เล่นท้ายเล่ม
เลิฟ สตอรีส์
ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ "วันแห่งความรัก" หรือ "วันวาเลนไทน์" รำลึกถึง
นักบุญวาเลนไทน์แห่งศตวรรษที่ 3 เป็นพระสงฆ์ชาวกรุงโรม สมัยพระเจ้าจักรพรรดิ
กลอดิอุซปกครองชาวโรมัน
ในชีวิตข้าพเจ้าเคยสัมผัส "เลิฟ สตอรีส์" มาไม่น้อย เริ่มแต่ปี 2513 คุณชนะ ใช้กิจการณ์ ผู้จัดการ
บริษัทภาพยนตร์พาราเมาท์แห่งประเทศไทย ได้ตกลงว่าจ้างให้ข้าพเจ้ากับพวกทำโฆษณา
ภาพยนตร์รักเรื่อง "LOVE STORY" ซึ่งกำหนดเข้าฉายที่โรงภาพยนตร์พาราเมาท์ ตั้งอยู่
ปลายถนนเพชรบุรี ย่านประตูน้ำ ตรงข้ามกับพันธุ์ทิพย์พลาซาปัจจุบัน
ข้อตกลงนี้เป็นการว่าจ้างพิเศษ สำหรับภาพยนตร์รักพิเศษจากบริษัทพาราเมาท์ ซึ่งนำแสดงโดย
ไรอัน โอนีล และ อาลี แมคกรอว์ เนื้อหาเกี่ยวกับความรักแบบน้ำเน่าปลาตาย ระหว่างหนุ่มสาว 2
คน มีวิทยาลัย นิว อิงค์แลนด์ เป็นองค์ประกอบ นิยายรักนี้เป็นทแรจเจอดี จบด้วยความตายของ
นางเอกด้วยโรคที่รักษาไม่ได้ ซึ่งมาหาเธออย่างรวดเร็ว และเฉียบพลัน
นิยายแห่งความรักนั้น ก็มักจะจบลงด้วยความเศร้าเสมอ เพราะเชื่อกันว่าความรักเป็นยาขมชนิดหนึ่ง
ความขมของมันเป็นทิพย์โอสถของผู้แสวงหาความรัก เหมือนกับเราพากันพูดติดปากว่า
"หวานเป็นลม ขมเป็นยา"
คณะทำงานฝ่ายโฆษณาของข้าพเจ้าประกอบด้วยคุณวันชัย อรรถเวทยวรวุฒิ เป็นตัวหลัก เสียงของ
คุณวันชัย สามารถสะกดอารมณ์ผู้ฟังให้ร่วมรับรู้สิ่งที่สื่อออกไปถึงพวกเขา ในขณะข้าพเจ้ารับหน้า
ที่เป็นฝ่ายครีเอทีฟ สรรหาถ้อยคำมาเพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนอยากชมภาพยนตร์
สมัยนั้น ข้าพเจ้าทำโฆษณาประจำโรงภาพยนตร์ชั้นหนึ่งหลายแห่ง และการทำโฆษณาภาพยนตร์
แต่ละเรื่องล้วนแตกต่างกัน เพราะภาพยนตร์มีหลายประเภท สงคราม ตลกโปกฮา ชีวิต รักแสนเศร้า
ลึกลับตื่นเต้น และ ฯลฯ
"เลิฟ สตอรี" ของพาราเมาท์ ข้าพเจ้าเลือกใช้วลีประโยคหนึ่ง คือ
"หากจะรัก ต้องรู้จักลืมคำว่า เสียใจ"
ซึ่งก็เป็นวลีที่ใช้ได้ อย่างน้อยก็ถูกใจผู้ว่าจ้าง และปรากฏว่าแฟนภาพยนตร์หลั่งไหลเข้าชมเรื่องนี้คับคั่ง
ทำรายได้ดีอีกเรื่องหนึ่งในสมัยนั้น
ในขบวนภาพยนตร์รักด้วยกันแล้ว หากเหลียวหลังกลับมามองดูหนังไทย ข้าพเจ้าก็ลงความเห็นได้ทัน
ทีว่า ไม่มีภาพยนตร์รักเรื่องใดจะอมตะเท่ากับเรื่อง "นางนาก" หรือ เรื่องราว "แม่นากพระโขนง" ซึ่งถูก
ดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์อยู่บ่อยๆ
ที่ข้าพเจ้าหยิบเอาเรื่องนี้มา ก็เพราะนิยายนางนากเป็นชีวิตแบบไทยๆ เป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังมาหลาย
ยุคหลายรุ่น นับแต่ต้นรัตนโกสินทร์เป็นต้นมา ชาววังที่ผ่านประตูวัง ก็รู้จักแม่นากพระโขนงได้ดี
