ปตท.–ธนชาต

ปตท.–ธนชาต ลงนามให้สินเชื่อรถยนต์ใช้ เอนจีวี • บัณฑิต ชีวะธนรักษ์ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการบริษัท ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนและผู้ประกอบการในภาคการขนส่ง ติดตั้งอุปกรณ์ เอนจีวี เป็นเชื้อเพลิงทดแทนการใช้น้ำมัน ได้ร่วมกับ ปตท. เปิดตัวบริการใหม่ "สินเชื่อ NGV สำหรับยานยนต์" เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้แก่เจ้าของรถที่สนใจดัดแปลง และติดตั้งอุปกรณ์ เอนจีวี เป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมัน โดยธนาคารจะนำฐานลูกค้าธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ของธนชาต ซึ่งมีอยู่ประมาณ 500,000 ราย เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการทำตลาด รวมไปถึงผู้ใช้รถยนต์ทั่วไป ตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2550 จะมีผู้มาใช้บริการสินเชื่อวงเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่า "สินเชื่อ NGV สำหรับยานยนต์" ของธนาคารธนชาต จะประสบผลสำเร็จ เนื่องจากธนาคารมีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์อยู่แล้ว โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั้งใหม่ และมือสอง ที่ธนาคารเป็นผู้นำตลาดในขณะนี้ จิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจสำรวจ ผลิต และก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่าง ปตท. และบริษัท ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ จะเป็นการอำนวยความสะดวก และเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้สนใจทั่วไปในการขอรับสินเชื่อ เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ เอนจีวี ซึ่งจะทำให้การให้บริการสินเชื่อสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงประชาชนมากยิ่งขึ้น โดย "สินเชื่อ NGV สำหรับยานยนต์" ที่ ปตท. ร่วมกับ ธนาคารธนชาต นี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "เงินทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV" ของ ปตท. นอกจากนี้เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และผู้ประกอบการขนส่งที่ใช้ เอนจีวี เป็นเชื้อเพลิงให้ได้รับความสะดวกในการเข้ารับบริการเติมแกสมากยิ่งขึ้น ปตท. ยังเร่งขยายสถานีบริการ เอนจีวี จากปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งสิ้น 68 จะเพิ่มเป็นประมาณ 200 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคภายในสิ้นปีนี้ หรือต้นปีหน้า จะเพิ่มเป็น 740 แห่ง ในปี 2553 และ ปตท. ยังได้ประสานความร่วมมือกับบริษัทน้ำมันอื่นๆ อาทิ บางจาก ปิโตรนาส ทีพีไอ และ คอนอโค และผู้ค้าแกสหุงต้ม ซึ่งเปิดสถานีบริการจำหน่ายแกส แอลพีจี อาทิ สยาม แกส เพื่อขยายจำนวนสถานีบริการ เอนจีวี ให้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระ และเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการขนส่ง หันมาใช้ เอนจีวี ทดแทนการใช้น้ำมันมากยิ่งขึ้น ปตท. ยังคงตรึงราคา เอนจีวี ไว้ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท ทุกสถานี จนถึงธันวาคม 2550   บางจาก-มอ. นำน้ำมันพืชใช้แล้วผลิต ไบโอดีเซล ดร. อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท ฯ ได้ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ ก่อสร้างหน่วยผลิต ไบโอดีเซล บริเวณโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ซึ่งนำน้ำมันพืชใช้แล้วเป็นวัตถุดิบ ผสมกับน้ำมันดีเซลในสัดส่วนร้อยละ 5 หรือ น้ำมันดีเซลสูตร บี 5 มีกำลังการผลิต 20,000 ลิตร/วัน การผลิตโดยใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นของ มอ. บวกกับองค์ความรู้จากงานทดลองการผลิต ไบโอดีเซล ในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา คาดว่าหน่วยผลิตนี้จะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายนนี้ ระยะเริ่มต้น โครงการจะรับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้ว เพื่อผลิต ไบโอดีเซล ประชาชนสามารถนำน้ำมันพืชเหลือใช้ที่ผ่านการกรองเอาเศษอาหาร มาขายให้สถานีบริการบางจาก 5 แห่ง ได้แก่ สาขาคู่ขนานทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ซอยมหาดไทย นวมินทร์ เพิ่มสิน และประชาอุทิศ จะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 12 บาท โดยจะมอบเป็นคูปองเพื่อนำไปใช้แทนเงินสดชำระค่าน้ำมันเชื้อเพลิง หรือสินค้าร้านสะดวกซื้อ และร้านกาแฟอินทนินภายในสถานีบริการบางจาก สำหรับแผนการพัฒนาการผลิต และจำหน่าย ไบโอดีเซล ของบริษัท ฯ นอกจากการลงทุนในหน่วยผลิต ไบโอดีเซล ขนาดเล็กดังกล่าวแล้ว บริษัท ฯ ยังมีแผนที่จะลงทุนก่อสร้างโรงผลิตขนาด 300,000 ลิตร/วัน ในพื้นที่คลังน้ำมันบางจาก บางปะอิน เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐ ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงานทดแทน ส่วนแผนการขยายการจำหน่ายน้ำมันดีเซลสูตร บี 5 นั้น ภายในสิ้นปี 2549 จะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 100 สาขา ทั้งกรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัด จากปัจจุบันที่จำหน่ายอยู่เพียง 13 สาขา เพื่อรองรับ ไบโอดีเซล ที่ผลิตจากน้ำมันพืชใช้แล้ว และน้ำมันปาล์มดิบ ด้านรองศาสตราจารย์ ดร. บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ กล่าวว่า การร่วมมือกับบางจากในครั้งนี้ จะช่วยขยายผลการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต ไบโอดีเซล ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งตามนโยบายการส่งเสริมการใช้ ไบโอดีเซล ทดแทนน้ำมันดีเซลของรัฐระดับ 8.5 ล้านลิตร/วัน ในปี 2555 จำเป็นต้องมีโรงผลิต ไบโอดีเซล เชิงพาณิชย์กว่า 40 แห่ง การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต ไบโอดีเซล ของประเทศได้ จะช่วยประหยัดเงินตราต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท