ประกันภัย
ประกันภัยรถยนต์กับคนรุ่นใหม่ (4)
ฉบับนี้เราจะคุยกัน เรื่องประกันภัยภาคสมัครใจ หลังจากที่ได้พูดคุยกันเรื่องประกันภัยตาม พรบ. ในส่วนที่สำคัญๆ มาจนจบแล้ว แต่ก่อนจะเข้าเรื่องของการประกันภัยภาคสมัครใจ จะขอทบทวนหัวข้อของประกันภัยภาคบังคับ หรือ ประกันตาม พรบ. เพื่อให้เราได้เข้าใจเรื่องประกันภัยพื้นฐานตามกฎหมายอย่างถ่องแท้ และจะเป็นประโยชน์ต่อคนเพิ่งเข้ามาอ่านสามารถไปอ่านฉบับก่อนหน้านี้ในหัวข้อที่ตนเองสนใจได้ด้วย
ตั้งแต่เบื้องต้นที่ว่า..."ทำไมต้องทำประกันภัยตาม พรบ."/"กฎหมายบังคับใครบ้างที่ต้องทำประกันตาม พรบ.ถ้าฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอย่างไร ?
รถประเภทใดที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องทำประกันภัย พรบ.
ความคุ้มครองเบื้องต้นตาม พรบ.
ค่าเสียหายส่วนเกินกว่าค่าเสียหายเบื้องต้น
กรณีรถ 2 คัน ชนกัน
ผู้ประสบภัยเป็นผู้โดยสาร พรบ. คุ้มครองเท่าใด
ความคุ้มครองกรณีอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี
ข้อพึงปฏิบัติเมื่อประสบภัยจากรถ
ข้อพึงปฏิบัติของสถานพยาบาลเมื่อรับผู้ประสบภัย
อย่างไรจึงจะได้รับความคุ้มครองในกรณีสูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพ
การยื่นขอรับค่าเสียหายเบื้องต้น
บริษัท กลางผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด
กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย
การยื่นขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากกองทุน
เครื่องหมายที่แสดงว่ามีการทำประกันภัยตาม พรบ.
เครื่องหมายชำรุด/ สูญหาย/การบอกเลิกกรมธรรม์
จะเห็นได้ว่าหัวข้อดังกล่าวข้างต้นเป็นหัวข้อสำคัญที่ทุกคนต้องรู้และเข้าใจ เพราะเมื่อใดก็ตามเกิดมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถและมีคนบาดเจ็บ หรือตาย เมื่อนั้นเป็นเรื่องที่ประกันภัยภาคบังคับ หรือประกันภัยตาม พรบ. ต้องทำงาน คือ ต้องเคลมประกันภัยตาม พรบ. ก่อน ทุกครั้งไป
สิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจต่อมา คือ การประกันภัยภาคบังคับของทุกบริษัทไม่มีการให้บริการนอกสถานที่เพราะเบี้ยประกันภัยถูกมาก ดังนั้น ผู้ประสบภัยทุกคน หรือทายาท หรือผู้เกี่ยวข้อง จะต้องจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพื่อจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายความยุ่งยากที่เกิดขึ้นจากการประกันภัยภาคบังคับ หรือประกันภัยตาม พรบ. ก็คือ ต้องเสียเวลาในการติดต่อติดตามในการยื่นเรื่องเพื่อรับค่าเสียหาย ทั้งเอกสารหลักฐานไม่ครบ เงินที่ได้รับน้อยกับเงินที่จ่ายไปจริง หรือค่าเสียหายที่คู่กรณีเรียกร้องกับเงินที่บริษัทประกันจ่ายให้มีจำนวนที่แตกต่างกันมากเพราะบริษัทประกันจะจ่ายให้ตามหลักฐานใบเสร็จรับเงินที่สถานพยาบาลออกให้ แต่ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด ในขณะที่ผู้เป็นเจ้าของรถ หรือผู้ขับขี่รถคันที่ประมาทจ่ายจริงให้แก่ผู้ประสบภัย หรือทายาทของผู้ประสบภัยมากว่าใบเสร็จรับเงิน
