รอบรู้เรื่องรถ
คลื่นลูกที่สามจากเอเชีย
ในขณะที่รัฐมนตรีว่าการบางกระทรวงของไทย ให้ข่าวหนังสือพิมพ์ "ประกาศศักดา" (ใช้คำนี้จริงๆ ในหัวข่าว) การประกอบรถถึงหลักหนึ่งล้านคันเมื่อไม่นานมานี้ก่อนผมเขียนเรื่องนี้ ด้วยความภาคภูมิใจพร้อมกับบอกว่ามันจะทำให้ประเทศไทยเป็นดีทรอยท์แห่งเอเชียได้เร็วขึ้นอีก ผมขอไม่เขียนถึงเรื่องฝันเพ้อเจ้อไร้สาระนี้ เสียดายเนื้อที่ครับ เมื่อใดหมดเรื่องสำคัญ ค่อยเอามาเขียนถึงดีกว่า
ประเทศหนึ่งห่างจากประเทศเราไม่มาก ก็ประกาศ "ศักดา" ของจริง นั่นคือศักยภาพในการพัฒนาและผลิตรถของตนเอง คงเดาไม่ยากนะครับว่าไม่น่าจะเป็นประเทศอื่นใด นอกเสียจากจีน เพราะเกาหลีใต้คว้าตำแหน่งที่สองไปนานแล้ว จีนไม่ใช้คำพูดหรือน้ำลาย แต่ใช้การกระทำ คือนำของจริงออกแสดงเลย และเป็นการแสดงในเวทีระดับโลกเสียด้วย นั่นคืองานแสดงรถยนต์ทั้งในยุโรป และสหรัฐอเมริกาโดยนัดไปแสดงตนในงานแสดงรถยนต์ ณ เมือง FRANKFURT เมื่อปลายปีที่แล้วพร้อมกันสามราย คือ GEELY LANDWIND และ BRILLIANCE
จีลี เป็นชื่อรถของผู้ผลิตรายสำคัญของจีน แปลว่าโชคดี หลี่ ชู ฟู ประธานของบริษัทไปเปิดตัวรถในสังกัดด้วยตนเองในวันแรก ผมชอบคำตอบของแกมาก ที่ตอบคำถามของนักข่าว ถึงจุดประสงค์และความรู้สึกในการนำรถมาร่วมแสดง ในงานแสดงรถยนต์ระดับโลกครั้งนี้
ประธานของ จีลี บอกว่า "เราไม่ได้มาแบบผู้ประกาศศักดา เราแค่ดีใจที่มีโชค ได้มาร่วมแสดงผลิตภัณฑ์ของเราในงานระดับนี้ พวกเรารู้ตัวดีว่ายังต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมาย"
ผมว่าน่าจะส่งบรรดา "บิก" ทั้งหลายของวงการกีฬาไทย ที่ชอบคุยโม้ว่าจะเอาเหรียญทองมาฝากคนไทย แต่ชอบตกรอบแรกๆ กลับมา ไปเข้ารับการอบรมโดยประธานคนนี้ ประธานฟูนำรถไปโชว์ห้ารุ่นด้วยกัน ถึงจะยังเทียบไม่ได้กับรถของชาติอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ตั้งหลักกันมาเป็นสิบหรือเป็นร้อยปีแต่ก็นับว่าดีทีเดียวสำหรับ "มือใหม่" อย่างจีน มีอยู่สองรุ่น คือ MARINDO ขนาดกลางเล็ก และรุ่น CK ที่เป็นรถครอบครัวขนาดเล็ก ระดับเดียวกับที่ชาวยุโรปนิยมใช้กัน จีลี มีแผนที่จะนำร่องไปตลาดยุโรปดูแต่คงต้องกินเวลาถึงปีหน้า กว่าจะปรับปรุงเครื่องยนต์ให้ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4
ไม่มีใครคิดค้นและพัฒนาอะไรได้เองทั้งหมด เมื่อห้าปีก่อน จีลี ใช้วิธีซื้อลิขสิทธิ์รถเล็กมาผลิตเพื่อเรียนรู้ ให้ลูกน้องฝึกฝนวิทยายุทธ์ เพื่อยืนด้วยขาและความรู้ของตัวเองในวันข้างหน้า และวันนี้ จีลี ก็พิสูจน์ตนเองแล้วว่าทำได้ ถ้ามองจากมุมของคนที่ไม่เข้าใจกระบวนการ ก็อาจบอกว่ารถของ จีลี ยังห่างไกลรถของ "ฝรั่ง" และญี่ปุ่น หรือเกาหลี แต่ฝรั่งหรือญี่ปุ่นก็ต้องผ่านช่วงเวลานี้กันมาทั้งนั้น
