โค้งอันตราย
ชะลอตัว
วันนี้คุณใส่เสื้อสีเหลือง หรือสีแดง ครับ
ต้องยกหัวแม่โป้งให้บรรดาแกนนำที่จัดการชุมนุมแถวสนามหลวงนะครับ มีการเตรียมงานอย่างเป็นระบบ กั้นรั้วเป็นแนวให้ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ ทีวี มีลูกเล่นอยู่ตามจุดต่างๆ มากมาย
ที่ชอบที่สุดก็เห็นจะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ที่มีรูปท่านผู้นำอยู่ทุกด้าน วางเอาไว้ให้ผู้ชุมนุมได้ระบายอารมณ์กันเป็นที่สนุกสนาน
และที่ขาดไม่ได้สำหรับยุคนี้ สมัยนี้ ก็คือ การระบายอารมณ์กันในอินเตอร์เนท โดยเฉพาะ pantip ยอดนิยม มีข้อมูลของทั้งสองฝ่ายเพียบ ติดตามหาอ่านกันเองนะครับ ข้อมูลพวกนี้เอามาเล่าทางหนังสือไม่ได้เสียด้วยสิครับ เดี๋ยว บก. ผมต้องเดินทางไปขึ้นศาลทั่วราชอาณาจักรแน่นอน
ก็ไม่ได้ยกมือเชียร์ข้างไหนเป็นพิเศษหรอก เพราะถึงอย่างไรท่านก็เอาเงินภาษีของพวกกระผม มาเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งอยู่ดีน่ะแหละ แต่ชอบใจไอเดียสารพัด ที่ต่างฝ่ายต่างก็งัดเอาออกมาใช้ ชนิดที่นักการตลาดต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
แต่สิ่งที่กระทบกับตลาดรถยนต์แน่นอนที่สุด ก็คือ การชะลอตัวของยอดการขายในเดือนนี้นั่นแหละนอกจากผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้จริงๆ ถึงจะยอมควักกระเป๋า หรือไม่ก็แคมเปญถูกใจจริงๆ เพราะถ้าไม่ยังงั้น มีเรื่องให้ติดตามได้สนุกสนานทุกวันอยู่แล้ว
ขนาดค่ายรังสิต ยังต้องงัดแคมแปญจับฉลากรถกระบะ 2 คัน แถมเที่ยวต่างประเทศ ของแจกของแถมอีกเยอะแยะ แถมบินไปดูฟุตบอลเมืองนอกอีก เอามาล่อใจให้ลูกค้าเข้าโชว์รูมช่วงหน้าร้อนนี่เลย
แหม แต่ก่อนเขาทำกันอีกตอนไตรมาสสุดท้ายไม่ใช่หรือครับ เปลี่ยนมาทำตอนร้อนๆ นี่ก็ดีเหมือนกันนะครับ
มาคุยเรื่องของเราดีกว่านะครับ
ก่อนมีการชุมนุม หนนี้ที่นี่เชียร์เต็มที่เลย ที่มีข่าว ขนส่งมวลชน ขสมก. เตรียมโครงการจัดหารถโดยสารปรับอากาศใหม่ที่ใช้แกสธรรมชาติ CNG เป็นเชื้อเพลิงทดแทนรถโดยสารเก่าจำนวน 2,000 คัน ในวงเงินลงทุนราว 23,500 ล้านบาท เพื่อช่วยลดมลภาวะทางเสียงและอากาศ รวมทั้งเพิ่มคุณภาพการให้บริการแก่ผู้โดยสารเช่นกัน
แต่อีตรงที่ท่านบอกว่าเป็นการประหยัดเงินตราต่างประเทศ ที่ต้องใช้ไปในการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล จากต่างประเทศ โดยหันมาใช้แกสธรรมชาติ CNG ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติของประเทศแทน
อันนี้ขอค้านนะครับ สงสัยท่านจะเขียนเพลินกันไปหน่อยหรือเปล่า ว่าเจ้าแกสธรรมชาติ ซีเอนจี เนี่ยเราต่อท่อมาจากประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงนะครับ ต้องเสียเงินซื้อมา มันไม่ใช่ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศเรา
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ไหนๆ ก็มาเรื่องแกสธรรมชาติแล้ว มีข้อมูลที่อยากนำเสนอเพราะไปเที่ยวเวบ www.eppo.go.th <https://www.eppo.go.th> แล้วมีเรื่องน่าสนุกเก็บเอามาเล่าให้ฟังครับ
บ้านเราส่งแกสธรรมชาติ แอลพีจี ออกไปขายต่างประเทศ เริ่มกันมาตั้งแต่ปี 1992 แต่เราลองมาดูกัน 3-4 ปีย้อนหลังก็พอ
ปี 2002 ส่งออก 1,269 ล้านลิตร ปี 2003 ส่งออก 1,426 ล้านลิตร ปี 2004 ส่งออก 1,648 ล้านลิตร และปี 2505 ส่งออก 1,755 ล้านลิตร สังเกตได้ว่าปริมาณเพิ่มขึ้นปีละเกือบ 200 ล้านลิตร
แต่พอเป็นแกสธรรมชาติแบบ ซีเอนจี เราต่อท่อซื้อมาจากประเทศเพื่อนบ้านครับ ก็ที่เคยเป็นข่าวเรื่องคัดค้านการวางท่อแกสนั่นแหละ
