ประกันภัย
ประกันภัยรถยนต์กับคนรุ่นใหม่ (10)
เราได้พูดคุยกันถึงประกันภัยภาคสมัครใจมาครบทุกประเภทแล้ว คือประเภท 4, 3 , 2 และ 1 ตามลำดับ ซึ่งทำให้เราได้เข้าใจถึงเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยแต่ละประเภทว่ามีความคุ้มครองอย่างไรและเราจะเลือกประกันประเภทไหน จึงจะเหมาะสมกับเรามากที่สุด
สำหรับฉบับนี้เราจะมาพูดกันในรายละเอียดของเงื่อนไขสำคัญๆ ของกรมธรรม์ประกันภัยภาคสมัครใจซึ่งมักจะเป็นประเด็นข้อขัดแย้งในการเคลมบ่อยครั้ง เนื่องจากผู้เอาประกันไม่ได้ศึกษาเงื่อนไขนั้นๆอย่างท่องแท้ และในขณะเดียวกันบริษัทประกันภัยเองก็ไม่ได้ปฏิบัติให้ตรงตามเงื่อนไข หรือมีการตีความเงื่อนไขเข้าข้างตนเอง จนทำให้ผู้เอาประกันภัยและผู้เสียหายเสียเปรียบผลที่สุดก็เกิดเป็นปัญหาข้อขัดแย้งขึ้นมาให้เห็นทุกวันนี้
ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันนี้ราคาน้ำมันราคาแพงมาก และรัฐบาลก็จะส่งเสริมให้รถยนต์ได้ไปใช้พลังงานทดแทน โดยรัฐออกค่าติดตั้งอุปกรณ์ให้บางส่วน เช่น แกส ซีเอนจี แกส แอลพีจี หรือ การที่ไปใช้น้ำมันไบโอดีเซล ซึ่งได้มาจากผลผลิตของพืช และ กากน้ำมันต่างๆ ที่ใช้ในครัวเรือนมาผ่านกรรมวิธีการผลิตแปรรูปให้สามารถใช้กับเครื่องยนต์ได้ ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์และการใช้รถได้อย่างปลอดภัยเลย แต่ก็จะมีข่าวออกมาว่าบริษัทประกันภัยจะไม่รับประกันที่ไปติดตั้งแกสหรือไปใช้น้ำมันอย่างอื่น เพราะมีความเสี่ยงภัยที่สูงกว่ารถที่ใช้น้ำมันปกติ หรือถ้ารับก็จะเพิ่มเบี้ยประกัน
อันที่จริงไม่ว่ารถจะใช้น้ำมันอะไรหรือใช้เชื้อเพลิงอะไรก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเลย และไม่เป็นเงื่อนไขที่บริษัทจะปฏิเสธไม่รับประกัน หรือเพิ่มเบี้ยประกันด้วย เรื่องนี้กรมการประกันภัยโดยท่านอธิบดีกรมการประกันภัยได้ออกมายืนยันว่า รถใช้แกสสามารถทำประกันภัยได้ตามปกติ
พจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัย แจ้งว่าในปัจจุบันราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้ประชาชนเริ่มเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันมาเป็นแกส ไม่ว่าจะเป็น ซีเอนจี หรือ แอลพีจี ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในการทำประกันภัยรถ ทั้งที่ใช้น้ำมันและใช้แกส จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับการทำประกันภัยรถยนต์ ดังนี้
1. การกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ มีปัจจัยที่นำมาใช้ในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย ได้แก่ประเภทรถ ลักษณะการใช้รถ อายุรถยนต์ อายุผู้ขับขี่ (กรณีกรมธรรม์ระบุชื่อผู้ขับขี่) จำนวนเงินเอาประกันภัย กลุ่มรถยนต์ และอุปกรณ์เพิ่มพิเศษ ( ถ้ามี) ไม่ได้นำปัจจัยในเรื่องการติดตั้งระบบแกส ซีเอนจีและ แอลพีจี มาใช้ในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย
2. การติดตั้งระบบแกส ซีเอนจี และ แอลพีจี สำหรับการประกันภัยรถภาคสมัครใจประเภท 1 จะมีผลให้จำนวนเงินเอาประกันภัยตัวรถเพิ่มขึ้น เนื่องจากการประกันภัยประเภท 1 จะให้ความคุ้มครองรวมถึงอุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง หรือสิ่งที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์ ฉะนั้น ในการกำหนดจำนวนเบี้ยประกันภัย จะต้องคิดรวมมูลค่าของอุปกรณ์ที่ติดตั้งดังกล่าวไว้ในจำนวนเงินเอาประกันภัยตัวรถด้วย
3. หากมีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับระบบแกส ซีเอนจี และ แอลพีจี เจ้าของรถ มีหน้าที่ต้องแจ้งให้บริษัททราบ เนื่องจากหากเจ้าของรถไม่ได้แจ้งการติดตั้งอุปกรณ์หลังจากการ รับประกันภัยแล้ว หากเกิดเหตุและรถคันเอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิด ความคุ้มครองที่จะได้รับจากการประกันภัยอาจไม่สมบูรณ์ ดังนี้
1) หากรถคันเอาประกันภัยเสียหายสิ้นเชิง บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ทำไว้เท่านั้น นั่นคือ จำนวนเงินที่ยังไม่รวมมูลค่าอุปกรณ์ของระบบแกสที่ติดตั้งเพิ่มเติม
2) หากอุปกรณ์ติดตั้งระบบแกสดังกล่าวได้รับความเสียหายจะไม่ได้รับความคุ้มครองทั้งนี้ ในกรณีที่มีการติดตั้งระบบแกสดังกล่าวก่อนการรับประกันภัย ซึ่งโดยหลักปฏิบัติแล้ว ถือว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งขึ้นมานี้ เป็นส่วนหนึ่งของตัวรถคันเอาประกันภัยอยู่แล้ว ในการประกันภัยประเภท 1 เมื่อเกิดเหตุ บริษัทจะต้องให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อบุคคลภายนอก และความเสียหายต่อตัวรถคันเอาประกันภัย ซึ่งรวมถึงความเสียหายและสูญหายของอุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มเติมนี้ด้วย
