พิเศษ(formula)
โฟคัสตลาด "เอมพีวี"
เอมพีวี (MULTI PURPOSE VEHICLE) หรือ รถอเนกประสงค์ ที่สามารถใช้งานทั้ง โดยสาร และบรรทุก รูปลักษณ์ส่วนใหญ่เหมือนรถตู้กึ่งเก๋ง หรือรถที่ผนวกรูปทรงคล้ายเก๋ง 5 ประตู และมีห้องโดยสารกว้าง จุผู้โดยสารได้มากกว่ารถซีดานทั่วไป
กระแสความนิยม เอมพีวี ร้อนแรง...ตั้งแต่เมื่อปลายปี 2547 ตอนที่ โตโยตา เปิดตัว โตโยตา วิช รถอเนกประสงค์แบบ 6 ที่นั่งออกมา ในมาดสปอร์ทครบเครื่อง
ใครจะรู้ว่าจุดเริ่มต้นของรถอเนกประสงค์จริงๆ มาจาก มิตซูบิชิ สเปศ แวกอน รุ่นแรก เมื่อกว่า 15 ปี และก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพิคอัพดัดแปลง กับ โฟล์ค ฯ ตู้ ที่มีขนาดใหญ่ และแบ่งแยกระดับกันด้วยเรื่องราคาค่าตัว
ต่อมากลุ่มผู้นำเข้าอิสระ ได้นำรถรูปแบบ เอมพีวี ขนาดเล็กเข้ามาจำหน่าย และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ เชฟโรเลต์ หนึ่งในค่ายยักษ์ใหญ่ เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอม) เปิดตัว พร้อมกับแนะนำรถรูปแบบอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ขนาดกะทัดรัด หรือ มีนีเอมพีวี ที่ชื่อ ซาฟีรา (ZAFIRA) ในระดับราคาล้านบาท ซึ่งได้รับความนิยม และไม่มีคู่แข่ง ค่าย ฮอนดา จึงได้นำรถรุ่น สตรีม (STREAM) เข้ามา ตามด้วยค่ายรถยนต์เกาหลี ที่เปิดตัว เกีย คาเรนส์ เอมพีวี เครื่องยนต์ดีเซล
เมื่อ โตโยตา เปิดตัว วิช (WISH) รถอเนกประสงค์ รูปร่างหน้าตาสวยงาม ที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน และล้อแมกขนาด 17 นิ้ว ซึ่งทำให้ยอดจำหน่ายสูงถึง 4 เท่าของยอดรวมรถประเภท เอมพีวี แม้ว่าจะมีคู่แข่งทำตลาดอยู่ก่อนแล้วก็ตาม
บริษัทรถยนต์นำรถ เอมพีวี เข้ามาเปิดตลาดกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดคำถามว่า เอมพีวี จะเข้ามาแย่งตลาดรถประเภทไหน และจะเติบโตต่อไปในทิศทางใด ซึ่งคนที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุดก็คือ ผู้บริหารบริษัทรถยนต์นั่นเอง
ฟอร์ด
จอห์น ฟิงค์ รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย
"ตลาดรถ เอมพีวี มีการเติบโตสูงมากในช่วงปี 2547 โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปี 2546 ซึ่งเริ่มมีผู้ผลิตรถยนต์เพียงไม่กี่ราย ที่นำเสนอรถยนต์ประเภทนี้ จากนั้นการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาด ทำให้ผู้ผลิตค่ายต่างๆ หันมาทำตลาดกลุ่มนี้ รวมถึงการพยายามแข่งขันในด้านราคาการส่งเสริมการขาย และคุณภาพ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น
อย่างไรก็ดี แนวโน้มของยอดขายรถ เอมพีวี ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2548 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงของตลาด โดยปัจจุบันยอดขายรถ เอมพีวี โดยรวมได้ลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 1,200 คัน/เดือน
สำหรับความนิยมของรถ เอมพีวี เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตลาดรถยนต์ของไทยมีเพียงรถยนต์นั่ง และรถพิคอัพ เท่านั้น แต่เมื่อสถานการณ์ในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มเปลี่ยนไป และมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อรถได้หลากหลายประเภทมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น เอสยูวี/เอมพีวี หรือ พีพีวี รวมไปถึงรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ดังนั้นตลาดจึงไม่เพียงแต่ต้องการรถ เอมพีวี เท่านั้นที่ได้รับความนิยม รถ เอสยูวี หรือแม้กระทั่งรถยนต์นั่งขนาดเล็กก็ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้บริโภคด้วยเช่นกัน โดยในปี 2547 รถ เอมพีวี มียอดขายทั้งสิ้น 19,756 คัน ในขณะที่รถ เอสยูวี มียอดขายถึง 21,919 คัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารถ เอสยูวี ยังคงได้รับความนิยมมากกว่ารถ เอมพีวี โดย ฟอร์ด เป็นผู้นำตลาด เอสยูวี ด้วยส่วนแบ่งกว่า 30 % ทั้งรถ เอสยูวี และรถ เอมพีวี ต่างก็เป็นรถที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามรถ เอสยูวี จะตอบสนองผู้บริโภคได้ดีกว่าในแง่ของความสนุกในการขับขี่ และสามารถบุกตะลุยไปได้อีกด้วย
