เล่นท้ายเล่ม
บุตรีผู้ยิ่งใหญ่แห่งเอเชีย
กับรางวัล "อินทิรา คานธี" ซึ่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับการทูลเกล้า ฯ ถวาย จากนาย เอพีเจ อับดุล กาลาม ประธานาธิบดีอินเดีย เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2548 ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ย่อมนำความปลื้มปีติมาสู่พสกนิกรชาวไทยอีกครั้งหนึ่ง
ผมและชาวไทยอย่างผม ย่อมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาร่วมรัชสมัยปัจจุบันแห่งพระราชวงศ์จักรีเป็นเบื้องสูง
รางวัลที่ได้รับการทูลเกล้า ฯ ถวายครั้งนี้ เป็นรางวัล "อินทิรา คานธี" ด้านสันติภาพ การลดอาวุธและการพัฒนา ประจำปี 2547 ซึ่งท่านประธานาธิบดีอินเดียได้กล่าวสุนทรพจน์ถวายดังความบางตอนต่อไปนี้
"สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับผิดชอบในเรื่องการอนุรักษ์วัฒนธรรม ด้วยการทรงฟื้นฟู และพระราชทานพระราชูปถัมภ์งานศิลปหัตถกรรมต่างๆ รวมทั้งการแสดงหนังใหญ่ และดนตรีไทยซึ่งบันทึกไว้เพื่อคนรุ่นหลัง"
"การที่ทรงขับร้องและทรงดนตรีต่อหน้ามหาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า พระองค์ทรงช่วยกระตุ้นให้ดนตรีไทยฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน"
คำกล่าวนี้ย่อมแสดงถึงเป็นความล้ำค่าแห่งวัฒนธรรมและมรดกของคนไทย ที่ผมเพียรนำมาเล่าขานในที่นี้บ่อยครั้ง เพื่อเตือนให้เกิดการอนุรักษ์และการสืบสานที่งดงามสืบไป
ในด้านบรรเทาความยากจนของคนไทย ท่านประธานาธิบดีอินเดียยังได้พูดว่า
"เราต่างรู้สึกปลื้มปีติอย่างยิ่งที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาแบบยั่งยืนตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อบรรเทาความยากจนภายในประเทศ ฯพณฯ อินทิรา คานธี อดีตนายกรัฐมนตรีของเรา มุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำให้ประเทศพัฒนาและบรรเทาความยากจน"
"สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มิได้เป็นผู้แปลกหน้าในแวดวงอินเดียและศาสตร์เกี่ยวกับอินเดีย พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถด้านภาษาสันสกฤตและศาสตร์เกี่ยวกับอินเดียเป็นอย่างยิ่ง"
"เป็นไปได้ว่าการผสมผสานนี้ รวมทั้งการเสด็จ ฯ เยือนสาธารณรัฐอินเดียบ่อยครั้ง และการที่ทรงศึกษาส่วนต่างๆ ของอินเดียอย่างลึกซึ้ง อาจเป็นแรงผลักดันให้พระองค์ต้องประสงค์ที่จะทรงสร้างสันติภาพในโลก ด้วยการพัฒนาชนบทและวัฒนธรรม"
นอกจากสุนทรพจน์ที่น่าสนใจของท่านประธานาธิบดีแล้ว ท่านนายกรัฐมนตรีอินเดีย นายมันโมฮันซิงห์ ยังเป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้กล่าวสุนทรพจน์ถวาย ดังมีความบางตอนต่อไปนี้
"วันนี้ เราต่างมาประชุมกันเพื่อเฉลิมพระเกียรติ "บุตรีผู้ยิ่งใหญ่แห่งเอเชีย""
"พวกเราในประเทศอินเดียต่างรู้จัก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีเป็นอย่างดี ทรงเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูง ในประเทศของเราเช่นกับในประเทศของพระองค์ เรารู้จักพระองค์ในฐานะทรงเป็นนักวิชาการสันสกฤตอย่างแท้จริง และในฐานะที่ทรงเป็นพุทธศาสนิกที่เคร่งครัด"
"พระประวัติและพระราชกรณียกิจ (ของพระองค์) พิสูจน์ให้เห็นว่า ทรงเป็นพลเมืองผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกพระราชกรณียกิจด้านเด็กและเยาวชน และด้านอนุรักษ์สมบัติวัฒนธรรมของประชาชนของพระองค์แสดงให้เราเห็นอยู่เสมอมาว่าเราจะสามารถทำอะไรได้มาก หากมีแรงบันดาลใจให้ทำ"
"สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นทั้งตัวแทนผู้นำผู้น่าชื่นชมแห่งประชาชนชาวไทย และเป็นสัญลักษณ์อันวิเศษแห่งประชาชาติที่ยิ่งใหญ่"
"ใต้ฝ่าละอองพระบาท ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชวโรกาสกราบบังคมทูลว่า ปวงข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงพระราชอุตสาหะเสด็จพระราชดำเนินมา ณ ที่นี่ในวันนี้"
"สำหรับอินเดียแล้ว ยิ่งเป็นความโสมนัสเป็นพิเศษที่ได้มีโอกาสทำให้พระราชกรณียกิจแห่งใต้ฝ่าละอองพระบาทเป็นที่ปรากฏรับรอง ทั้งนี้ ก็เพราะความผูกพันอันแน่นแฟ้นทางประวัติศาสตร์ภูมิศาสตร์ และวัฒนธรรมระหว่างประเทศทั้งสองของเรา"
