เล่นท้ายเล่ม
พิธีมาฆบูชา
ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าเคยประกอบการบุญ การกุศล เนื่องในวันมาฆบูชา แต่ละปี เป็นจำนวนกี่ครั้ง แต่
ก็จำได้ดีเมื่อมีโอกาสไปร่วมบุญที่สวนวาสนา เขาใหญ่ ซึ่งถือเป็นพิธีมาฆบูชายิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
ข้าพเจ้า
กาลเวลานั้น ครอบครัวคุณชัช และคุณวาสนา ธาระวานิช ซึ่งมีบ้านพักเป็น "สวนวาสนา" อยู่บริเวณ
เขาใหญ่ ปากช่อง ได้เป็นเจ้าภาพจัดพิธีมาฆบูชาเป็นประจำทุกปี โดยได้นิมนต์พระกรรมฐานกว่า 500
รูปจากวัดสายปฏิบัติ หรือ อรัญวาสี มาประกอบพิธี ร่วมกับสามเณร และแม่ชีอีกจำนวนหนึ่ง
พิธีดังกล่าวนี้มี พระคุณเจ้าหลวงปู่ศรี (พระราชสังวรอุดม) มหาวีโร จากวัดประชาคมวนาราม
(ป่ากุงเก่า) ตำบลศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
ครอบครัวธาระวานิช มีความสนิทสนมกับพระคุณเจ้าหลวงปู่ศรี เป็นอย่างดี และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง
ในการสร้างเจดีย์ชัยมงคลที่บ้านหนองพอก
สวนวาสนา มีพื้นที่กว้างใหญ่ ครอบครัวธาระวานิช ได้แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งแปรสภาพเป็นเหมือนวัด
มีศาลาอเนกประสงค์ มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สวยงาม ไว้เพื่อประกอบการบุญ และยังมีกุฏิที่พักสำหรับ
พระคุณเจ้าหลวงปู่เป็นการเฉพาะ และกุฏิน้อยใหญ่เรียงรายเพื่อพระภิกษุติดตามอีกต่างหาก
พิธีมาฆบูชา ในแต่ละปีที่ครอบครัวนี้ได้จัดขึ้นนั้น เป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยกว่า 3 วัน 3 คืน อย่างมาก
สุดก็ไม่เกิน 5 วัน เนื่องจากเป็นห้วงเวลาแห่งการชุมนุมพระภิกษุเป็นจำนวนมาก บางปีก็ 700-800 รูป
จากวัดสายปฏิบัติไม่น้อยกว่า 130 วัด ในประเทศ และทุกๆ เช้าก็จะเป็นการตักบาตรพระภิกษุ
การตักบาตรในงานนี้ ดังไปทั่วละแวก ถึงเวลาก็จะมีชาวบ้าน นักเดินทางที่ทราบข่าว มาร่วมกันเรียง
แถวตักบาตรพระสงฆ์ยาวสุดลูกหูลูกตา
ในตอนแรกๆ ก็มีจำนวนไม่เท่าไร แต่ในปีถัดไปๆ จำนวนชาวบ้านที่มาร่วมบุญก็ทวีมากขึ้นเป็นลำดับ
แต่แรกที่ครอบครัวนี้จัดงานขึ้น ก็ดำเนินการทุกสิ่งโดยครบถ้วนในการถวายอาหาร และเครื่องดื่มแก่
พระภิกษุสงฆ์ รับหน้าเสื่อแต่เพียงคนเดียว ต้องสั่งซื้อวัสดุอุปกรณ์อย่างครบวงจรโดยเฉพาะ ถาด
อาหารพลาสติคเป็นจำนวนร้อยเพื่อถวายพระ
ต่อมาเมื่อมีชาวบ้านมาร่วมบุญ งานนี้ก็เพลาลง แต่โรงทานเคยมีอย่างไรก็มีเหมือนเดิม เว้นแต่มีอาหาร
จำนวนมากขึ้น เพื่อให้เป็นการเพียงพอแก่ผู้คนที่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้
ในตอนกลางคืน ก็จะเป็นการสวด ในการสวดนี้จะมีแม่ชีมาร่วมเปล่งเสียงประสาน ข้าพเจ้าฟังแล้วก็
ซาบซึ้ง และชวนเต็มตื้นในอนุโมทนาบุญ ยิ่งได้ฟังเสียงสวดจากแม่ชีเป็นภาคภาษาแปลจากบาลีแล้ว