เมื่อสี่สิบปีที่แล้วรถญี่ปุ่นก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกับรถจีนวันนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจีนจะต้องใช้เวลา 40 ปี ในการที่จะมาอยู่ในแถวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์นะครับ มีทางลัดให้เลือกเดินหลายทางในวันนี้ และถ้ารถของ จีลี จะยังไม่มีคุณภาพในระดับสูง แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ด้วยของจำหน่ายทั้งในประเทศเองและนอกประเทศ ยอดจำหน่ายในประเทศคงไม่ต้องกังวลมาก เพราะลูกค้าจีนที่กำลังจะรวย ผุดขึ้นเร็วยิ่งกว่าเห็ดต้นฤดูฝน
ส่วนตลาดนอกประเทศ ประธาน ฟู มีวิธีที่เป็นที่รู้กันอยู่ นั่นคือ ราคาที่ถูกขนาดฝรั่งต้องถามซ้ำ เพราะนึกว่าฟังผิด แต่ราคาอย่างเดียวไม่สามารถประกันความสำเร็จได้ คุณภาพของรถต้องสมกับราคาด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความไว้วางใจได้ และความทนทาน ถ้า จีลี ผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ ซึ่งเป็นด่านที่หนักหนาสาหัสจริงๆ ครับ คนที่อยู่ในวงการอุตาหกรรมผลิตสิ่งของเครื่องใช้ถึงจะทราบดีโดยเฉพาะรถยนต์ ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนมากมาย จนไม่มีใครผลิตเองได้หมด คุณภาพของรถยนต์ในสมัยนี้ จึงขึ้นอยู่กับคุณภาพของชิ้นส่วนที่ซื้อมาจากผู้ผลิตรายย่อย ที่เรียกทับศัพท์กันว่า ซัพพลายเออร์
ผมขอยกตัวอย่างของจริงให้เห็นกันชัดๆ สักหนึ่งตัวอย่าง คือ จักรยานยนต์ของญี่ปุ่นที่ผลิตในประเทศไทย กับจักรยานยนต์จีนที่จีนผลิตใช้กันเอง โดยเลียนแบบของญี่ปุ่น "ทั้งดุ้น" มองดูอย่างผิวเผินคล้ายกัน แต่คุณภาพต่างกันมากครับ จักรยานยนต์ญี่ปุ่นไม่ว่าตราใดที่ผลิตในประเทศไทย มีคุณภาพด้านความทนทานสูงมาก ไม่ใช่ญี่ปุ่นมีจริยธรรมสูง อยากให้คนไทยได้ของดีสมราคาใช้หรอกนะครับ แต่เพราะการแข่งขันแย่งชิงลูกค้า อยู่ในระดับดุเดือดเลือดพล่านมาหลายสิบปีแล้ว จักรยานยนต์เหล่านี้ใช้งานได้เกินหนึ่งแสนกิโลเมตรสบายๆ โดยไม่ต้องทะนุถนอมกันเป็นพิเศษ ขอเพียงบำรุงรักษาให้ถูกต้องตามปกติเท่านั้น ความทนทานจะเป็นสิ่งที่ลูกค้าที่มีฐานะทางการเงินไม่สูงนักเหล่านี้ ให้ความสำคัญเป็นสิ่งแรก และ "บอกต่อ" กันไปในหมู่ญาติมิตรหรือคนรู้จัก ให้ผลยิ่งกว่าการโฆษณารูปแบบใด