เท่ากับรู้จักพระคุณเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆัง
เรื่องแม่นาก เป็นความรักที่นางมอบให้แก่สามี และเมื่อสามีต้องพลัดพรากไปเป็นทหาร นางนาก
ตายท้องกลมอย่างอนาถ แต่ความรักมิได้ตายจากไปด้วย กลับยังสุกสว่างเหมือนมีชีวิต และเมื่อสามี
กลับมาแล้ว นางนากก็ยังเป็นภรรยาของสามี ซึ่งหารู้อะไรไม่
จนกระทั่งความจริงปรากฏ นางนากถูกพระสงฆ์แผ่เมตตาต้องจากสามีไปในที่สุด
แม่นากพระโขนง จึงเป็น เลิฟ สตอรี ของไทย และเล่ากันติดปากมาทุกยุคอย่างไม่มีวันตาย
เมื่อประมาณ 22 ปีมาแล้ว ข้าพเจ้าได้รับเชิญไปเที่ยวเมืองญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยองค์การส่ง
เสริมการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศนั้น
กำหนดเวลาที่ข้าพเจ้าเดินทาง เป็นเทศกาลคริสต์มาส เป็นห้วงเวลาแห่งความรักในฤดูหนาว
ข้าพเจ้าเที่ยวเมืองญี่ปุ่นเสร็จสมบูรณ์ ก็บินเข้าเกาหลีใต้ เป็นแขกรับเชิญขององค์การส่งเสริมการ
ท่องเที่ยวแห่งเกาหลีใต้ การท่องเที่ยวเกาหลีใต้เริ่มต้นจากการรับประทานอาหารค่ำกับเจ้าหน้า
ที่ฝ่ายต้อนรับของ อสท. เกาหลีใต้
ชายหนุ่มที่เป็นพนักงานต้อนรับ ได้พาเด็กสาวชาวเกาหลีมาด้วยคนหนึ่ง ทราบชื่อในภายหลังว่า
"คิม ยังแรน" (คำว่า ยังแรน แปลว่า กล้วยไม้) เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก จนข้าพเจ้านึกในใจว่า
ชายหนุ่มคนนี้โชคดีมีแฟนสวย
คิม ยังแรน พูดภาษาไทยได้เล็กน้อย ครอบครัวของเธออพยพเข้าไปทำมาหากินในประเทศไทย
ส่วนเธอเองกำลังเป็นนักศึกษาสาวของมหาวิทยาลัยในกรุงโซล เรียนวิชาที่เกี่ยวกับการดนตรี
และเพลง จำเป็นต้องพักกับญาติที่เกาหลีใต้ ไม่ได้อพยพตามครอบครัวไปกรุงเทพ ฯ
เธอซักถามข้าพเจ้ามากมาย ข้าพเจ้าไม่ได้ปิดบังในเรื่องของลูกและเมีย ซ้ำยังเอาภาพถ่าย
ของลูกเมียที่ติดกระเป๋าสตางค์อวดเธอด้วยในขณะเราเดินย่ำลงบนหิมะในตอนกลางคืน
ผ่านโบสถ์คาทอลิคเล็กๆ ไปหลังอาหารค่ำเรียบร้อยแล้ว
ข้าพเจ้าไปเที่ยวเกาะเชจู ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศกับชายหนุ่มพนักงาน อสท. เกาหลีใต้
และกลับมากรุงโซลอีกครั้ง ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าจึงทราบว่าเขาไม่ใช่คนรักของ คิม ยังแรน
หัวใจข้าพเจ้าเต้นแรง
คืนสุดท้ายก่อนข้าพเจ้ากลับ ข้าพเจ้าขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำพนักงานหนุ่มโดยกำชับไปว่า
ให้เชิญ คิม มาร่วมด้วย
คิม ยังแรน คิดอย่างไรกับข้าพเจ้า เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าเหลือจะนึกออก แต่ในคืนนั้น คิม ได้มอบ
