โค้งอันตราย
อินเตอร์เนท
บ้านเมืองยังคงวุ่นวายสับสน แถมยังสร้างประวัติศาสตร์การเมืองหน้าใหม่ NO VOTE ไม่ลงคะแนนเสียงให้ใคร
เลิกติดตามข่าวสารบ้านเมืองกันสักพัก พยายามมอง 2 ิด้านของเหรียญ ว่ามันมีทั้งหัว ทั้งก้อย มีทั้งดีทั้งเสีย
รอบนี้ไปคุยกันเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองดีกว่านะครับ
นอกจากอ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสารแล้ว ท่านผู้อ่านได้เข้าไปท่องยุทธ์ในอินเตอร์เนทกันบ้างหรือเปล่า ?
จบไตรมาสแรกนี้ ขออนุญาตเอาเรื่องในเนทมาประมวลให้รับทราบกันบ้างทางนิตยสาร
เริ่มด้วยกระทู้ยอดนิยม ที่ยังค้างคาอยู่ในเวบบอร์ดไม่เลิกรา "เบรคทื่อ แต่ปลอดภัย" คงไม่ต้องบอกหรอกน่ะว่าเป็นรถยี่ห้อไหน รุ่นอะไร
แต่สิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากนั้น คือ มีผู้รู้ ประมาณว่า เกจิอาจารย์ ออกมาแสดงความคิดเห็นกันให้เยอะไปหมด ตอนแรกก็นึกว่าเป็นบรรดาร้านเบรคออกมาแสดงความเห็น แต่พออ่านไปนานๆ เข้า ชักเริ่มรู้สึกได้ว่ามีอะไรทะแม่งๆ อยู่
เพราะสิ่งที่ท่านเจ้าของกระทู้ออกมานำเสนอ ล้วนแต่มีเอกสารหลักฐาน ชนิดว่าจับรถขึ้นแท่นตรวจสอบ แล้วมีผลการทดสอบออกมานำเสนอ ในแง่ ความดันแรงดันน้ำมันเบรค ที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการที่ว่า
ที่นี่คงไม่กล้าฟันธงลงไปว่า เกิดอะไรขึ้นกับรถรุ่นที่ว่า แต่ที่อยากจะบอก ก็คือ ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เป็นข่าวต่างประเทศ บอกว่ารถรุ่นนี้ทาง สหพันธ์ระหว่างประเทศในยุโรป หรือเรียกง่าย ๆ ว่า อียู EUออกข่าวสารกระจายถึงประเทศพันธมิตร ว่ารถรุ่นนี้ไม่ปลอดภัย แล้วมีหนังสือพิมพ์รายวัน แปลออกเป็นภาษาไทย ลงตีพิมพ์อยู่แค่ฉบับเดียว
ก็คงต้องยอมรับนะครับ ว่าค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในเมืองไทย ลงโฆษณาในแทบทุกสื่อเดือนละเป็นเงินหลาย 100 ล้านบาทไทย ผู้สื่อข่าวทั้งหลายคงไม่ค่อยอยากข้องแวะกับเรื่องพวกนี้หรอก
ส่วนที่ว่าจะมีการแก้ไขให้ปลอดภัยมากขึ้นนั้น จำเป็นต้องทำแน่นอน เพียงแต่ว่าไม่ต้องการเป็นข่าวต้องทำแบบเงียบๆ ให้ อียู ยอมรับได้ก่อนว่า ที่บอกว่าไม่ปลอดภัยน่ะ มันตรงไหนบ้าง จะได้แก้ไข แล้วก็จะค่อยทะยอยปรับปรุงรถที่ขายในเมืองไทยเนี่ยไปเรื่อยๆ
ก็รู้ๆ กันอยู่นะครับ มีอยู่เรื่องเดียว "เบรคทื่อ แต่ปลอดภัย"
ท่านที่ซื้อไปใช้แล้วก็ต้องทำใจ แล้วก็อย่าลืมปรับปรุงระบบเบรครถของท่านเสียด้วย เพราะไม่อยู่ในคู่มือการรับประกันตามมาตรฐานครับ
ว่างๆ ลองอ่านคู่มือประจำรถให้ละเอียด จะได้ไม่ต้องเสียอารมณ์กับอาการของรถ
เจอฝนพรำเป็นไม่ได้ แว่บลงข้างทางประจำ
เหมือนกันกับรถรุ่นใหม่ที่เพิ่งเอามาโชว์แถวบางนาเมื่อเดือนก่อน ที่มีพริททีแต่งตัวขาสั้น ใส่หมวกแบบคาวบอยนั่นแหละ ประมาณว่าเพิ่งมีผลการทดสอบการชนมาจากต่างประเทศ ว่ารถรุ่นนี้ห่วย
แต่ก็มีหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษเผยแพร่อยู่เพียงฉบับเดียว แถมด้วยเขียนอยู่แค่ 3 บรรทัดเอง เริ่มต้นว่า
Despite a poor performance in crash test safety carried out by Euro NCAP,
ที่เหลือถ้ายังไม่เข้าใจ ถามมานะครับ จะส่งตัวต้นฉบับไปให้ดู
บก. ของผมที่นี่ไม่ชอบเดินทางไปเบิกความต่างจังหวัดครับ รับรองคุณภาพได้ว่ามีต้นฉบับของแท้แน่นอน
