มุมมองนักออกแบบ
ทเรนด์ รูปแบบ และการตกแต่งรถยนต์ทั่วโลกตลอดปี 2005
"แมน ดีไซจ์น" เป็นนามปากกาของ ทัศไนย ไรวา ซึ่งจบการศึกษาจากสถาบันด้านการออกแบบรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก "ART CENTER COLLEGE OF DESIGN USA" นอกจากนี้เขายังเป็นนักออกแบบรถยนต์มืออาชีพคนแรกของเมืองไทย ที่มีผลงานการดีไซจ์น และผลิตรถสปอร์ทต้นแบบของตนเองในชื่อ "RAIVA" การมองรถยนต์แต่ละคันในมุมมองของเขา จึงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ในปี 2005 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ ผมได้มีโอกาสเยี่ยมชมงานแสดงรถยนต์ระดับโลกหลายงานเริ่มตั้งแต่ต้นปีในเดือนมกราคม ที่งานมหกรรมยานยนต์แอลเอ เป็นแห่งแรก และตามมาด้วยงานโตเกียว ออโท ซาลอน ในเดือนเดียวกัน ต่อมาในเดือนกันยายน ก็ได้ไปชมงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท ประเทศเยอรมนี และสุดท้ายก่อนสิ้นปีที่งาน ซีมา โชว์ เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
นับเป็นครั้งแรกภายใน 1 ปี ที่ผมได้มีโอกาสซึมทราบทเรนด์ของรถยนต์ และการตกแต่งอย่างลึกซึ้งชัดเจนที่สุด ตั้งแต่เกิดมาได้มีโอกาสเห็นทั้งความเหมือน และแตกต่างของรถยนต์ในแต่ละทวีปหลักๆของโลก ได้แก่ ญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกาซึ่งนับว่าเป็นประเทศมหาอำนาจด้านการผลิตรถยนต์ของโลกทั้งสิ้น
เรามาเริ่มกันสถานที่แรกที่งานมหกรรมยานยนต์แอลเอ จัดขึ้น ณ เมืองลอสแองเจลิสประเทศสหรัฐอเมริกา งานนี้ถือว่ายังไม่ได้เป็นงานมหกรรมยานยนต์หลักของสหรัฐอเมริกาเพราะงานหลักจะอยู่ที่ ดีทรอยท์ แต่สำหรับเมืองแอลเอนี้ก็ถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการออกแบบรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา เพราะเมืองแอลเอนี้ เปรียบเสมือนกระทะใบใหญ่ที่มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติทั่วโลกมารวมอยู่ด้วยกันมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นห้องทดลองด้านรสนิยมที่บริษัทรถยนต์ทั่วโลกสามารถมาศึกษาได้สะดวก และรวดเร็วที่สุดมากกว่าเมืองอื่นๆดังนั้นเราจึงได้เห็นสตูดิโอออกแบบรถยนต์ของบริษัทรถยนต์ชั้นนำจากทั่วโลกมาตั้งอยู่ในละแวกรัฐแคลิฟอร์เนียมากที่สุด
อีกเหตุผลที่มีสตูดิโอออกแบบรถยนต์มากก็เพราะมีสถานศึกษาที่ผลิตนักออกแบบรถยนต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ART CENTER COLLEGE OF DESIGN PASADENA ตั้งอยู่ใกล้เมืองแอลเอ เช่นเดียวกัน
