สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ไพศาล พิสุทธิ์วัชระกุล
"ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ ไพศาล พิสุทธิ์วัชระกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลฟ์เซฟเวอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตัวแทนจำหน่ายยาง "ดันลอพ"
ฟอร์มูลา : การเลือกเป็นตัวแทนจำหน่ายยาง ดันลอพ มีเหตุผล และนโยบายอย่างไร ?
ไพศาล : แต่เดิมยาง ดันลอพ อยู่ในการดูแลของบริษัท ดันลอพ ไทยแลนด์ ฯ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของดันลอพ ประเทศอังกฤษ และมีธุรกิจหลายด้าน เช่น อุปกรณ์กีฬา ที่นอน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก จึงให้ความสำคัญ ส่วนยางรถยนต์ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก
แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมมองธุรกิจยางรถยนต์ของ ดันลอพ มีอนาคตที่สดใส น่าจะสร้างยอดขายให้เติบโต และประสบความสำเร็จมากกว่านี้ จึงติดต่อไปยังบริษัทแม่ขอเป็นตัวแทนจำหน่ายด้วยเหตุผลของการเป็นมืออาชีพด้านยางรถยนต์มาตลอด ดังนั้นจึงได้เป็นตัวแทนจำหน่ายยาง ดันลอพตั้งแต่ปี 2534
ตลาดยางรถยนต์ในเมืองไทย 30-40 ปีก่อน จะมีโรงงานตั้งอยู่ในเมืองไทย การจำหน่ายยางนำเข้าจะเสียเปรียบในเรื่องของต้นทุนที่สูงกว่าจากภาระภาษีนำเข้า จึงไม่มีสิทธิ์แข่งขันกับยางในประเทศดังนั้นการทำตลาดจึงเน้นที่ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ทำให้บริษัทมีนโยบายเน้นทำตลาดยางพรีเมียม
ฟอร์มูลา : ตลาดยางพรีเมียมมีการเติบโตอย่างไร ?
ไพศาล : เติบโตในเชิงบวกขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นไปตามวิวัฒนาการของรถยนต์ ที่มีการพัฒนาในเรื่องของสมรรถนะ ทั้งด้านพละกำลัง ความเร็ว และแรงม้า เพิ่มสูงขึ้นดังนั้นยางรถยนต์จึงต้องพัฒนาตามไปด้วย และยางที่มีสมรรถนะสูงจะอยู่ในกลุ่มพรีเมียม
นอกจากนี้การทำธุรกิจยางรถยนต์พรีเมียม 7-8 ปี ที่ผ่านมาได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมจะอยู่เฉพาะในกลุ่มรถเก๋ง แต่ได้ขยายมาสู่รถพิคอัพ และรถโฟร์วีล ทั้งใช้งานทั่วไป และระดับหรู ซึ่งระดับหรูคงหนีไม่พ้นยางกลุ่มพรีเมียม เพราะถ้านับกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นก็จะเห็นได้ชัดเจนถึงการเติบโตที่ขยายไปสู่รถโฟร์วีลด้วย
ฟอร์มูลา : ตลาดยางโดยรวมมีปริมาณเท่าใด ?
ไพศาล : ปีที่แล้วตลาดยางพรีเมียมโดยรวมประมาณ 8 แสนเส้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ดันลอพ มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10 % หรือประมาณ 1.5 แสนเส้นปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 5-10 % ส่วนตลาดรวมมีปริมาณประมาณ 6-7 ล้านเส้น
ฟอร์มูลา : ปีนี้บริษัทวางนโยบาย และทิศทางของ ดันลอพ ไว้อย่างไรบ้าง ?
ไพศาล : ปีนี้เป็นปีแห่งการแข่งขัน ยอมรับว่าจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมไม่เอื้อ ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ ดังนั้นการทำตลาดบริษัทจะเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจของความเหมาะสมในการใช้ยางเพราะตลาดพรีเมียม มีการแบ่งกลุ่มยางเป็นระดับกลาง ระดับบน ดังนั้นการเลือกใช้ยางจึงคงต้องให้ถูกสเปค เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ากับเงินที่ต้องลงทุน เช่น ยาง 1 รุ่น จะมีหลายรูปแบบให้เลือก ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีความเหมาะสมที่แตกต่างกัน ดีเลอร์จึงต้องศึกษาว่าลูกค้าใช้รถอะไร เพื่อแนะนำให้เลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับรถรุ่นนั้น เป็นยุทธศาสตร์ที่อยากให้ร้านค้าใช้แก่ผู้บริโภค เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคจ่ายเงินโดยไม่จำเป็น
ฟอร์มูลา : ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้เท่าไร ?