ซึ่งความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น เพราะคงไม่มีใครที่ไหนเมื่อเกิดอุบัติเหตุถูกรถคันอื่นเชี่ยวชน มีการบาดเจ็บหรือตาย แล้วยอมที่จะรับค่าเสียหายเพียงค่ารักษา หรือค่าปลงศพเท่านั้น คนบาดเจ็บก็ต้องมีญาติมาดูแล เสียค่ารถ เสียเวลาในการหารายได้ ไม่ได้ไปทำงาน เสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ จิปาถะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ประสบภัยนั้นเกิดเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต พิกลพิการ ด้วยแล้ว ยิ่งมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามมาอีกมากมาย หรือ หากเขาต้องตายไปเลยคนที่เคยอยู่ในอุปการะของเขา จะมีรายได้มาจากไหนอนาคตครอบครัวจะเป็นอยู่อย่างไร ใครละจะมารับผิดชอบต่อครอบครัวของเขา การศึกษาของบุตร-ธิดาของเขาจะทำอย่างไร ซึ่งนั่นหมายถึงอนาคตของชาติ และปัญหาสังคมด้วย อยากให้ลองมองย้อนกลับว่าถ้าผู้ประสบภัยเป็นเราเอง หรือคนในครอบครัว ก็จะเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
เราจะมองเห็นความสำคัญของประกันภัยก็ต่อเมื่อมีภัยมาถึง ไม่ว่าจะเป็นผู้ประสบภัยเอง หรือคนในครอบครัวของเราเป็นผู้ประสบภัย หรือ เราต้องเป็นผู้ต้องรับผิดชอบในอุบัติเหตุครั้งนั้นๆ หลายคนที่มีประสบการณ์ตรงจะเข้าใจและรู้ซึ้งถึงความรู้สึกและบทเรียนนั้นอย่างไม่มีวันลืม ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำในเบื้องต้นสำหรับเจ้าของรถ หรือผู้ขับขี่ คือ การประกันภัยตาม พรบ. มิใช่แค่เพียงเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายที่บังคับให้เราทุกคนต้องทำประกันตาม พรบ. เท่านั้น แต่อยากให้ทำด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบต่อทุกๆ คนในสังคม รวมถึงครอบครัวของตัวเองด้วย
ในฐานะที่เราเป็นเจ้าของรถ และหรือผู้ขับขี่รถ เราสามารถบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย และปัญหาความยุ่งยาก อันเกิดจากอุบัติเหตุจากรถได้ด้วยการทำประกันภัยเพิ่มจากที่กฏหมายบังคับ หรือที่เรียกตามภาษากฎหมายว่า " ประกันภัยภาคสมัครใจ" แต่คนโดยทั่วไปจะรู้จักและเรียกกันเป็นภาษาชาวบ้านว่าประกันชั้น 1, 2 , 3, 4
ทำไมต้องทำประกันภัยรถยนต์ (ภาคสมัครใจ)เรามีตัวอย่างคำถามของคนที่ประสบอุบัติเหตุจริงมาให้ท่านลองพิจารณาคำถาม ** ถูกรถชนบาดเจ็บ ทำให้ต้องพ้นสภาพการทำงาน * ถูกรถชนบาดเจ็บพักฟื้น 20 วัน ทำให้อาจต้องพ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน เพราะอยู่ในช่วงทดลองงาน พรบ. จ่ายให้จำนวนหนึ่ง แต่อยากได้ค่าสินไหมทดแทนจากคู่กรณี...ทำได้ไหมครับ เพราะคู่กรณีเหมือนปัดปัญหาให้ทาง พรบ.รับผิดชอบเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว เสียความรู้สึกมากเพราะอาจต้องกลายเป็นคนตกงานโดยเกิดจากการขับรถโดยประมาทของคู่กรณีจะทำอย่างไรดีครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ...ขอขอบคุณมากครับ (จากคุณ ZEE 24/2/2549 )