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อรถ เอมพีวี รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมนั้นมีหลายปัจจัยด้วยกัน การเพิ่มขึ้นของระดับราคาน้ำมันเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น ควรพิจารณาถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ ควบคู่กันหลายๆ ด้าน เช่น ระดับค่าจ้าง อัตราการจ้างงาน หนี้สาธารณะ การลงทุน การผลิต และปัจจัยการผลิต เป็นต้น นอกจากนี้การเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นอีกหลายๆ อย่างด้วยกัน อาทิ อัตราเงินเฟ้อ การลงทุน และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของระดับราคาน้ำมัน จึงส่งผลกระทบต่อต้นทุนของภาคธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนี้
ผลกระทบทางตรง คือ ต้นทุนการผลิตของอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานประเภทปิโตรเคมีขั้นต้น และราคาพลังงานอื่นที่ไม่ใช่น้ำมันดีเซล ได้ปรับตัว ต้นทุนค่าขนส่งระหว่างประเทศและภายในประเทศสูงขึ้น
ผลกระทบทางอ้อม เช่น ภาวะเงินเฟ้อ โดยการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันทำให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องหลายประเภทมีต้นทุนสูงขึ้น ทำให้ระดับราคาสินค้าโดยรวมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และเสถียรภาพของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าสภาพการณ์อันเกิดจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาน้ำมันจะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว เนื่องจากภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการจะมีการปรับตัวเพื่อรองรับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นแตกต่างกันไป เช่น พยายามใช้แหล่งพลังงานอื่นที่มีราคาต่ำกว่ามาทดแทนแหล่งพลังงานเดิมมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิต การเปลี่ยนวิธีขนส่งสินค้า การปรับปรุงระบบ การจัดเก็บและการขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขนส่งสินค้าระหว่างโรงงานผู้ผลิต กับผู้ผลิตชิ้นส่วน ให้มีประสิทธิภาพ และมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ในอนาคต ฟอร์ด พร้อมที่จะนำยานยนต์ชั้นนำหลากประเภทหลายรุ่น มาเสนอให้แก่ลูกค้าชาวไทยอย่างแน่นอน แต่ขณะนี้ เรายังไม่สามารถบอกชื่อรุ่น หรือรายละเอียดที่ชัดเจนได้
สินค้าที่ ฟอร์ด จะนำเข้ามาขาย จะต้องอยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้า เราจะนำเสนอแต่สินค้าที่ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งรถ เอมพีวี ถือเป็นรถอีกประเภทหนึ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะประโยชน์ใช้สอยที่ตรงกับลูกค้ากลุ่มนี้ ถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญที่ทำให้รถ เอมพีวี ประสบความสำเร็จ"
ฮอนดา
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย จำกัด
"อนาคตรถ เอมพีวี ของ ฮอนดา ขณะนี้คนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจมากขึ้น เพราะมองที่ประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความสะดวก และหรูหรา อีกทั้งราคาก็ไม่สูงมาก จนไม่สามารถเป็นทางเลือกหนึ่งได้ แต่คิดว่าคนส่วนมากที่ยังไม่เคยใช้รถ ถ้าคิดจะซื้อรถประเภท เอมพีวี คงเป็นไปไม่ได้ เพราะยังยึดติดรถเก๋งและพิคอัพมากกว่า แต่ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีรถยนต์เป็นของตัวเองแล้ว และกำลังมองหารถใหม่อยู่ คาดว่ารถประเภท เอมพีวี น่าจะอยู่ในทางเลือกแรก
รถ เอมพีวี เน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่ารถเก๋ง และรถพิคอัพ อุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย น้ำหนักรถมีขนาดมากกว่า อัตราการบริโภคน้ำมันก็จะเพิ่มขึ้น เพราะเครื่องยนต์ส่วนมากมีขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป บางรุ่นใช้เครื่องยนต์เดียวกันกับรถเก๋ง ทำให้ราคาน้ำมันไม่มีผลกับการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