ภาพรวมของงานนั้น รถส่วนใหญ่ทำมาสำหรับตลาดทวีปอเมริกาเหนือ มีรถใหม่เปิดตัวในงานนี้ไม่มากนัก เพราะไม่ใช่งานมหกรรมยานยนต์หลักของสหรัฐอเมริกา เท่าที่เห็นมี เชฟโรเลต์ เอชเอชอาร์ และโฟล์คสวาเกน เจททา เป็นต้น แต่กิจกรรมเด่นของงานที่จัดขึ้นทุกปี คือ การประกวดออกแบบรถยนต์จากสตูดิโอชั้นนำ ของบริษัทรถยนต์ต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียทั้งหมด ด้วยโจทย์ที่ว่า "THE ULTIMATE LA MACHINE" หรือถ้าจะให้แปลเป็นไทยๆ ก็จะประมาณว่า "สุดยอดยานยนต์ของคนแอลเอ" ด้วยไอเดียที่ไร้ขอบเขตจำกัด จึงทำให้นักออกแบบของแต่ละสตูดิโอ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังมีการสัมมนาในประเด็นที่น่าสนใจอีกมาก เช่น
จำเป็นหรือไม่ที่นักออกแบบรถยนต์จะต้องออกมาอธิบาย หรือประชาสัมพันธ์งานออกแบบต่อสาธารณชน โดยตรง
เราจำเป็นจะต้องรอเทคโนโลยี FUEL CELL ให้สมบูรณ์ก่อนที่จะพัฒนารูปแบบโครงสร้างของรถยนต์ในรูปแบบใหม่ๆ หรือไม่
จะมีดีไซจ์เนอร์รถยนต์ที่เป็นผู้หญิงมากขึ้นในอนาคตมากเท่าใด และจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรถยนต์ไปในทิศทางใด
จะมีเทคโนโลยีอะไร ในอนาคตที่จะทำให้รูปทรงของรถยนต์ดูน่าตื่นเต้นมากขึ้น
เราจะทำอย่างไรกันดี ถ้ารถที่เราออกแบบในวันนี้มันดูตลกในอนาคต
งานต่อมาที่ผมได้ไปสัมผัส คือ โตเกียว ออโท ซาลอนที่ถือว่าเป็นงานเกี่ยวกับรถตกแต่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอเชีย และยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 2ของโลกรองจากงาน ซีมา โชว์ ของสหรัฐอเมริกา
ภาพรวมของงานนั้นส่วนใหญ่จะเป็นรถจากค่ายญี่ปุ่น ที่ถูกนำมาโมดิฟายกันแบบสุดๆโดยสำนักตกแต่งที่มีอยู่มากมาย ตั้งแต่ยี่ห้อที่บ้านเราคุ้นหู คุ้นตากันเป็นอย่างดี และแบบที่ไม่เคยได้ยินชื่อ ก็หลายยี่ห้อ นอกจากชุดแต่งจากเมืองปลาดิบแล้วก็ยังมีชุดแต่งจากเยอรมนี และสหรัฐอเมริกาด้วยเหมือนกัน เพราะคนญี่ปุ่นบางกลุ่มนิยมใช้รถยุโรปและรถอเมริกัน
สำหรับบรรดาแฟนๆ คอตกแต่งรถยนต์บ้านเรา ถ้ามางานนี้ก็คงจะถูกใจเพราะรถบ้านเราส่วนใหญ่เป็นรถญี่ปุ่น สำนักแต่งดังๆ ก็จะใช้งานนี้เปิดตัวสินค้าใหม่ๆได้อย่างต่อเนื่องทุกปี เช่น มูเกน สำนักแต่งคู่บารมีของ ฮอนดา เปิดตัว ชุดแต่งทั้งภายใน และเครื่องยนต์ ไปพร้อมกับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของ ฮอนดาอย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้งานมหกรรมยานยนต์ใหญ่ๆ เลยทีเดียว
นอกจาก มูเกน ก็ยังมี แรลลีอาร์ท สำนักแต่งคู่บารมีของ มิตซูบิชิ นิสโม ของ นิสสัน ทีอาร์ดี ของ โตโยตา ที่จัดบูธประชันกันอย่างเต็มที่ และจุดเด่นที่จะลืมไม่ได้สำหรับงานนี้ก็คือ พริททีที่แต่งตัว และโพสต์ท่าถ่ายรูปกันแบบเต็มที่ แต่ถ้าเทียบแล้ว พริททีของบ้านเราจะสวย และน่ารักกว่า