"ในยุคปัจจุบันประเทศอินเดียกับประเทศไทย กำลังร่วมมือกันแสวงหาอนาคตที่มีอดีตร่วมกันและปัจจุบันอันคล้ายคลึงกัน จะช่วยจรรโลงเราแสวงหาความร่วมมือที่ยิ่งขึ้นไปในวันข้างหน้า ข้าพเจ้าเชื่อว่าอินเดียกับไทยนั้นเป็นที่กำหนดมาแล้วว่า อยู่เคียงข้างกันในประวัติศาสตร์ ในฐานะเป็นเพื่อนบ้านเป็นมิตร และเป็นส่วนร่วมในการเสาะแสวงหาความก้าวหน้า เรามุ่งหวังที่จะได้ร่วมงานกันเพื่อกระชับมิตรภาพนี้ให้มั่นคง"
"ใต้ฝ่าละอองพระบาท ดังนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงเชื่อว่าการได้เฉลิมพระเกียรติในครั้งนี้ เป็นการที่เรามีโอกาสได้ยกย่องตัวเราเอง ข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกชื่นชมโสมนัสอย่างแท้จริงที่ได้เห็นใต้ฝ่าละอองพระบาททรงได้รับรางวัลนี้"
"รางวัลอันมีค่าในนามแห่งบุตรีผู้เลิศสุดแห่งอินเดียในประวัติศาสตร์อินเดียปัจจุบัน"
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัสตอบ ดังความเป็นบางตอนดังนี้
"ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลอินทิรา คานธี สำหรับผู้ที่มีผลงานด้านสันติภาพ การลดอาวุธ และการพัฒนาในวันนี้"
"ข้าพเจ้าไม่มีโอกาสพบ ฯพณฯ ศรีอินทิรา คานธี แต่เมื่อยังเยาว์เคยอ่านชีวประวัติของท่านและได้อ่านหนังสือเรื่อง "พบถิ่นอินเดีย" หนังสือรวมจดหมายที่ท่านบัณฑิต วาหระลาล เนห์รู เขียนถึงท่าน หนังสือนี้เดิมเป็นเรื่องที่เขียนถึงเป็นการส่วนตัว แต่กลายเป็นเรื่องสากลอ่านกันทั่วไป"
"เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ เราไม่เพียงแต่ได้ค้นคว้าเรียนรู้ประวัติภูมิปัญญาแห่งอินเดียเท่านั้น แต่ยังได้เห็นวิธีการถ่ายทอดความรู้อันลึกซึ้ง ความรักชาติและความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยจากบิดาผู้น่าสรรเสริญไปสู่ธิดาผู้น่ายกย่องสรรเสริญ"
"ในฐานะผู้อ่าน ข้าพเจ้ามีโอกาสได้แรงบันดาลใจจากหนังสือเล่มดังกล่าว เราทุกคนต่างก็หวังที่จะนำสันติสุขมาสู่โลก และก็หวังด้วยว่าจะไม่มีใครใช้อาวุธร้ายประหัตประหารทำลายล้างผู้อื่น แต่ว่าบัดนี้หลายแห่งในโลกเดือดร้อนวุ่นวาย ข้าพเจ้าหวังว่าเราจะร่วมมือกันแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ จะทำอย่างไรนั้น ไม่อาจทราบได้"
"ตั้งแต่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ในครอบครัวและบรรดาผู้ที่อยู่รอบข้างมักจะพูดจาหารือกันเรื่องการพัฒนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทั่วประเทศเพื่อทรงงานด้านการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาชนบทห่างไกล"
"ในเวลานี้ ข้าพเจ้าเองมุ่งพัฒนาการศึกษา การพัฒนาการศึกษาที่ทำอยู่นี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเรื่องการเรียนการสอนและการสร้างสถานที่เรียนเท่านั้น แต่ว่าต้องทำไปพร้อม ๆ กับเรื่องสาธารณสุข"
"การพัฒนาการเกษตรเพื่อการบริโภคในครัวเรือน ให้มีอาหารที่ปลอดภัย รวมทั้งสามารถขายผลผลิตส่วนหนึ่งเป็นรายได้ ข้าพเจ้าเห็นว่าเราควรจะตั้งใจว่างานพัฒนาที่เราทำนั้น ต้องเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน หมายความว่าเราจะต้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติของเราให้คงอยู่เป็นประโยชน์ชั่วลูกหลาน"
"ผู้ทำงานพัฒนา ควรพร้อมที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น ทั้งคนในท้องถิ่นและบุคคลกลุ่มอื่นๆ เช่น องค์กรระหว่างประเทศ รัฐบาลประเทศต่างๆ บริษัทธุรกิจ และองค์กรอิสระต่างๆ ที่สำคัญคือ จะต้องมีข้อมูลเพียงพอจึงจะทำงานได้ผล"
"งานพัฒนาเป็นงานยาก และใช้เวลานานกว่าจะทำได้สำเร็จ นักพัฒนาจึงต้องอดทน มั่นคงในธรรมะคุณงามความดี ทั้งยังต้องถือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง เพื่อให้ผู้อื่นเชื่อถือไว้วางใจ"
"ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงคิดว่า เรามีสิ่งที่จะต้องเรียนจากอินเดียอีกมาก รางวัลที่ข้าพเจ้าได้รับวันนี้จะเป็นกำลังใจให้ข้าพเจ้าพากเพียรทำงานพัฒนาต่อไป เพื่อสร้างสรรค์ความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่คนไทย ชาวเอเชีย และชาวโลก ซึ่งอาจนำมาซึ่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองแก่โลกทั้งหมด"
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
เรื่องโดย : บรรเจิด
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : เล่นท้ายเล่ม
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52767