เล่นเป็นทีม(formula)
ทีม ยนตรกิจ มอเตอร์โชว์
ยนตรกิจ กรุพ ผู้นำเข้า และผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ชั้นนำ 7 ยี่ห้อ ได้แก่ เอาดี/ซีตรอง/เกีย/เปอโฌต์/เซอัต/สโกดา และ โฟล์คสวาเกน รวมทั้งรถจักรยานยนต์ เปียโจ ได้จัดงานแสดงรถยนต์ในชื่อ "ยนตรกิจ มอเตอร์โชว์" ซึ่งมีรถร่วมแสดงทั้งรุ่นใหม่ รุ่นพิเศษ
รถใหม่ประเภท DEMO DISPLAY EXECUTIVE CAR และ APPROVED USED CARS เพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุด พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษหลากหลายรูปแบบ
ปีนี้นับเป็นครั้งประวัติศาสตร์สำหรับการแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี ของงานภายใต้แนวคิด "10 ปี 10 วัน กว่า 10 สิทธิพิเศษ" เพื่อฉลอง 10 ปี ของ ยนตรกิจ มอเตอร์โชว์
หัวหน้าทีม ยนตรกิจ มอเตอร์โชว์
พลภัทร จบการศึกษาด้าน COMPUTER SYSTEMS, COMMUNICATIONS, & ELECTRONIC ENGINEERING จากมหาวิทยาลัยอาร์มิท ประเทศออสเตรเลีย เริ่มงานครั้งแรกที่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จากนั้นไปศึกษาต่อปริญญาโท MBA WITH A CONCENTRATION IN MIS ที่บอสตัน สหรัฐอเมริกา
"หลังจากเรียนจบ กลับมาเมืองไทย คุณพ่ออยากให้ทำงาน และถามว่าสนใจจะทำแบรนด์ไหนผมเห็นว่าขณะนั้น เปอโฌต์ เพิ่งจะนำเข้า รุ่น 206/307 และ 607 เอสดีไอ ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายสำหรับผมที่จะทำให้เปอโฌต์ กลับมามีชื่อเสียงเหมือนอดีต แต่จะเป็นคนละแนว โดยผมจะเน้นแบรนด์อิเมจมากกว่า จึงตัดสินใจเลือกทำ เปอโฌต์"
พลภัทร เริ่มงานที่ เปอโฌต์ ด้านบริการหลังการขาย ต่อจากนั้นดูแลรถที่ส่งมาจากต่างประเทศว่าจะทำตลาดได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องราคา จำนวนรถ ผลงานที่ผ่านมาของเขา คือ เปอโฌต์ 206 และ 307 เปิดประทุน
สำหรับ ยนตรกิจ มอเตอร์โชว์ พลภัทร มีหน้าที่ประสานงานผู้บริหารในส่วนต่างๆรวมถึงร่วมตัดสินใจและสรุปผลงานกับทีมงาน
"การแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของทีม จะดูที่ความสามารถของแต่ละคน ตัวอย่างเช่น วนตา มีความสามารถเรื่องการประชาสัมพันธ์ ก็จะให้ดูแลส่วนนี้ หรือ สา มีความสามารถในเรื่องโฆษณา เพราะมีประสบการณ์มาจากเอเจนซี ก็จะให้ดูแลเรื่องนี้
ปัญหาที่เจอบ่อย คือ เวลาว่างไม่ค่อยตรงกัน เนื่องจากมี 4-5 บริษัท ช่วงแรกก็จะประชุม 2 อาทิตย์ครั้งแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเป็นทีมที่ทำงานร่วมกันมาตลอด แต่ละคนจะรู้หน้าที่ของตนจะเริ่มต้นอย่างไร เช่น การหาพื้นที่ ราคา ความพร้อมของรถแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ การจัดกิจกรรมแคมเปญ ซึ่งเมื่อมาประชุมกันส่วนใหญ่จะเป็นการสรุป และแสดงความคิดเห็น
ในทีมถ้ารู้จักกัน เคยทำงานด้วยกัน รู้หน้าที่ของตัวเอง การแสดงความคิดเห็น และหาข้อสรุปที่เหมาะสม หัวหน้าทีมก็สบาย ทำให้งานทุกอย่างราบรื่นไปได้