พจนีย์ กล่าวย้ำว่าการรับประกันภัยของบริษัทประกันภัย ไม่ได้คำนึงถึงว่าเป็นรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงชนิดใดในการขับเคลื่อน แต่จะพิจารณาจากประเภท และลักษณะการใช้รถเป็นสำคัญ แต่สิ่งสำคัญเจ้าของรถที่ต้องการเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันเป็นใช้แกสไม่ว่า ซีเอนจี หรือ แอลพีจี ก็ตาม ต้องมั่นใจว่าได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ จากร้านที่ได้มาตรฐาน เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยจากการใช้รถนอกจากนี้ ขอให้เจ้าของรถที่มีการติดตั้งระบบแกสดังกล่าวได้มีการแจ้งข้อมูลให้บริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยรถของท่านทราบด้วย เพื่อสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากการประกันภัยอย่างครบถ้วน และหากประชาชนท่านใดถูกบริษัทประกันภัยปฏิเสธการรับประกันภัย เนื่องจากการใช้แกส ซีเอนจี หรือแอลพีจี ก็ตาม โปรดแจ้งให้กรมการประกันภัยทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการประกันภัยรถภาคบังคับหากมีบริษัทใดปฏิเสธการรับประกันภัย กรมการประกันภัยจะได้ลงโทษตามกฎหมายโดยเคร่งครัดต่อไป
หากมีปัญหาและข้อสงสัยเกี่ยวกับการประกันภัยรถ สามารถสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่กรมการประกันภัยโทร. 0-2547-4524 หรือสายด่วนประกันภัย 1186
คำชี้แจงของอธิบดีมีความชัดแจ้งอย่างที่ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมอะไรอีกเลย ฉะนั้นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ บางทีก็ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขกรมธรรม์ แต่ถูกตีความเป็นเงื่อนไขในการรับประกันของบริษัทประกันไปอย่างที่ผู้เอาประกันไม่รู้ข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามหากบริษัทประกันภัยใดปฏิเสธการรับประกันโดยมิชอบด้วยกฎระเบียบของกรมการประกันภัยก็จะถูกลงโทษ รวมถึงบริษัทที่ปฏิเสธหรือประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนก็ถูกลงโทษเช่นกัน
โดยเมื่อเดือนกันยายน 2549 กรมการประกันภัยได้ประกาศลงโทษบริษัทประกันภัย 3 บริษัท ที่มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ได้แก่
1. บริษัท สหมงคลประกันภัย จำกัด ถูกปรับจำนวนเงิน 250,000 บาท เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2549 ฐานประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน
2. บริษัท ธนสินประกันภัย จำกัด ถูกปรับจำนวนเงิน 125,000 บาท เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2549 ฐานไม่สามารถดำรงเงินกองทุนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดได้ และถูกปรับรายวัน วันละ 1,000 บาทตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2548 เป็นต้นมา
3. บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด ถูกปรับจำนวนเงิน 125,000 บาท เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2549 ฐานไม่สามารถดำรงเงินกองทุนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดได้ และถูกปรับรายวัน วันละ 1,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2548 เป็นต้นมา
จะเห็นได้ว่าบริษัทประกันภัยใดก็ตามที่ไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะต้องถูกกรมการประกันภัยลงโทษถือเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัย ผู้ขับขี่ และผู้เสียหายทั้งหลายที่จะต้องแจ้งข้อมูล ข้อเท็จจริง ให้กรมการประกันภัยทราบเพื่อที่จะได้มีการสอบสวนว่ามีการปฏิบัติผิดไปจากเงื่อนไขกรมธรรม์และข้อกฎหมาย และก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมหรือเกิดความเสียหายใดๆ ขึ้น แก่วงการประกัน อย่าปล่อยให้คนผิดลอยนวล แจ้งได้ที่กรมการประกันภัย หรือ ประกันภัยจังหวัด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 1186 สายด่วนประกันภัย
ฉบับหน้าติดตามต่อในเรื่องเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยอะไรบ้างคุ้มครอง และอะไรไม่คุ้มครอง
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52986