ลองไล่เลียงไปอีก ทั่วประเทศไทย ในครัวเรือนต่างๆ นี่แหละ มีการใช้แอลพีจี เพื่อการหุงต้มเดือนละประมาณ 100-125 ล้านกิโลกรัม หรือประมาณ 200-250 ล้านลิตร ตัวเลขนี่เป็นของกรุงเทพมหานครประมาณครึ่งหนึ่ง
ส่วนบรรดารถแทกซี หรือรถบ้านที่เอาไปติดแกส มีปริมาณการใช้ประมาณเดือนละ 50 ล้านลิตร นี่ไม่ต้องพูดถึงต่างจังหวัดเลยนะครับ เพราะหาปั๊มแกสเติมไม่ได้
ใช้กับอุตสาหกรรมทั่วไป ประมาณ 60-80 ล้านลิตร
ตัวเลขประมาณการเหล่านี้ เป็นแค่ของค่ายลาดพร้าวค่ายเดียว ยังไม่นับรวมค่ายอื่นๆ อีกหลายเจ้านะครับ
ดังนั้น การที่ภาครัฐยอมหันมาส่งเสริมให้ใช้แกสในยานยนต์ เริ่มต้นแค่ ซีเอนจี ในรถโดยสารสาธารณะก็เท่ากับยอมรับแล้วว่า บ้านอื่นเมืองอื่นเขา ส่งเสริมกันมานมนานแล้ว
แต่ที่ออกมาส่งเสียงฟอด ๆ ว่า รถบ้านที่เอาไปติดถังแกส เพื่อจะเติม แอลพีจี ที่ราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซินมหาศาล ให้ระวังเอาไว้ ตอนนี้กำลังหามาตรการที่จะปล่อยให้ แอลพีจี ราคาลอยตัว
คนเขาหัวเราะกันทั้งบางครับ
ถ้าลองปล่อยให้ลอยตัวจริง ราคาข้าวผัดหน้าสำนักงานผมเนี่ย ตอนนี้จานละ 25 บาทอยู่ดีๆ รับรองได้ว่าต้องปรับราคาขึ้นเป็น 30 บาท กระทบกันไปทั้งบางแน่นอน
ไม่เชื่อก็ลองดูนะครับ
อีกเรื่องที่อยากมานำเสนอหนนี้ก็คือปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งการนำสารโซลเวนท์มาผสมในน้ำมัน ที่เราๆ ท่านๆ หลายต่อหลายท่าน โดนปัญหากันมาเกือบทั้งนั้น
ส่วนเรื่องการขอคืนภาษีน้ำมันส่งออกโดยไม่ส่งออกจริง หรือการขอคืนภาษีน้ำมันเติมเรือสินค้าไปต่างประเทศ โดยไม่เติมจริง อันนั้นเป็นเรื่องของภาครัฐ ที่สูญเสียรายได้จากภาษีสรรพสามิต หรืออากรขาเข้า นั่นไม่ใช่ส่วนที่เกี่ยวกับพวกเรานะครับ
แต่เรื่องเครื่องยนต์ของพวกกระผมเสียหาย อันเกิดมาจากการเติมน้ำมันที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน นั่นแหละเรื่องของพวกกระผมแน่นอน
สำนักนโยบายและแผน จึงริเริ่มให้มี โครงการประชาสัมพันธ์ "การป้องกันและปราบปรามน้ำมันเถื่อน"เพื่อรณรงค์ให้ทั้ง สื่อมวลชน และประชาชน ตระหนักถึงบทบาท หน้าที่ ในการช่วยป้องกันและปราบปรามน้ำมันเถื่อน ตลอดจนลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อให้การกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงลดน้อยลง
ส่วนเรื่องจะหมดไปจากประเทศไทย คงเป็นไปไม่ได้ในชาตินี้หรอกนะครับ
เรื่องตุกติกพวกนี้ ถนัดกันจังเลยนะครับ
วิธีการก็โดยมีการให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนทั่วไป เพื่อให้ตระหนักถึงความสูญเสียอันเกิดจากน้ำมันเถื่อน รวมทั้งพิษภัยของน้ำมันปลอมที่มีต่อชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมเปิดช่องทางให้ประชาชนในการสอบถามข้อมูล หรือ แจ้งข่าวสาร เบาะแสเกี่ยวกับน้ำมันเถื่อน
โครงการรวมพลังต้านน้ำมันเถื่อน มีศูนย์กลางอยู่ที่ โทร. 0-2662-3288 นะครับ
รถใครที่ชอบเติมน้ำมันให้เต็มก่อนออกเดินทาง ก็ต้องคอยสังเกตอาการของรถกัน ถ้าน้ำมันปลอมปนนี่วิ่งไปพักเดียว มีอาการแน่นอน ผมเองก็ไม่ใช่ช่าง อธิบายไม่ค่อยจะถูก แต่บอกได้เลยว่าสภาพของรถที่ใช้อยู่ทุกวันน่ะ ผิดปกติแน่นอนประมาณว่าวิ่งสะอึก มีอาการกระตุก ไม่เป็นปกติธรรมดา
ก็จำๆ ปั๊มที่เข้าเติมแล้วรถมีอาการกันเองนะครับ
เพราะมันเงินในกระเป๋าพี่เองแหละครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52782