การจัดงานครั้งนี้เป็นการฉลองครบรอบปีที่ 10 ใช้คอนเซพท์ 10 ปี 10 วัน เน้นที่การจัดกิจกรรมโดดเด่นเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เนื่องจากลูกค้าของศูนย์การค้าเสรีเซนเตอร์เป็นกลุ่มครอบครัว ส่วนอื่นก็จะเป็นเรื่องแคมเปญ เพราะลูกค้าจะมองแคมเปญที่แต่ละแบรนด์จัดมาเพื่อคืนกำไรให้ลูกค้า
นอกจากนี้ยังมีการตัด "เค้ก" ฉลองในวันเปิดงาน และจัดงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน จัดแข่งขันโบว์ลิงเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับสื่อมวลชน
ความสำเร็จของงาน ยนตรกิจ มอเตอร์โชว์ ปีนี้ ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายสำหรับปีหน้าคาดว่าจะเน้นการโฆษณา เพื่อดึงผู้เข้าชมงานให้มากขึ้นรวมถึงกิจกรรมที่จะสร้างความสนุกสนาน และคืนกำไรให้แก่ลูกค้า เพราะเรารู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร"
อภัสรา ประทีปะเสน
อภัสรา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทรัฐศาสนศาสตร์ที่ TUFTS UNIVERSITY ที่บอสตัน สหรัฐอเมริกา
เริ่มทำงาน MANAGEMENT TRAINEE ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ประมาณ 2 ปีหลังจากนั้นก็มาทำงานที่ บริษัท ยนตรกิจ มอเตอร์ เซลส์ จำกัด มีหน้าที่ดูแลการตลาดรถยนต์ เซอัต ต่อมาย้ายมาทำการตลาดรถยนต์ เอาดี ดูแลเกี่ยวกับการประสานงานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การตลาดการโฆษณา กิจกรรม สินค้า และการประชาสัมพันธ์
ส่วนหน้าที่ในงาน ยนตรกิจ มอเตอร์โชว์ อภัสรา จะดูแลเรื่องกิจกรรม เช่น การตกแต่งสถานที่การตลาด โดยมีโอกาสร่วมทำงานตั้งแต่ครั้งแรกจนกระทั่งปัจจุบัน
"งานที่จัดแต่ละครั้ง ถือว่าเป็นงานค่อนข้างใหญ่ และต้องมีหลายฝ่ายจะสำเร็จได้ต้องมีความคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกัน เป้าหมายของงานคืออะไรแต่ละปีหลังจากที่ทำงานเสร็จแล้วก็ต้องมาประชุมประเมินผลกันว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว ดีหรือไม่ดีอย่างไรมีจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร
ปีนี้เป็นปีที่ 10 สถานที่ยังคงเป็น เสรีเซนเตอร์ เพราะมีความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น สถานที่การจราจร รวมถึงฐานลูกค้าที่ถือว่ามีจำนวนมาก เมื่อได้สถานที่ มองถึงกิจกรรมที่เป็นการคืนกำไรเพราะทุกครั้งจะต้องมี ไม่ว่าจะเป็น บริการหลังการขาย การให้ความรู้เรื่องรถ การตรวจเชคสภาพรถฟรีไม่ได้ขายรถเพียงอย่างเดียว
การทำงานที่ผ่านมาของแต่ละแบรนด์ จะมีเป้าหมายการตลาดที่แตกต่างกันแต่เมื่อมารวมกันเพื่อสร้างงานทำให้มีโอกาสสัมผัสลูกค้าที่หลากหลาย ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ทุกครั้งรถขายได้ และการทำงานยนตรกิจ มอเตอร์โชว์ เป็นงานของเราผู้บริหารทุกคนมาร่วมกันทำงาน ไม่ใช่เฉพาะทีมงาน เหมือนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน"
สา ก่อเกียรติ
สา สำเร็จการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) คณะอังกฤษธุรกิจ เริ่มทำงานกับ ยนตรกิจ เมื่อปี 2543 ดูแล โฆษณาของ โฟล์คสวาเกน แต่ปัจจุบันดูแลประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนงาน ยนตรกิจ มอเตอร์โชว์ สา ดูแลเรื่องโฆษณาทั้งหมด