ในอนาคตรถ ฮอนดา ยังไม่มีการแนะนำรถ เอมพีวี รุ่นใหม่ เพราะมี ออดิสซีย์ และสตรีมที่ได้รับความนิยมอยู่ โดยยังไม่เล็งเห็นตัวใหม่ จะมีเพียงแค่ไมเนอร์เชนจ์เท่านั้น"
เกีย
บุญฤทธิ์ ผ่องเมฆินทร์ กรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจเกียมอเตอร์ จำกัด
"ตลาดรถ เอมพีวี จะโตขึ้นอีก แต่จะเน้นลักษณะของความประหยัด คือ เครื่องยนต์ดีเซล ไม่ใหญ่มาก โดยเน้นบรรทุกคนเป็นหลัก แต่จะมีขนาดใหญ่ และหลังคาสูง รถจะมีลักษณะเดียวกันกับ โตโยตา อวันซา
เหตุผลที่รถ เอมพีวี ได้รับความนิยม เพราะเศรษฐกิจของไทยยังไม่เติบโตมากนักคนที่มีโอกาสได้นั่งรถสูงๆ ไม่อยากกลับไปนั่งรถเล็กอีก เพราะให้ความรู้สึกสบายต่างกันรวมถึงครอบครัวในปัจจุบันจะแยกกันอยู่ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่จะอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่
การที่จะมีโอกาสได้อยู่ร่วมกันคือ การอยู่ในรถ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รถ เอมพีวี เติบโต และได้รับความนิยม รวมถึงปัจจุบัน ด้วยความหรูหรา สวย สปอร์ท ทำให้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
ส่วนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้น มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคบ้าง แต่ถ้าเมื่อได้ลองแล้วเห็นถึงความประหยัด จะเป็นจุดขายที่ดื เพราะทุกคนคิดถึงความประหยัดด้วย
ในอนาคตรถ เอมพีวี กับรถขนาดเล็กจะเติบโตดีขึ้น เพราะแนวโน้มตลาดรถเมืองไทยจะเหมือนกับยุโรปที่นิยมรถขนาดเล็ก จะเรียกว่าเป็นเซกเมนท์ใหญ่ๆ เหมือนกับรถเก๋งขนาดกลาง คือ โตโยตา แคมรี หรือ ฮอนดา แอคคอร์ด ที่มีราคาอยู่ระหว่าง 1.2-1.7 ล้านบาท ส่วนรถ เอมพีวี จะเข้าไปใหญ่กว่ารถในเซกเมนท์นี้ หรืออีกนัยหนึ่งคือการเข้าไปแทนที่ รวมถึงจะมีรถใหม่มาเปิดตัวเพิ่มมากยิ่งขึ้น"
มาซดา
พินิจ งามพริ้ง ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มาสด้าเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
"ตลาดรถ เอมพีวี ขนาดใหญ่ ปัจจุบันตลาดจะไม่ใหญ่มากนัก เพราะคนจะนิยมซื้อรถลักชัวรีโดยผู้ซื้อส่วนใหญ่จะนึกถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งาน แต่ในอนาคตคาดว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากทัศนคติของลูกค้าไม่หยุดนิ่ง อนาคตจะมองถึงประโยชน์ใช้สอยของรถมากขึ้น ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
ผมมองว่าตลาดรถ เอมพีวี จะเข้ามาแทนที่ตลาดรถ เอสยูวี เพราะความเป็นรถ เอสยูวีทำให้ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์สูงสุด แต่ที่จะได้รับความนิยมน่าจะเป็นมีนี เอมพีวี ส่วนเรื่องราคาน้ำมันนั้นไม่ค่อยจะมีผลเท่าไร เพราะว่าคนที่ซื้อรถประเภทนี้จะมีความต้องการความสะดวกสบาย เพื่อประโยชน์ใช้สอย
อนาคตตลาดรถ เอมพีวี ในเมืองไทยจะเติบโต เนื่องจากนอกเหนือจากความสะดวกสบาย และประโยชน์ใช้สอยแล้ว รถ เอมพีวี ยังมีความเป็นรถสปอร์ท สวยหรู"
มิตซูบิชิ
วิกรานต์ อมาตยกุล ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
"รถ เอมพีวี มีแนวโน้มมาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกาที่ครอบครัวหนึ่งจะมีรถหลายคัน ทำให้เกิดความสิ้นเปลือง จึงเกิดรถประเภทนี้เพิ่มมากขึ้นและทำให้รถเก๋งลดลงเรื่อยๆ เพราะรถ เอมพีวี คือรวม รถเก๋ง รถตู้ ในคันเดียวกัน
ตรงจุดนี้ทำให้เมืองไทยเริ่มเปลี่ยนความคิดตาม จะเห็นได้จากปีที่ผ่านมามีรถประเภทนี้เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยมากขึ้น เช่น ฮอนดา ออดิสซีย์/มิตซูบิชิ สเปศ แวกอน และโตโยตา วิช นอกจากนี้ยังมี มีนี เอมพีวี อีก อย่างเช่น ฮอน แจซซ์ หรือ โตโยตา อวันซา ทำให้ตลาดรถ เอมพีวี เติบโตสูงสุดกว่า 200 %