ก็ยิ่งลึกซึ้งเหนือคำอธิบายได้ถูกต้อง
ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านย่อมทราบดีว่า มาฆบูชา เป็นการบูชาใหญ่ในวันเพ็ญ เดือน 3 ซึ่งในปีนี้ตรงกับวัน
เสาร์ที่ 3 มีนาคม 2550 ในโอกาสคล้ายวันประชุมใหญ่แห่งพระสาวก เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" ณ
พระเวฬุวันหลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว 9 เดือน ที่พระองค์ทรงแสดง โอวาทปาติโมกข์
พระเวฬุวันมหาวิหาร นับเป็นวัดแห่งแรกของพระพุทธศาสนา ซึ่งพระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์แห่งราช
คฤห์ แคว้นมคธ น้อมถวาย
จาตุรงคสันนิบาต จัดว่าเป็นเหตุการณ์มหัศจรรย์ ประกอบด้วยองค์ 4 ประการ คือ
1. พระสงฆ์สาวกมาประชุมกัน 1,250 รูป ล้วนเป็นพระอรหันต์
2. พระอรหันต์ 1,250 รูป นั้นล้วนเป็นพระที่ได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้า
3. พระอรหันต์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย
4. วันนั้น ดวงจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ เป็นวันเพ็ญ เดือน 3
และในวันมาฆบูชานั้นเอง พระพุทธเจ้าทรงกำหนดวันเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ว่าต่อแต่นี้อีก 3 เดือน
พระองค์ก็จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน เสร็จแล้วพระพุทธองค์ก็ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ เป็นการ
เน้นถึงหัวใจแห่งพระพุทธศาสนา
โอวาทปาติโมกข์คาถา มีว่า ดังนี้
สัพพะ ปาปัสสะ อะกะระฌัง (การไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสะลัสสูปะสัมปะทา (การทำกุศลให้ถึงพร้อม)
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง (การชำระจิตของตนให้ผ่องใส) เอตัง พุทธานะ สาละนัง (ธรรม 3 อย่างนี้
เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย)
ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา (ขันติ คือ ความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง) นิพพานัง
ปะระมัง วะทันติ พุทธา (ผู้รู้ทั้งหลาย กล่าวพระนิพพานว่าเป็นธรรมอันยิ่ง)
นะหิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี (ผู้กำจัดสัตว์อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิตเลย) สะมะโณ โหติ ปะรัง
วิเหฐะยันโต (ผู้ทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย)
อะนู ปะวาโท อะนู ปะฆาโต (การไม่พูดร้าย การไม่ทำร้าย) ปาติโมกเข จะสังวะโร (การสำรวม
ในปาติโมกข์)
มัตตัญญุตา จะภัตตัสมิง (ความเป็นผู้รู้ประมาณ ในการบริโภค) ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง (การนอน
การนั่ง ในที่อันสงัด)
เอตัง พุทธานะ สาละนัง (ธรรม 6 อย่างนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย)