คำตอบ เรียน คุณ ZEE ขอแนะนำดังนี้ครับ 1. ติดต่อเรียกร้องค่าอนามัยตาม พรบ. จากบริษัทประกันภัยของคู่กรณี หรือ 2. ทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งจากคู่กรณี อย่างไรก็ตามอยากให้ดำเนินการตามข้อ 1. ก่อนนะครับ โดยการนำใบรับรองแพทยและหนังสือรับรองเงินเดือนไปทำการเรียกร้องดู ก็อาจมีการเจรจาต่อรองกัน หากยอมรับกันได้ เรื่อง ก็ยุติไป ไม่ต้องไปรบกวนศาลท่านขอบคุณครับ ( จากคุณ MR. พรบ. 28/2/2549 ที่มาเวบบอร์ดของบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ)
คำถาม *รถพ่วงกับจักรยานยนต์* เกิดอุบัติเหตุรถพ่วง18 ล้อเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย รถพ่วงเป็นฝ่ายผิดจะได้รับในส่วน พรบ. เป็น 2 เท่า (หัว-หาง) คือ รายละ 200,000บาท ใช่หรือไม่ และเรียกร้องในส่วนสมัครใจได้อีกส่วนหนึ่งตามแต่ตกลงกันใช่หรือไม่อย่างไร (จาก เมธี ม่วงมั่งมี5/3/2549)
คำตอบ ในส่วน พรบ. 200,000 บาท/คน ในส่วนภาคสมัครใจอย่างน้อย 100,000 บาท/คน และสามารถเจรจากันในการเรียกร้องสูงกว่า 100,000 บาท/คน ที่กำหนดไว้เป็นขั้นต่ำได้ (หน่วยงานที่ตอบ...กองนิติการ 6/3/2549 ที่มาท่านถามเราตอบกรมการประกันภัย)
คำถาม *รถเกิดอุบัติเหตุ จนไม่สามารถซ่อมได้ต้องทำอย่างไรครับ...รถยนต์ทำประกันประเภท 1 เกิดอุบัติเหตุชนกับเสาไฟฟ้าสาธารณะ อู่ตีราคาซ่อม 350,000 บ. เกินวงเงินซ่อม (ทุนประกัน 410,000 บ.แต่ตัวแทนประกันแจ้งว่าจ่ายแค่ 70 % ประมาณ 287,000 บ.) เจ้าหน้าที่ประกันแจ้งว่าสามารถคืนซากได้โดยยินยอมจ่ายเต็มวงเงินประกัน 410,000 บ. รถมีสัญญาค่างวดอีก 275,000 บ. รบกวนถามว่า กรณีนี้ เมื่อบริษัทประกันจ่ายเงินแล้ว ผู้เช่าซื้อจ่ายเงินให้กับไฟแนนศ์ ส่วนที่เหลือ เงินเป็นของผู้เช่า
ซื้อใช่หรือไม่ และที่สำคัญซากรถต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของใครครับ รบกวนตอบด้วยนะครับ เพราะเรื่องยืดเยื้อมา 1 เดือนกว่าแล้ว ขอขอบพระคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี่ ครับ (ผู้ถาม ศรกรณ์ กล่ำรุ่ง 22/2/49)
คำตอบ บริษัทประกันภัยจะจ่ายเงินให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ หาได้จ่ายให้แก่ผู้เช่าซื้อโดยตรง โดยผู้ให้เช่าซื้อต้องโอนซากรถให้ประกันภัย แล้วบริษัทประกันภัยจึงจ่ายเงินให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อหากเงินค่าสินไหมทดแทนมากกว่าจำนวนที่ค้างอยู่ จะมีการหักเงินที่ค้าง เมื่อเหลือเท่าใดจึงจะมอบให้ผู้เช่าซื้อต่อไป (หน่วยงานที่ตอบ...กองนิติการ 6/3/2549 กรมการประกันภัย)
จากตัวอย่างข้างต้น ทำให้เราได้เห็นเลยใช่ไหมครับว่า...ประกันภัยตาม พรบ. อย่างเดียวไม่เพียงพอซะแล้ว ความเสียหาย และปัญหาความรับผิดชอบที่มันเกิดขึ้นของการอุบัติเหตุแต่ละครั้ง มันมีมากเกินกว่าที่ประกันภัยตาม พรบ. คุ้มครอง และมันจะเป็นภาระแก่เจ้าของรถและผู้ขับขี่อีกมากเลยทีเดียว เราจะคุยกันต่อฉบับหน้านะครับ
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52786