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ความนิยมเพิ่มมากขึ้น เกิดจากปัจจัยหลายด้าน คือ ตอบสนองได้ทุกรูปแบบ การขับขี่เหมือนรถเก๋ง ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกคนได้ และพวกกลุ่มผู้บริโภคที่ชอบสิ่งแปลกใหม่ การปรับตัวของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้นมีผลบ้างในระยะสั้นด้านจิตวิทยา แต่ไม่ถึงกับจะหยุดซื้อ เพราะเมืองไทยอากาศร้อน คนคงไม่ขี่จักรยาน รวมถึงผู้ผลิตรถส่วนใหญ่จะนำเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันมาเป็นปัจจัยให้ผู้บริโภคสนใจ และผ่อนคลาย แต่ด้วยพฤติกรรมของคนยังคงจะใช้รถอยู่ และจะไปประหยัดในส่วนอื่นทดแทน
ตลาดรถ เอมพีวี ในอนาคต หวังว่าจะเป็นเหมือนกับต่างประเทศคือ แทนรถเก๋ง และรถตู้ หรือมีสัดส่วน 1 ใน 3 ของยอดขายรถเก๋ง ในประเทศไทยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 5 ปี เพราะคนเริ่มเบื่อรถเก๋ง"
โตโยตา
วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
"ตลาดรถ เอมพีวี ในปัจจุบันความเป็นจริงในช่วงนี้ เติบโตตามตลาดเนื่องจากมีรถรุ่นใหม่แนะนำเข้ามา และตลาดยังไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาด แต่ไม่ได้เติบโตมากเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา รวมถึงรถ เอมพีวี สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้งานมากกว่ารถเก๋ง ส่วนใหญ่คนที่นิยมจะเป็นการซื้อเพิ่ม ไม่ได้ซื้อแทนจริงๆ ยกเว้น กรณีของ โตโยตา วิช ที่ตำแหน่งของสินค้าวางแทนรถเก๋งได้บางส่วน มีลูกค้าบางกลุ่มที่เปลี่ยนจากซื้อเก๋งมากซื้อ วิช แทน
สำหรับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น มีผลระยะสั้นในเรื่องของความรู้สึก แต่ในระยะยาวก็พิสูจน์แล้วว่า เมื่อเบนซินขึ้นราคา ยอดขายของรถยนต์ก็ไม่ได้ตกลง รวมถึงการขึ้นราคาน้ำมันดีเซลผู้บริโภคก็เข้าใจแล้วว่าราคาของน้ำมันไม่อาจปรับไปสู่แบบเดิมได้ อาจมีการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถบ้าง โดยผู้ใช้รถมีความเข้าใจมากขึ้น
ดังนั้นตลาดรถ เอมพีวี ในอนาคตนั้นยังโตต่อไป เพราะสินค้าเป็นตัวดึงเวลา มีการเปลี่ยนรุ่นจึงมีโอกาสโต ดูได้จากตลาดรถภายในประเทศเดิมจะมีอยู่ 2 ตลาด คือ พิคอัพ และเก๋งแต่ปัจจุบันมีรถประเภทอื่นเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เอสยูวี และ เอมพีวี หลากหลายประเภทซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มของประเทศที่เจริญกว่า รวมถึงพฤติกรรมการใช้รถมีการเปลี่ยนแปลงการครอบครองมีเพิ่มขึ้น จากอดีตครอบครัวหนึ่งจะมีรถแค่ 1 คัน แต่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปแล้ว คือ มีมากกว่า 1 คัน ดังนั้นตลาดรถไม่ว่าจะเป็นรถประเภทไหน การเติบโตจึงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน"
เอมพีวี ในตลาดปัจจุบัน
เชฟโรเลต์ ซาฟีรา
ซาฟีรา (ZAFIRA) รถรุ่นแรกของค่าย เชฟโรเลต เซลส์ ฯ ในเมืองไทย ที่ขายมานานกว่า 5 ปี จนเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของค่ายนี้ไปแล้ว
ความยาวตัวรถที่ใกล้เคียงกับซีดานขนาดกลาง และความกะทัดรัดของรูปทรง ทั้งที่เป็นรถแบบ 7 ที่นั่ง และเบาะนั่ง สามารถพับเก็บได้สะดวกรวดเร็ว ที่เป็นจุดเด่นของ ซาฟีรา
ในปัจจบัน เชฟโรเลต เซลส์ ฯ ผลิต ซาฟีรา ออกมาจำหน่ายถึง 5 รุ่น โดยมีเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ให้เลือก 2 ขนาด คือ 1.8 ลิตร รหัส เซด 18 จี 115 แรงม้า และ 2.2 ลิตร รหัส เซด 22 จี 145 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
ซาฟีรา อาจไม่ใช่รถรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ เหมือนเช่นเดิม แต่ยังคงเป็นทางเลือกเดียวของคนชอบรถยุโรป สำหรับ มีนีเอมพีวี ส่วนราคานั้น มีหลายระดับตั้งแต่ 1.8 จีแอล 919,000 บาท 1.8 ซีดี 1,053,500 บาท 2.2 ซีดีเอกซ์ 1,270,500 บาท 2.2 แอลที 1,330,000 บาท และ 2.2 สปอร์ท ที่เสริมชุดแต่งหล่อรอบคัน ในราคา 1,383,000 บาท
ซีตรอง เซ วิต
เซ วิต (C8) เอมพีวี หรู จากเมืองน้ำหอม แห่งค่าย ซีตรอง ที่ออกมาแทน เออวาซีอง (EVASION) ในรูปทรงแปลกตาคล้ายยานอวกาศ