ภาพถ่ายของเธอขนาดใหญ่ให้แก่ข้าพเจ้าหนึ่งภาพ พร้อมลายเซ็น และข้อความว่า
"WITH LOVE"
ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเพียงมารยาท มิได้นึกเกินเลยไปกว่านั้น แต่ข้าพเจ้าก็เสียผู้ใหญ่จนได้
เนื่องจากหลังอาหารค่ำแล้วข้าพเจ้ากับเธอได้ออกเต้นรำในห้องคลับอีกห้องหนึ่งของโรงแรม
เราเต้นรำกันแทบทุกเพลง ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเธอค่อนข้างกอดรัดข้าพเจ้าแนบแน่น และเธอยังได้
ให้หมายเลขโทรศัพท์ที่บ้านพักของเธอ ด้วยความหวังที่ว่า ข้าพเจ้าอาจโทรหาเธอบ้างเมื่อ
ข้าพเจ้ากลับไป
รุ่งขึ้นข้าพเจ้าก็บินออกจากเกาหลีใต้ โดยมีกำหนดไปพักผ่อนเป็นการส่วนตัวกับผู้ใหญ่ที่
ข้าพเจ้ารักใคร่นับถือที่เมืองฮ่องกง
ข้าพเจ้าอยู่เมืองฮ่องกงอีก 7 วัน ตลอดเวลาทั้ง 7 คืน ข้าพเจ้าได้โทรไปหา คิม ยังแรน ทุกคืน
จนเธอเข้าใจว่าข้าพเจ้ารักเธอ และเธอก็ไม่มีความรังเกียจ
ข้าพเจ้ามาถึงเมืองไทย ต้องอาศัยบ้านเพื่อนโทรศัพท์ไปหาเธอเป็นบางครั้ง จนในที่สุดได้มี
โอกาสบินไปหาเธออีกในระหว่างเทศกาลวาเลนไทน์ ถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าก็ร้องเพลงได้เพลงเดียว
"เธอเป็นคนต่างแดน แต่แนบแน่นด้วยหัวใจสูงส่ง มีความรักมั่นคง..."
ข้าพเจ้าใช้เวลาอยู่กับเธอในเกาหลีใต้ประมาณ 1 อาทิตย์ บินไปเกาะเชจูอีกครั้ง และมีความสุข
ร่วมกันกับเธออย่างคาดไม่ถึง เมื่อกลับมากรุงโซล คิม ยังพาข้าพเจ้าไปเที่ยวห้องเรียนของเธอที่
มหาวิทยาลัย พาข้าพเจ้าไปร้านกาแฟเล็กๆ หน้าสถาบันการศึกษาของเธอ ซึ่งเธอชอบแวะมา
จิบกาแฟเป็นประจำกับเพื่อนๆ
หลังจากนั้น ข้าพเจ้าได้พบกับครอบครัวของเธอที่กรุงเทพ ฯ โดยเธอเป็นผู้นัดหมายทางโทรศัพท์
บอกกับพ่อแม่ของเธอว่าข้าพเจ้า คือ เพื่อนพิเศษของเธอ ขอให้พ่อแม่เธอพบให้ได้
ต่อมา คิม ก็บินเข้าเมืองไทยโดยข้าพเจ้าเป็นผู้รับภาระในการเดินทางของเธอ ระหว่างที่ คิม พำนัก
ในประเทศไทย เธอเข้าเรียนฟิตเนส และแสดงจินตลีลาฉากหนึ่งให้กับคณะละคร "เส้นสีขาว" ที่หอ
ประชุม เอยูเอ สวนลุมพินี ข้าพเจ้าพาเธอไปเที่ยวเมืองกรุงเก่าอยุธยา
แต่ละแห่งก็ได้รับคำชมจากพนักงานต้อนรับทุกแห่งว่า คิม เป็นดารานักแสดงหรืออย่างไร เพราะสวย
มาก
แต่สุดท้ายแล้ว ข้าพเจ้าก็ตระหนัก และจนมุมกับความรับผิดชอบที่มีต่อครอบครัว
ถึงวันนี้ 22 ปีแล้ว ข้าพเจ้ายังนึกไม่ออกว่าได้ตัดสินใจ เลิฟ สตอรี ระหว่างข้าพเจ้ากับเด็กสาวชาว
เกาหลีคนหนึ่ง...คนนั้น...ผิดหรือถูกต้องแล้ว.....!!
เรื่องโดย : บรรเจิด ทวี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : เล่นท้ายเล่ม
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/53164