ทั้งหมดนี้อาจจะมีความยาวเกินจำได้ แต่ที่จำกันมากสุดและเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป ถือเป็นบท
โอวาท
ปาติโมกข์ที่เรียบง่ายสำหรับชาวบ้านก็น่าจะเป็นความในคาถาแรกที่ว่า
"ไม่ทำความชั่ว ทำแต่ความดี และทำจิตใจให้ผ่องใส"
ข้าพเจ้าอยู่ในคืนวันเพ็ญ อยู่ในสถานปฏิบัติธรรมอันแวดล้อมด้วยภูผา และป่าไม้ รัศมีแห่งดวงจันทร์
เต็มดวงแผ่สว่างเป็นทางยาวลงมาถึงพื้นที่ เรานั่งฟังบทสวด แต่ละประโยค แต่ละท่อนใจความ กินใจ
พุทธศาสนิกชนทั้งหลายที่มาร่วมงานในคืนนั้นเป็นจำนวนมาก
ข้าพเจ้าเห็นว่า พระพุทธศาสนาของเราเป็นเหตุหนึ่งที่บันดาลให้เราได้อยู่กับแผ่นดินของเรา ด้วย
ความผาสุกประสบความร่มเย็นมาเป็นเวลาช้านาน แม้จะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นบ้างแต่ก็ไม่หนักหนา
สาหัสเป็นประจำอยู่บ่อยครั้ง
คนไทยส่วนใหญ่รักการทำบุญ พระพุทธศาสนากำหนดการทำบุญเช่นนั้นว่า บุญกิริยาวัตถุ อัน
ประกอบด้วยหลัก 3 ประการ
หนึ่งการทำบุญด้วยการให้ทาน เรียกว่า "ทานมัย" (บุญที่สำเร็จด้วยการให้ทาน) และคำว่า ทาน
หมายถึง ทานใน 2 ประเภท
ให้วัตถุเป็นสิ่งของเป็นทาน เรียกว่า "อามิสทาน" เช่น อาหาร น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ที่อาศัย และยารักษา
โรค
ให้ธรรมะ ให้ความรู้ เป็นทาน เรียกว่า "ธรรมทาน" เป็นต้นว่า หนังสือตักเตือน ชี้แนะ สั่งสอน
อบรมนำปฏิบัติ
สองการทำบุญด้วยการรักษาศีล เรียกว่า "ศีลมัย" (บุญที่สำเร็จด้วยการรักษาศีล) ศีลที่เป็นแม่บท
พื้นฐานก็ได้แก่ ศีล 5
ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต/ไม่ลักขโมยทรัพย์ของผู้อื่น/ไม่ทำผิดประเวณีกับบุคคลที่มีเจ้าของผู้ดูแล/ไม่พูดเท็จ
พูดทำลายผู้อื่น และไม่เสพสุราหรือสิ่งมึนเมา
สามการทำบุญด้วยการภาวนา เรียกว่า "ภาวนามัย" (บุญที่สำเร็จจากการภาวนา) อันประกอบด้วย
2 อย่าง
สมถภาวนา การทำจิตให้ถึงความสงบ และวิปัสสนาภาวนา การฝึกหัดให้เกิดปัญญา
พูดโดยเรียบง่าย คือ ศีล ต่อด้วย สมาธิ แล้วก็จบลงด้วย ปัญญา นั้นหมายความว่า เมื่อเราได้ชื่อเป็น
ผู้รักษาศีล เราย่อมมีสมาธิ และยามใดที่เราเกิดมีสมาธิมั่นคง ยามนั้นเราก็จะสมบูรณ์ด้วยปัญญา
ครอบครัวธาระวานิช เป็นครอบครัวแห่งความมีเมตตาสูง มีความกรุณา และเต็มเปี่ยมด้วยศรัทธาใน
พระพุทธศาสนา ยากที่จะหาผู้มั่งมีรายใดเทียบได้ ในระยะหลังๆ นี้ข้าพเจ้าเว้นวรรคจากพิธีมาฆบูชา
ที่ สวนวาสนา มาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังปฏิบัติธรรมในวันสำคัญนี้ ด้วยการทำบุญที่วัด ตามรอยพุทธ
ศาสนิกชนทั้งหลายอยู่ดี
เรื่องโดย : บรรเจิด ทวี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : เล่นท้ายเล่ม
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/53131