ห้องโดยสารล้ำยุค ไม่เหมือนใคร เรือนไมล์ยาวเต็มคอนโซลหน้า มาตรวัด 3 ชุด อยู่ตรงกลางพื้นที่ภายในกว้าง เบาะนั่งแบบแยก 7 ที่นั่ง และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของเบาะนั่งได้ตามความต้องการ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ที่แยกปรับอุณหภูมิด้านซ้ายและขวาได้อย่างอิสระ และระบบปรับแรงลมสำหรับผู้โดยสารตอนหลังได้จากด้านหน้า
เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส อีดับเบิลยู 10 เจ 4 แบบ 4 สูบเรียง ดับเบิลโอเวอร์ เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว 138 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ แบบมีบวก/ลบ
ราคาค่าตัวกว่า 2 ล้านบาท ของ ซีตรอง เซ วิต อาจจะสูงเกินไปสำหรับรถขนาด 2.0 ลิตร แต่ถ้าเป็น เอมพีวี มีเสน่ห์ตรงรูปร่างหน้าตาที่แปลกตา ล้ำยุค ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด
ฮอนดา ออดิสซีย์
ออดิสซีย์ (ODYSSEY) รุ่นที่ 3 แตกต่างไปจาก 2 รุ่นแรก อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความสูงที่ลดต่ำลง และรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว สไตล์สปอร์ท
เบาะทั้ง 7 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ เบาะแถวกลางพับแยก 60/40 ได้ส่วนเบาะแถวที่ 3 พับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า
ออดิสซีย์ ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว ไอ-วีเทค 2.4 ลิตร 160 แรงม้า ซึ่งเป็นเครื่องรุ่นเดียวกันกับ แอคคอร์ด พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ กับฟังค์ชัน เอส-เมทิค (S-MATIC) ที่เลือกบวก/ลบเกียร์ได้คล้ายเกียร์ธรรมดา
ราคาของ ฮอนดา ออดิสซีย์ ใหม่ มีให้เลือก 2 ระดับ คือ รุ่น อีแอล 2,690,000 บาท และรุ่น อีแอลเอกซ์ 2,790,000 บาท ซึ่งเพิ่มถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านนิรภัยมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ฮอนดา สตรีม
สตรีม (STREAM) รุ่นที่ 2 ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันนี้ แตกต่างไปจากรุ่นแรกไม่เพียงหน้าตาที่เน้นความสปอร์ทมากยิ่งขึ้น ยังได้แยกออกเป็น 2 รุ่น คือ รุ่น เอส และรุ่น อี
ในรุ่น อี ใช้ไฟหน้าสีเข้ม กระจังหน้า 2 ชั้น กันชนขนาดใหญ่มีไฟตัดหมอกทรงกลมสไตล์สปอร์ท เสริมด้วยสเกิร์ทรอบคัน ต่างกับในรุ่น เอส ที่แต่งแบบเรียบๆ ไฟท้ายเข้ารูปและเป็นสปอยเลอร์หลังคาในตัว แปลกตาไม่แพ้รูปทรง
เบาะทั้ง 7 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ เบาะแถวกลางพับแยก 60/40 ได้ เบาะแถวที่ 3 พับเก็บแบนราบ เมื่อต้องการพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่ม
สตรีม ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ไอ-วีเทค 2.0 ลิตร 156 แรงม้า รุ่นเดียวกับ แอคคอร์ด ซีอาร์-วี และ ซีวิค รุ่น 2.0 พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ บวก/ลบเกียร์ได้
ราคาของ ฮอนดา สตรีม เริ่มต้นที่ รุ่น เอส 1,114,000 บาท และเพิ่มอีก 64,000 บาท สำหรับรุ่น อี ที่มีชุดแต่งและเบาะบุด้วยหนังแท้
เกีย คาเรนส์
คาเรนส์ (CARENS) เป็นรถอเนกประสงค์เพียงรุ่นเดียวในกลุ่ม มีนีเอมพีวี ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล
ช่วงฝากระโปรงหน้าที่ยาวทำให้ คาเรนส์ มีรูปร่างหน้าตาที่เอนเอียงไปทางรถ 5 ประตูตรวจการณ์มากกว่ารถตู้ จนหลายคนเข้าใจผิด
พื้นที่ว่างเหนือศีรษะมาก ห้องโดยสารกว้างและยาว เพียงพอกับ 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเองและพับแยก 50/50 เป็นโต๊ะวางของและแก้วได้ เบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเก็บแบบแบนราบ หรือจะพับเพียงพนักพิงเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระตามความต้องการ
เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบเรียง คอมมอนเรล ไดเรคท์อินเจคชัน เทอร์โบ อินเตอร์คูเลอร์ ขนาด 2.0 ลิตร 112 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ คือจุดเด่นของ คาเรนส์
สนนราคา 1,190,000 บาท บริษัท ยนตรกิจเกียมอเตอร์ จำกัด ตั้งไว้สำหรับ คาเรนส์ ที่ประกอบจากเกาหลี นั้น เทียบกับคู่แข่งถือว่าไม่แพง ถ้าทำใจได้เรื่องหน้าตา
เกีย คาร์นิวัล