"การทำงานที่แต่ละแบรนด์มาร่วมกันเป็นทีม รู้สึก ชอบ สนุก เพราะปีหนึ่งจะมาเจอกันสักครั้งเป็นทีมที่มีความตั้งใจ ช่วยกันทำงาน
การทำงานเป็นทีมหัวใจสำคัญ คือ ต้องมีน้ำใจซึ่งกันและกัน เพราะเมื่อมีคนมากก็จะมากเรื่อง และเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความผิดพลาด แต่เมื่อผิดพลาดแล้วต้องแก้ให้ตรงจุด และอย่าทำผิดซ้ำเรื่องเดิม ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในวงการนี้มานานแต่เราก็ยังคงต้องอ่านหนังสือเกี่ยวกับโฆษณา ต้องหมั่นเรียนรู้ไปเรื่อยๆ
สิ่งที่ภูมิใจที่สุด คือ การนำเข้า โฟล์คสวาเกน พาสสัท เครื่องยนต์ดีเซล ที่มีราคาเกือบ 2 ล้านบาทซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในบ้านเรา เพราะเมื่อพูดถึงรถดีเซล จะนึกถึงควันดำ เสียงดัง สกปรกแต่ขณะนี้ได้พัฒนาเร็วมาก และเป็นที่นิยมในยุโรป เมื่อนำเข้ามาจำหน่ายประสบความสำเร็จด้านการตอบรับจากผู้บริโภค ทำให้ยอดขายเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้"
นวตา จันทรวงศ์
นวตา จบการศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ เอกวารสาร โทประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เมื่อปี 2528 และปริญญาโท สาขาเทคโนโลยีสังคม คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก เมื่อปี 2537
ร่วมงานกับ ยนตรกิจ กรุพ ด้วยการเป็นเลขานุการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ของรถ บีเอมดับเบิลยู และซีตรอง ก่อนจะมาเป็นผู้จัดการส่วนประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย ของ เกีย
หน้าที่รับผิดชอบสำหรับงาน ยนตรกิจ มอเตอร์โชว์ คือ จัดกิจกรรมบนเวที ประชาสัมพันธ์ลูกค้าสัมพันธ์ และยนตรกิจ คาเฟ คือ การเลือกอาหาร ซึ่งกิจกรรมบนเวที ก็จะมีเรื่องการแสดง เช่นการเลือกดนตรีที่มาเล่นว่าจะเป็นประเภทใดให้ตรงกับรถในกลุ่ม รวมถึงการแสดงอื่นๆ เป็นต้น
ส่วนด้านประชาสัมพันธ์จะเป็นการติดต่อประสานงานสื่อมวลชน และส่งข่าวประชาสัมพันธ์
"งานในปีที่ผ่านมาจะดูกิจกรรมของ เกีย แต่ปีนี้มีเพิ่มส่วนของลูกค้าสัมพันธ์จะเครียดบ้างก็เรื่องของกิจกรรมต่างๆ เพราะจะวิตกตลอดว่าจะมีคนมาดูหรือไม่ กังวลในสิ่งที่เราเลือกเพราะไม่รู้ว่าคนอื่นจะชอบ จะประทับใจหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถคาดได้ แต่ก็ผ่านไปด้วยดี
การทำงานเป็นทีม ถือว่าได้แบ่งปันกันในแง่ของความคิด ได้คุยกันทำให้โลกทัศน์เปิดกว้างขึ้นเนื่องจากแต่ละคนมีความคิดไม่เหมือนกัน เมื่อนำมาผสมผสานก็สามารถปรับปรุงงานให้ดีขึ้นได้สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องมีความสามัคคี นั่นคือ ความสำเร็จของทีม"
นันทวัน ปราญใหญ่
นันทวัน จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเกริกทำงานโรงแรมที่เกาะสมุย ประมาณ 10 เดือน หลังจากนั้นได้มาเริ่มงานกับ ยนตรกิจ กรุพในแผนกลูกค้าสัมพันธ์ ของ บีเอมดับเบิลยู สาขาหัวหมาก ก่อนย้ายไปอยู่ฝ่ายขาย ประมาณ 1 ปี ได้เปลี่ยนมาทำด้านบริการหลังการขาย เอาดี/เซอัต และ โฟล์คสวาเกน ที่โชว์รูมวิภาวดีรังสิต