ก็คงต้องยอมรับกันบ้าง ว่าชิ้นงานอุตสาหกรรมเนี่ย เอาอะไรเที่ยงแท้แน่นอนคงลำบาก เพราะต้องผ่านหลายกระบวนการ โดยเฉพาะกระบวนการที่แก้ไขไม่ได้เลย คือ HUMAN ERROR ที่แม้แต่คนทำงานเอง ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองพลาดตรงไหนอย่างไรบ้าง
แต่กระบวนการ MACHINE ERROR อย่างกล่องควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ที่มีอายุแค่ 3 ปี ก็พังเสียแล้ว เอารถเข้าศูนย์ ก็หมดอายุรับประกันแล้ว รถราคา 5-6 แสน ใช้ไป 3 ปี ต้องเปลี่ยนกล่องECU ราคา 5-6 หมื่น เจ้าของก็ทำใจไม่ได้เหมือนกันแหละครับ
ก็ยี่ห้อเดียวกับรุ่นเบรคทื่อนั่นแหละ แต่เป็นน้องวี ครับ
ส่วนน้องใหม่ น้องยาใจ ที่เพิ่งส่งลงสนามเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ว่ากันว่าคนซื้อรุ่นนี้นอกจากต้องมีสตางค์แล้วแถมยังต้องฉลาดน้อยอีกด้วย ได้ยินแต่เสียงบ่น รถอะไรเครื่องแค่ 1,500 แต่รับประทานน้ำมันจุใจจัง
ส่วนกระบะเจ้าอื่นก็ไม่ใช่ว่าจะเงียบสงบกันทุกค่าย เพียงแต่ได้รับการติดต่อ ให้เอารถเข้าไปทำการแก้ไข อย่างค่ายวิภาวดี นั่นก็เรียกรถกลับเข้าซ่อมให้ฟรี โดยบอกสาเหตุเพียงเล็กน้อย แล้วก็ใช้เวลาไม่นาน เพียงแต่คอยคิวนานเท่านั้นเอง
สาวกของค่ายนี้ ประมาณว่ายอมรับได้กับการซ่อมฟรี มีแต่คนเชียร์กันให้ว่อนเนทไปหมด ว่ามีความรับผิดชอบ
ก็รับตำแหน่งขายยอดเยี่ยมประจำปีไปเรื่อยๆ อีกนานนะครับ
กลับมาแถวศรีอยุธยาบ้าง น้องนุชสุดท้องของค่ายนี้ก็ยังแก้เรื่องเกียร์หอนไม่จบ น้องเจนั่นแหละครับยังแถมเรื่องใหม่ระบบไฟอีก
ส่วนน้องซี รุ่นใหม่สวยสดงดงาม ว่ากันว่าวิศวกรออกแบบช่วงล่างเยี่ยม แต่ออกแบบซุ้มบังโคลนล้อหลังห่วย เพราะมีเสียงยางดังมาจากซุ้มบังโคลนเข้ามาในตัวรถ ก็มีมิตรรักแฟนเพลงช่วยเติมเสริมแต่งว่า ให้เปิดวิทยุดังๆ จะได้ไม่ได้ยินเสียงยาง
ก็ยกมานำเสนอพอหอมปากหอมคอนะครับ ต้องยอมรับว่าสิทธิของผู้บริโภคในบ้านเรา ยังไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างพอเพียง ยังเลี่ยงบาลีกันสนุกสนาน
แต่มีเรื่องด่วนที่คนไทยจะได้ใช้รถเล็ก ราคาค่อนข้างถูกในเร็ววันนี้
ก็เรื่องการปรับลดภาษีศุลกากรรถยนต์สำเร็จรูป ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเชียน หรือ อาฟตา จากอัตรา 15-20 % ในปัจจุบัน ลงเหลือ 5 % ที่มาเลเชีย เพิ่งจะประกาศเป็นนโยบายยานยนต์แห่งชาติ เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศ
งานนี้ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูป ประเภทรถตู้ รถโดยสาร รถบรรทุกขนาดใหญ่ รถแวนและรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ เหลือภาษีศุลกากรเพียง 5 %
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็ต้องให้สิทธิลดภาษี 5 % แก่รถยนต์สำเร็จรูปกลุ่มดังกล่าวจากมาเลเซียด้วย
นั่นก็คือจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย สามารถขยายกำลังการผลิต และส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไปยังมาเลเซียได้ และยังทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยต้องเร่งปรับตัว พร้อมรับกับการแข่งขันกับรถยนต์มาเลเซียที่จะเข้ามาสู่ตลาดไทย ซึ่งผู้บริโภคจะมีโอกาสเลือกซื้อรถยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ หลากหลายราคา และมีแนวโน้มว่าจะมีราคาถูกลง
ที่จ้องกันอยู่ตาเป็นมันก็ประเภทรถเล็กนี่แหละครับ เพราะบ้านเรายกเลิกการสนับสนุนอีโคคาร์ หรือเอศคาร์ ไปแล้ว อีกไม่นานคงได้มีเรื่องทีเด็ดมานำเสนอครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52809