คาร์นิวัล (CARNIVAL) เป็นรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งขนาดใหญ่ ห้องโดยสารกว้างขวางเบาะที่นั่งสามารถปรับเปลี่ยนหลายรูปแบบ
เกีย มี คาร์นิวัล ให้เลือกใช้ถึง 4 ระดับ คือ จีเอส รุ่นมาตรฐาน สำหรับครอบครัวแต่ถ้าต้องการดูแลเอาใจใส่บุคคลพิเศษ ที่ต้องใช้รถเข็น ก็ต้องรุ่น ทีแอลซี ที่มีเบาะนั่งแบบพิเศษ ปรับเลื่อนขึ้น/ลงจากตัวรถ ด้วยระบบไฟฟ้า ในรุ่น ฟแลกชิพ (FLAGSHIP)
เพิ่มความหรูหราด้วยเบาะหนังแท้ขนาดใหญ่ 2 ชุด เครื่องเสียงพร้อมจอทีวีแบบแอลซีดี ส่วน รุ่น พแลทินัม (PLATINUM) ให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ด้วยกระจกบานสไลด์ปรับไฟฟ้า และผนังคอนโซลที่กั้นห้องโดยสารจากห้องคนขับ
คาร์นิวัล ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร แบบ วี 6 สูบ 24 วาล์ว ควอด-แคม ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 21.2 กก.-ม. เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า
ถ้าชอบความแกร่ง เกีย คาร์นิวัล น่าตรงใจมากกว่า เอมพีวี รุ่นอื่นๆ แต่หน้าตาอาจจะดูเชย และตกยุค
มิตซูบิชิ สเปศ แวกอน
กรันดิส (GRANDIS) หรือที่รู้จักกันในบ้านเราว่า สเปศ แวกอน (SPACE WAGON) เป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์รุ่นที่ 4 ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
จุดเด่นของรุ่นนี้ คือ โคมไฟหน้าคล้ายหัวลูกศร และไฟแบบโพรเจคเตอร์ ด้านท้ายโค้งมนลงตัว รับกันกับไฟท้ายใสทรงตั้งแบบ LED และสปอยเลอร์
ห้องโดยสารเป็นแบบทูโทน ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบปรับอากาศด้านหลังแยกอิสระสำหรับผู้โดยสารในแถวที่ 2 และ3 เครื่องเสียงที่สามารถเล่นแผ่น DVD/ VCD และ MP3 พร้อมจอมอนิเตอร์เหนือศีรษะสำหรับคนนั่งด้านหลัง
สเปศ แวกอน ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร 165 แรงม้า ระบบเกียร์ INVECS II แบบขั้นบันได 4 จังหวะ พร้อม SPORTRONIC บวก/ลบ ตำแหน่งเกียร์ได้คล้ายเกียร์ธรรมดา
สเปศ แวกอน ดูสปอร์ท และหรูหรา สมกับราคา 1.5 ล้านบาท แต่หนักใจกับเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร
เปอโฌต์ 807
807 เอมพีวี หรู ในอนุกรม 8 ที่ออกมาทดแทน 806 มีรูปทรงแปลกตาคล้ายยานอวกาศด้านหน้าโค้งมนคล้ายรถเก๋งยกสูง ด้านหลังยังคงรูปแบบของรถตู้
แปลกตากับเรือนไมล์ยาวเต็มคอนโซลหน้า พร้อมกล่องเก็บของทั้งฝั่งซ้าย/ขวา และมีมาตรวัด 3 ชุด สีเขียวตัดด้วยเข็มสีแสด ขนาดใหญ่ อยู่ตรงกลางเสริมด้วยจอแสดงไฟสัญญาณเตือน และมาตรวัดระยะทางกับตัวอักษรบอกตำแหน่งเกียร์ เพื่อป้องกันความสับสน
พื้นที่ภายในกว้างรองรับสมาชิกถึง 7 คนได้อย่างสบาย และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของเบาะนั่งได้ตามความต้องการ เพื่อรองรับกับสัมภาระ
เครื่องยนต์เบนซินรหัส อีดับเบิลยู 10 เจ 4 แบบ 4 สูบเรียง ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร 138 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ แบบบวก/ลบ
ราคาค่าตัว 2.2 ล้านบาท ไม่ได้สูงจนทำให้ต้องลำบากใจ
ซูซูกิ เอพีวี
เอพีวี (APV) รถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก ทรงกล่อง ประตูทั้ง 4 บานออกแบบให้มีขนาดใหญ่และเปิดได้กว้าง ส่งผลให้การเข้า/ออกจากตัวรถสะดวกยิ่งขึ้น
ทีมวิศวกรของ ซูซูกิ ออกแบบห้องเครื่องยนต์ซ่อนไว้ใต้เบาะนั่งแถวหน้า ทำให้ได้ห้องโดยสารแบบ 8 ที่นั่ง กว้างขวางกว่ารถยนต์ขนาดเดียวกัน โดยเฉพาะที่นั่งแถว 2 ผู้โดยสาร และมีพื้นที่วางเท้าในส่วนที่นั่งแถว 3 มีอุปกรณ์ครบ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเล่นเทป-ซีดีแบบ 2 DIN ระบบปรับอากาศแยกส่วนหน้า/หลัง และพวงมาลัยเพาเวอร์ รวมทั้ง เบรคเอบีเอส และถุงลมนิรภัยคู่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในรุ่น จีแอลเอกซ์
ส่วนเครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้า ที่ 5,750 รตน. และแรงบิดสูงสุด 13.0 กก.-ม. ที่ 4,500 รตน. ระบบถ่ายทอดกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง
ซูซูกิ เอพีวี มีราคาตั้งแต่ 499,000 บาท ในรุ่น จีเอ 619,000 บาท ในรุ่น จีแอล ขึ้นไปจนถึง 719,000 บาท ในรุ่น จีแอลเอกซ์ ซึ่งใช้เกียร์อัตโนมัติ
ซังยง สตาวิค
สตาวิค (STAVIC) เป็นรถอเนกประสงค์ระดับหรู ที่พร้อมทั้งรูปแบบ พละกำลัง และความสะดวกสบาย ด้วยห้องโดยสาร มาตรฐานใหม่ 11 ที่นั่ง ใหญ่กว่าเดิม และขุมพลังดีเซลคอมมอนเรล 165 แรงม้า
นอกจากดีไซจ์นที่ล้ำสมัยของตัวรถ ซังยง ได้สอดแทรกมาดเข้มพร้อมลุย ด้วยสปอทไลท์ทรงกลม ขอบล้อขนาดใหญ่ และสปอยเลอร์หลังคา พร้อมไฟเบรคดวงที่สาม
ห้องโดยสารหรูหรา ด้วยชุดเครื่องเสียงดีวีดี ชุดใหญ่ พร้อมจอภาพ พวงมาลัยแบบมัลทิฟังค์ชัน ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกส่วนหน้า/หลัง และช่องแอร์เหนือศีรษะ
สตาวิค ใช้เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลแบบ 5 สูบเรียง เทอร์โบ อินเตอร์คูเลอร์ ขนาด 2.7 ลิตร 165 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแบบ 5 จังหวะ บวก/ลบได้ พร้อมทั้งโหมด W สำหรับทางลื่น และ S เมื่อต้องการกำลังเต็มที่
ซังยง สตาวิค ถือเป็นรถอเนกประสงค์ที่แปลกใหม่ กว้างขวาง และสามารถสนองตอบความต้องการมากกว่าเดิม
โตโยตา อินโนวา
อินโนวา (INNOVA) เป็นรถ เอมพีวี 7-8 ที่นั่ง ผลงานชิ้นใหม่ของ โตโยตา อินโดนีเซีย
อินโนวา มีรูปทรงที่แปลกตา ดูหนาตามสไตล์ เอมพีวี แต่มีใต้ท้องที่สูงจากพื้นถนนกว่าฟุตแบบพิคอัพดัดแปลง คอนโซลหน้าคล้ายพิคอัพ วีโก พวงมาลัยแบบมัลทิฟังค์ชันจอแสดงผลข้อมูลการขับ กุญแจรีโมท และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
ในรุ่น จี เป็นเบาะเต็ม 8 ที่นั่ง บุด้วยผ้ากำมะหยี่ ส่วนรุ่น วี เบาะนั่งบุด้วยหนังแท้ นั่งได้ 7 คน เบาะนั่งตอน 2 เป็นแบบแยก มีทางเดินกลาง ขึ้น/ลงสะดวก เบาะแถวที่ 3 สามารถปรับเอนหลายระดับ และพับขึ้นเก็บ แยกซ้าย/ขวา
เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งแบบดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ 2.5 ลิตร 102 แรงม้า และเบนซิน 16 วาล์ว วีวีที-ไอ ขนาด 2.0 ลิตร 136 แรงม้า
อินโนวา อาจจะเป็นรถอเนกประสงค์ ที่พัฒนาจาก พีพีวี แต่มีจุดเด่นที่ความสะดวกสบาย ทันสมัย เบาะนั่งปรับเอนได้ และมีปรับอากาศแบบแยกส่วนหน้า/หลัง พร้อมสวิทช์ควบคุม และช่องลม 8 จุด
โตโยตา วิช
วิช (WISH) เป็นรถที่สร้างกระแสความนิยมให้กับรถในกลุ่มเอมพีวีอย่างมาก และสร้างยอดจำหน่ายให้กับ โตโยตา จนแซงหน้า เชฟโรเลต์ ซาฟีรา เจ้าตลาดเดิมไปได้แบบไม่ทิ้งฝุ่น
ไฟทรงสามเหลี่ยม รูปทรงที่เพียวลม สมส่วนลงตัว และชุดแต่งแบบสปอร์ทรอบคันที่ให้มาพร้อมกับล้อแมกขนาด 17 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่ารถค่ายอื่น เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
คอนโซลหน้าสีดำ มาตรวัดเรืองแสงแบบออพทิทรอน ที่ทำงานทันทีที่เสียบกุญแจ วิทยุ/เทป ซีดี/เอมพี 3 แบบ 2 DIN 6 แผ่น จอแสดงผลข้อมูลการขับ กุญแจรีโมท เซนทรัลลอค และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เบาะนั่งแถวที่ 2 เป็นแบบแยก มีทางเดินตรงกลาง เข้า/ออกเบาะนั่งแถวที่ 3 สะดวก
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว วีวีที-ไอ ขนาด 2.0 ลิตร แบบเดียวกับแคมรี แต่มีกำลัง 150 แรงม้า
โตโยตา วิช ในวันนี้ อาจไม่ร้อนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1,090,000 บาท ในรุ่น เอส ก็ยังคุ้มค่าน่าซื้อ แม้ขาดช่องแอร์ด้านหลัง
รถ เอมพีวี ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปีนี้
เริ่มกันด้วยรถจากค่าย แดนโสม เกีย คาร์นิวัล โฉมใหม่ สุดยอดรถ เอมพีวี 7 ที่นั้งที่ถูกที่สุดได้ถูกปรับปรุงรูปโฉมตั้งแต่หัวจรดท้าย ทั้งภายในและภายนอก โดยการนำวัสดุที่มีคุณภาพสูงมาประกอบเข้าด้วยกัน เครื่องยนต์คบหาสมาคมกันกับดีเซล 2.9 ลิตร มิติตัวถังภายนอกมีขนาดใหญ่ขึ้น 80 ซม.เพิ่มเนื้อที่ใช้สอยได้อีกพอประมาณ ในประเทศอังกฤษรถรุ่นนี้จะใช้ชื่อว่า เกีย เซโดนา คาดการณ์ว่ารุ่นพวงมาลัยขวาจะออกสู่สายตาประชาชนให้ได้เห็นกันประมาณเดือน ตุลาคมปีนี้ ส่วนรุ่นพวงมาลัยซ้ายจะได้เห็นกันประมาณเดือนกันยายนปีนี้เช่นกันส่วนคนไทยปลายปีนี้ได้เห็นกันแน่ๆ
