเสียหายตามสัญญาประกันไปแล้ว ไปฟ้องเรียกร้องจากฝ่ายที่ทำผิดไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เอง คนของบริษัทประกันจึงเคี่ยวเข็ญ ไม่ให้ผู้ทำประกันหรือเจ้าของรถไปตกลงกับคู่กรณีเสียก่อน เพราะทำให้บริษัทประกันเสียท่านั่นเอง
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2842/2548
เรื่องโดย : "จอมยุทธ"
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/53177