ต่อมาในเดือนกันยายน ผมได้เดินทางไปชมงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอีกครั้ง มีรถรุ่นใหม่ถูกเปิดตัวที่งานนี้มากมาย เช่น เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ ใหม่ ฮอนดา ซีวิค 5 ประตูใหม่ เอาดี คิว 7 รถแบบ เอสยูวี ใหม่ เป็นต้น
นอกจากรถยนต์ธรรมดาแล้ว ก็ยังมีรถแนวคิดอีกมากมาย อาคารแสดงรถยนต์นั้นยิ่งใหญ่นับ 10 อาคาร
สำหรับครั้งนี้สิ่งที่น่าสนใจ ก็คือ รถจากประเทศจีนที่จะบุกตลาดยุโรปเป็นครั้งแรกเท่าที่จำได้มีประมาณ 4 ยี่ห้อ จุดขายก็อยู่ที่ราคาเป็นอันดับแรก แต่พอดูรายละเอียดแล้วด้านความประณีตยังไม่ผ่านจริงๆ
นอกจากนี้ยังมีอาคารสำหรับรถตกแต่งที่เป็นศูนย์รวมของสำนักแต่งดังๆ ของค่ายยุโรปที่บ้านเรารู้จักกันดี มากมาย ซึ่งทเรนด์การแต่งรถก็จะเป็นสไตล์ยุโรปที่มีความเรียบหรูแต่ก็มีบางค่ายที่เพิ่มลูกเล่นการดีไซจ์นมากขึ้น ด้านพริททีนั้น ดูแล้วไม่ค่อยกระชุ่มกระชวยเท่าไรเพราะบางคนเรียกป้าได้เลย พริททีไทยที่บูธ อีซูซุ ส่งไปยืน 4 คนนั้นกินขาด ดูดีกว่าทุกบูธภายในงาน
และแล้วก็มาถึงงานสุดท้ายปลายปี นั่นก็คือ งาน ซีมา โชว์ ที่เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี งานนี้ถือว่าเป็นงานด้านการตกแต่งรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นงานที่สำนักตกแต่งรถยนต์ทั่วโลก จะนำรถมาโชว์กัน ความยิ่งใหญ่ของงานนั้นประมาณ 5 เท่าของงาน มหกรรมยานยนต์บ้านเรา ถือว่างานนี้เป็นการกำหนดทเรนด์การตกแต่งรถของโลกก็ว่าได้
มีบริษัทรถยนต์หลายบริษัทให้ความสำคัญกับงานนี้เป็นอย่างมากเช่นเดียวกับงานระดับโลกเลยทีเดียว อย่างเช่น ฟอร์ด ที่จะส่งรถให้กับสำนักตกแต่งต่างๆทำรถมาประกวดกันทุกปี ซึ่งลูกค้าที่มาชมงาน ก็จะเห็นความสวยงาม ของรถยนต์รุ่นเดียวกันแต่มีการตกแต่งที่มีความงดงามหลากหลายรูปแบบอย่างคาดไม่ถึง นั่นหมายถึงการที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อเป็นอย่างดีในทุกๆ ปี ซึ่งปีนี้ทาง ฟอร์ด ก็ได้นำ มัสแตง ใหม่มาทำการตกแต่งอย่างมากมาย ซึ่งจะถือว่าเป็นพระเอกของงานนี้ก็ว่าได้ นอกจาก ฟอร์ด แล้ว
รถอีกรุ่นที่ถูกเปิดตัวในงานนี้เป็นครั้งแรก ก็คือ ฮอนดา ซีวิค คูเป ซึ่งถือว่าฮิทมากในตลาดสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกันกับรถรุ่นนี้ก็จะถูกตกแต่งในหลายรูปแบบ หลายสไตล์ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกสไตล์ที่เหมาะสมกับตัวเขาได้มากที่สุด ตามกลยุทธ์การตอบสนองลูกค้าทุกๆคนให้ได้มากที่สุด (PERSONALIZE MARKETING)