จนกระทั่งมีโอกาสทำกิจกรรมของรถ เซอัต และเมื่อได้เป็นตัวแทนจำหน่าย สโกดาจึงได้มาช่วยดูแลการตลาด สโกดา ด้วย เนื่องจากช่วงแรกยังไม่มีทีมงาน แต่ปัจจุบันดูแลการตลาดของโฟล์คสวาเกน
สำหรับหน้าที่ของการทำ ยนตรกิจ มอเตอร์โชว์ จะดูแลเรื่องของลูกค้าสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียน สถิติ ข้อมูล และรวบรวมความพึงพอใจของลูกค้า
"ทุกแบรนด์มีความตั้งใจ ไม่ว่าจะมีอุปสรรรคใด รู้สึกประทับใจทีมงาน จะเห็นได้ว่า ยนตรกิจมีรถหลายแบรนด์ แต่เมื่อมาทำงานร่วมกัน รู้สึกว่าทุกคนรัก ยนตรกิจ และยอมทุ่มเทไม่ได้คำนึงถึงแบรนด์ และอย่างเดียวกันคือ ความเป็น ยนตรกิจ ไม่ได้เป็นแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง"
ปรีดา ถนอมนิรชรชัย
ปรีดา จบการศึกษาปริญญตรีคณะบริหารธุรกิจ (การจัดการทั่วไป) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค)เริ่มทำงานตั้งแต่ปี 2540-2543 เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานฝ่ายต่างประเทศ บริษัท นิคเกอร์บอคเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และปี 2543 เริ่มทำงานเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท ยนตรกิจ ออโตเซ็นเตอร์ จำกัด
"ผลงานที่รู้สึกภูมิใจ คือ เป็นตัวแทน ซีตรอง นำเสนอรถยนต์ เรื่องราวของรถ ซีตรอง ในงาน "มหกรรมยานยนต์ 2004" ผ่านรายการโทรทัศน์เป็นครั้งแรกเพราะรู้สึกว่าได้ค้นพบความสามารถอีกด้านของตัวเอง ปกติแล้วเป็นคนคุยไม่เก่งแล้วไม่คิดด้วยว่าตัวเองจะทำได้ จำได้ว่าก่อนวันงาน หัวหน้าบอกว่าให้พูดซึ่งแต่เดิมพรีเซนเตอร์จะเป็นคนพูด รู้สึกตกใจมาก แต่หัวหน้าให้กำลังใจ คุณทำได้ เพราะข้อมูลทั้งหมดเป็นคนแปลเอง
วันนั้นรีบกลับบ้านทำสคริพท์ ซ้อมพูดหน้ากระจก สุดท้ายพอถึงเวลา ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีเพราะซ้อมจนเกิดความรู้สึกมั่นใจ"
ส่วนหน้าที่รับผิดชอบในงาน ยนตรกิจ มอเตอร์โชว์ คือ การทำประชาสัมพันธ์ร่วมกับทีมงานของยนตรกิจ กรุพ และประสานงานทีมบริการหลังการขาย นำคอนเซพท์ของงานถ่ายทอดให้แก่ทีมยนตรกิจ ฯ โดยทีมบริการหลังการขายนำเสนอบริการดังนี้ บริการตรวจเชคสภาพรถฟรี 25 รายการพร้อม TOP UP ฟรี และหากพบว่ามีสิ่งที่ต้องแก้ไข หรือเปลี่ยนก็สามารถเข้ามารับบริการภายหลังโดยมอบส่วนลดอะไหล่สูงสุด 15 % เพิ่มอีก ส่วนลดอะไหล่ 10-80 % และเกมส์สันทนาการต่างๆ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ของฝ่ายบริการหลังการขาย
"สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการทำงานเป็นทีม ต้องยอมรับความคิดเห็นของทุกๆ คนแล้วพยายามหลอมเข้าด้วยกัน ต้องใช้คำว่าพยายาม เพราะบางอย่างทำได้ บางอย่างทำไม่ได้ ยึดหลัก "WIN-WIN ANALYSIS" ขอยืมจาก พี่อ้อ เอาดี คือ เขาแสดงความคิดเห็น และเราอยากให้เป็นอย่างไรเมื่อสามารถมาหลอมรวมกันได้ ก็จะเกิดผลดีด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย การทำงานก็จะราบรื่นขึ้น"
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : เล่นเป็นทีม(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52609