ไพศาล : ดันลอพ ตั้งเป้ายอดขาย 1.6-1.7 แสนเส้น โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 10-15 %ซึ่งถือว่าลดลงจากเดิม แต่ไม่ได้เกิดขึ้นจากยอดขายที่ลดลง แต่มีผลสืบเนื่องจากมียางรถยนต์นำเข้าบแรนด์เล็กๆ เกิดขึ้นที่มาจากกลุ่มประเทศอาเซียน โดยอาศัยโครงสร้างอาฟตา ซึ่งตลาดโดยรวมยางพรีเมียม ปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 1 ล้านเส้น แต่จะมีตัวแปรเรื่องของอาฟตาเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจทำให้การนำเข้าประเมินไม่ได้ เพราะอาจจะมีการนำเข้ามาทดแทนกำลังการผลิตที่มีไม่เพียงพอ สำหรับยางรถยนต์ที่มีโรงงานในประเทศ ทำให้ประเมินการซื้อขายยาก สำหรับตลาดภายในประเทศปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 7-8 ล้านเส้น
ฟอร์มูลา : การแข่งขันของตลาดจะออกมาในรูปแบบไหน ?
ไพศาล : จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. สงครามราคา และ 2. การให้ความรู้แก่ผู้บริโภคซึ่งจะเห็นได้จากปัจจุบันยางในประเทศหันมาทำการตลาดแบบมีเหตุมีผล เช่น เน้นเรื่องความเหมาะสมของสเปค เน้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ว่ายางรุ่นไหนเหมาะสมกับรถประเภทไหนรวมถึงการพัฒนายางรุ่นใหม่ก็จะเว้นระยะความถี่น้อยลง สามารถทำให้ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นนโยบายที่เหมือนกันกับ ดันลอพ
ฟอร์มูลา : ในกรณีที่ ดันลอพ ไม่มีโรงงานในประเทศ คิดว่าเป็นข้อเสียเปรียบหรือไม่ ?
ไพศาล : เรื่องการตัดสินใจตั้งโรงงานผลิตในเมืองไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนงานส่วนตลาดในอนาคตคงจะเป็นเรื่องรูปแบบความรับผิดชอบของระหว่างบริษัทกับญี่ปุ่นโดยนโยบายหลักความรับผิดชอบเรื่องการตลาดจะเป็นบริษัท ส่วนต่างประเทศจะรับผิดชอบเรื่องการผลิตซึ่งในปีหน้าจะสามารถเห็นความชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
ฟอร์มูลา : ด้านภาษี ปัจจุบันเป็นอย่างไร ?
ไพศาล : ยางนำเข้าที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มอาฟตา จะเสียภาษีนำเข้า 10 % แต่สำหรับกลุ่มอาฟตาไม่มีภาษีนำเข้า แต่จะเสียภาษีแวท สามารถเคลมได้จากภาษีซื้อ/ขาย และภาษีนำเข้าก็จะมีการลดลงอีกเป็นขั้นบันได ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมาก เพราะในอดีตเสีย 30-40 %
ฟอร์มูลา : ตลาดยางรถยนต์ในปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใดบ้าง ?
ไพศาล : ในแง่ของสินค้า ยางรถยนต์มีการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องคุณสมบัติพิเศษที่เพิ่มขึ้น ความทันสมัย
ดีเลอร์ และร้านค้า เห็นได้ชัดเจน คือ กระแสของยักษ์ใหญ่ค้าปลีก จากต่างประเทศ ที่เข้ามาเปิดศูนย์บริการแบบครบวงจร ขยายเครือข่ายทำให้เกิดกระแสการแข่งขัน ซึ่งบีบให้ดีเลอร์ต้องพัฒนาตัวเองร้านค้าที่มีวิสัยทัศน์ มีเงินทุน ก็จะขยายเครือข่าย ทำรูปแบบร้านเป็นเซอร์วิศเซนเตอร์ มีการจัดซื้อแบบรวมยอด และกระจายสินค้า
ผู้บริโภคพัฒนาตามตลาดรถยนต์ เมื่อรถยนต์มีเทคโนโลยีสูงขึ้น ผู้บริโภคได้เปรียบมีทางเลือก ตัวอย่างปัจจุบันรถยนต์เมืองไทยมีให้เลือกมากมาย หากคนเบื่อหน่ายรถเก๋ง ก็สามารถหันไปหารถ เอมพีวีซึ่งรถพวกนี้มีวิวัฒนาการทางด้านสมรรถนะ เปลี่ยนยางได้หลายรูปแบบ
ฟอร์มูลา :ตัวแทนจำหน่ายยาง ดันลอพ ปัจจุบันมีกี่แห่ง ?
ไพศาล : 170 แห่ง โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 200 แห่ง
ฟอร์มูลา : จากการทำงานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผลงานที่รู้สึกภูมิใจมากที่สุดคืออะไร ?
ไพศาล : การนำธุรกิจยางรถยนต์ที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก และสามารถเป็นบริษัทคนไทยบริษัทหนึ่งที่ถือว่ามีน้อยมาก เป็นตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์ที่ติดอันดับ 5 ของโลก และทำธุรกิจด้วยหลักจริยธรรมเปิดเผยยอดขาย และเสียภาษีอย่างถูกต้อง
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : ธีรวิทย์ โตจันทร์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52787