การกำหนดทเรนด์การแต่งรถที่สำคัญมากที่สุด น่าจะเป็นอิทธิพลของภาพยนตร์ ซึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้วหนังเรื่อง THE FAST AND THE FURIOUS ดังไปทั่วโลก ซึ่งรถที่ใช้แสดงนั้นส่วนใหญ่เป็นรถญี่ปุ่นตกแต่ง ทำให้กระแสรถญี่ปุ่นตกแต่งในสหรัฐอเมริกานั้น ดังเป็นพลุแตก ในงาน "SEMA" เมื่อ 2 ปีก่อนนั้น ก็จะเต็มไปด้วยรถญี่ปุ่นตกแต่งเกือบทั้งงาน บริษัทแต่งรถของญี่ปุ่นมาออกบูธกันอย่างคึกคัก แต่พอ 2 ปีผ่านไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปหมด ภาพยนตร์ที่มีภายในของรถญี่ปุ่นตกแต่งเริ่มจางหาย แต่กลับมาแทนที่ด้วยรถอเมริกัน รุ่นแรง ยุค '60 และ '70 ที่นำกลับมาแต่งใหม่อย่างเช่นในตอนท้ายๆ ของหนัง TRIPLE X3/DUKE OF HAZZARD หรือ GONE IN 60 SECOND เป็นต้น ซึ่งหนังอเมริกันส่วนใหญ่ ก็จะตบท้ายด้วยความภาคภูมิใจกับรากเหง้าของตัวเอง ด้วยรถสไตล์กล้ามใหญ่ (AMERICAN MUSCLE CAR) เกือบทุกครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่เขามีความภูมิใจกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของเขา ทำให้สไตล์การนำรถเก่ามาตกแต่งใหม่ แบบอย่างในภาพยนตร์กลับมาฮิทอีกครั้ง ในงานครั้งนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีรถประเภทนี้เต็มไปหมดทั้งงาน เพราะรถประเภทนี้เมื่อนำมาตกแต่งใหม่แล้ว ก็จะถือว่ามีเพียงคันเดียวในโลก และจะมีมูลค่าสูง เพราะเป็นอมตะ รถญี่ปุ่นตกแต่งจากที่มีเต็ม 2 ปีที่แล้ว ในปีนี้มีเหลือให้ดูเพียงไม่กี่คันเท่านั้น รวมไปถึงบูธสินค้าตกแต่งจากญี่ปุ่น ก็พลอยหายไปด้วย ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากการสร้างกระแสของภาพยนตร์จริงๆ
จากการได้ดูงานมาทั้งปีนี้ ต้องยอมรับว่า SEMA เป็นงานแสดงรถยนต์ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุดเพราะการตกแต่งรถแต่ละคันในงานนั้น เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และความประณีต แบบสุดๆเรียกได้ว่าเข้าขั้น "บ้า" เลยทีเดียว รวมไปถึงบรรดาพริททีทั้งหลายที่คัดมาในแนวเซกซีล้วนๆซึ่งสามารถถ่ายรูปแบบโอบกอดได้อย่างเป็นกันเอง สร้างความประทับใจให้หนุ่มๆที่เข้าชมงานกันถ้วนหน้า
ตลาดของการตกแต่งรถยนต์ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่ยังมีการผลิตรถยนต์ออกมาขาย เช่นเดียวกับความคิดสร้างสรรค์ในการตกแต่งรถยนต์ของมนุษย์ ที่จะไม่มีวันหยุดนิ่งมันพร้อมที่จะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง สร้างความตื่นตาตื่นใจ และความประทับใจให้แก่เราได้เสมอ
เรื่องโดย : แมนดีไซจ์น
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2549
คอลัมน์ Online : มุมมองนักออกแบบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52722