ส่วนจักรยานยนต์ผลิตในจีนนั้น ใช้แค่สองหรือสามหมื่นกิโลเมตร ก็เริ่มเสื่อมสภาพและมีปัญหาแล้วเพราะขนาดของชิ้นส่วนก็ไม่แม่นยำได้มาตรฐานเหมือนของญี่ปุ่น วัสดุก็ต่างกันมาก ความสึกหรอจึงสูงกว่าหลายเท่า แต่จีนเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร เขาเลียนแบบมาผลิตใช้กันเอง ด้วยต้นทุนถูกเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น เสียเมื่อไรก็ลองซ่อมดู ซ่อมไม่ได้หรือไม่คุ้ม ก็ทิ้งไปแล้วซื้อใหม่ รับรู้กันทั่วไปว่าอายุใช้งานของมันแค่นี้เป็นปกติ จะมีปัญหาก็ต่อเมื่อ นักธุรกิจไทยที่ไม่มีความรู้พื้นฐานทางวิศวกรรม มีเส้นสายเฉพาะการนำเข้าและในการทำตลาด นึกว่าจะเอาของถูกมาขายทำกำไรเป็นกอบเป็นกำได้ ผมขอบอกว่าถ้าไม่เข้าใจปัญหานี้ มีโอกาสหมดตัวได้ ถึงจะเอามาดัดแปลงหรือปรับปรุงเฉพาะส่วน ก็ไม่น่าจะไหวครับ
กลับมาเรื่องรถยนต์กันต่อ จีลี ตั้งเป้าไว้ว่า ในปี 2015 จะผลิตรถขายให้ได้ 2 ล้านคัน แบ่งขายนอกประเทศ 1.4 ล้านคัน ดูฝีมือและผลงานตั้งแต่ต้น รวมทั้งความมุ่งมั่นเอาจริง แต่อ่อนน้อมถ่อมตนของประธาน ฟู แล้ว ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลก ถ้าต้องให้คะแนนเสมือนเป็นนักศึกษา จีลี และประธาน ฟู เอาเกียรตินิยมไปเลยครับ
รายที่สอง คือ LANDWIND ที่เอาดีทางรถกิจกรรมกลางแจ้ง หรือ SUV ซึ่งไม่ต้องลงแรงอะไรมากเพราะเอาแบบของ OPEL FRONTERA ที่เยอรมนี "ปลดระวาง" แล้ว มาผลิตใหม่ ผมไม่แน่ใจว่า มีการพัฒนาเรียนรู้ เพื่อจะผลิตรถของตนเองในวันข้างหน้าเหมือน จีลี หรือไม่ LANDWIND ชูจุดแข็งที่ราคาจำหน่ายเช่นเดียวกัน พร้อมกับอาศัยเครือข่าย ศูนย์บริการของ OPEL บางส่วน ในการเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้า
รายการที่สาม คือ BRILLIANCE ผลิตรถเก๋งขนาดกลาง สัดส่วนระดับเดียวกับ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ หรือ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 5 แต่ขายในราคารถเล็กระดับ โฟล์ค ฯ กอล์ฟ ถึงคุณภาพและสมรรถนะของ BRILLIANCE จะยังห่างจากรถสัญชาติยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนี และลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มที่ยังเน้นคุณภาพ แล้วยังมีรายได้สูงพอ แต่ก็ยังมีนักธุรกิจจำนวนมากรุมตอม BRILLIANCE เคล็ดลับอยู่ที่ตลาดขนาดมหึมาของประเทศร่ำรวยในยุโรป ที่ขอทำยอดจำหน่ายเพียง 1 หรือ ครึ่งเปอร์ เซนต์ได้ ก็รวยแล้ว
ล่าสุดผมเพิ่งได้อ่านรายงานการทดลองขับ BRILLIANCE รุ่น ZHONGHUA ในยุโรป ทำออกมาได้ดีทีเดียวครับ
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52762