ถัดมาก็ถึงคราวของค่ายผู้ผลิตรถญี่ปุ่นที่ ฟอร์ด มอเตอร์ ถือหุ่นอยู่ 1 ใน 3 ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก มาซดา ที่หันมาเอาดีรถ เอมพีวี กับเขาเหมือนกัน ซึ่งได้ออกแบบรถอเนกประสงค์อนุกรมใหม่ล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า มาซดา 5 มาอวดโฉมกันให้น้ำลายไหล ซึ่งนับว่าเป็นรถอเนกประสงค์ขนาดกลาง แบบแรก ที่ใช้ประตูข้างแบบเลื่อน และห้องโดยสารวางเก้าอี้ที่นั่งในลักษณะ 6+1 ที่นั่ง คาดว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ปลายปีนี้คงได้เห็นหน้าค่าตากันแน่นอน
ต่อกันด้วยค่ายยักษ์ใหญ่ โตโยตา หลังจากชอควงการรถยนต์ด้วยการส่ง โตโยตา วิช ออกมาได้ไม่นาน ผลงานอีกชิ้นที่เตรียมออกมาให้ยลโฉมภายใต้ชื่อ โตโยตา ไอชิส เป็นรถ เอมพีวี 7 ที่นั่ง อนุกรมใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งออกจำหน่ายในเมืองปลาดิบเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรถอเนกประสงค์ที่ค่ายโตโยตา บรรจุเข้าสู่สายการผลิต แทนที่รถอนุกรมเดิม อย่าง โตโยตา กาอีอา ตัวถังทรงกล่องเหลี่ยมที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดหาง โดยใช้แพลทฟอร์มชุดเดียวกันกับ รถยอดนิยมอย่างที่บ้านเรารู้จักกันดีอย่าง โตโยตา วิช
จุดเด่นในส่วนตัวถังภายนอก ซึ่งน่าจะเป็นจุดขายสำคัญคือ ประตูข้างบานหลังซึ่งออกแบบเป็นประตูเลื่อนขนาดใหญ่ เรียกประตูแบบนี้ว่า PANORAMA OPEN DOOR รถรุ่นนี้จำหน่ายอยู่ในเมืองปลาดิบขณะนี้แยกโมเดลรวม 13 โมเดล แยกเป็นรถขับล้อหน้า 8 โมเดล และรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 5 โมเดล
ในโมเดลขับหน้านั้นมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้สองขนาด คือ เครื่อง DOHC 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว 1,749 ซีซี และเครื่องฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว 1,998 ซีซี ส่วนอีก 5 โมเดลที่เหลือ ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมีเครื่องยนต์แบบเดียวคือ DOHC 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว 1,998 ซีซี อาจเป็นไปได้ว่าถ้ากระแสโตโยตา วิช ลดน้อยลง ทางโตโยตาอาจจะนำ โตโยตา ไอซิสมาปลุกกระแสกันอีกครั้ง
ติดตามมาด้วยเจ้าของเครื่องหมายการค้าจากค่าย "สายฟ้า" ได้เปิดตัว โอเพิล ซาฟีรา รุ่นที่ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในรุ่นนี้ขนาดตัวถังมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นเก่าทุกประการ ช่วงฐานล้อยาวกว่าเดิม 9 มม. แต่ยังคงใช้เทคโนโลยีเก้าอี้ที่นั้ง FLEX 7 จากรุ่นเดิมที่เป็นจุดขายของรถรุ่นนี้ ที่ไม่เหมือนใคร ขุมพลังของซาฟีราใหม่ มีทั้งเบนซิลและดีเซล โดยที่เครื่องยนต์เบนซิน มีให้เลือกทั้งขนาด 1.6,1.8 และ 2.0 ลิตร ส่วนดีเซล คอมมอลเรียลมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 1.7 และ 1.9 ลิตร ราคายังไม่มีการยืนยันแน่ชัด ในรุ่นเก่านั้นยอดขายทั่วโลกไม่มากไม่น้อยประมาณ 1.4 ล้านคันคาดว่าซาฟีรา อนุกรมตัวใหม่ก็ไม่น่าทำให้ยอดขายจาก ค่าย "สายฟ้า" ผิดหวังแน่นอน สิ้นปี 2005 คนไทยเตรียมเก็บเงินรอไว้ได้เลย
ค่ายยักษ์รองจากแดนปลาดิบอย่าง นิสสัน ก็ไม่น้อยหน้า เตรียมส่ง นิสสัน ลาเฟสตาออกมาประชัน ซึ่งเป็นรถ เอมพีวี 7 ที่นั่งซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง โตโยตา ไอซิส ด้วยขนาดตัวถังทรงสองกล่องยาว ห้องโดยสารวางเก้าอี้สามแถว มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับสี่ล้อ แต่มีเครื่องยนต์เพียงแค่ขนาดเดียว เป็นเครื่อง DOHC 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว ขนาด 1,997 ซีซี ระบบเกียร์มีแบบเดียวเช่นกันคือเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง หรือที่เรียกกันว่า เกียร์ ซีวีที นั่นเอง คาดว่าถ้าเศรษฐกิจไทยเจริญอย่างต่อเนื่อง ทางนิสสันอาจจะนำเข้ามาก็ได้
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
ภาพโดย : ฝ่ายภาพ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52491