มาตรวัดตลาดรถ
วันนี้คุณเติมน้ำมันเต็มถังหรือยัง ?
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนมีนาคม ปี '48 กับ '47
ตลาดรวม ,เพิ่ม ,24.1 %
รถยนต์นั่ง ,ลด ,22.8 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,เพิ่ม ,43.1 %
รถอเนกประสงค์ (MPV) ,ลด ,24.4 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,เพิ่ม ,216.6 %
[/table]
ขอใช้มุขเก่านะครับ เพราะราคาน้ำมันเบนซินพุ่งไม่หยุด เดี๋ยว 40 สตางค์ เดี๋ยว 30 สตางค์ รวมๆเข้าแล้วมันก็หลายบาทอยู่
แถมยังมีคนออกมาบอกอีกว่า ยุคน้ำมันลิตรละต่ำกว่า 20 บาทน่ะหมดไปแล้วตอนนี้กดได้ต่ำสุดก็ลิตรละ 22 บาท
ทำเอาตัวเลขรถใช้น้ำมันดีเซลขายดิบขายดี เจริญเติบโตกันเป็นว่าเล่น
ก่อนจะถึงเรื่องราวยอดการขายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม ขอระบายความอึดอัดสักเล็กน้อยนะครับ
ก็เรื่องของบรรดาท่านเสนาบดีทั้งหลายนั่นแหละ ออกมาวิจารณ์ภาพยนตร์ที่ออกฉายในโรงเกี่ยวกับเรื่องภรรยาหลวง และภรรยาน้อย ที่ชื่อ "เธอะ เมีย" ว่าทำลายประเพณีศีลธรรมอันดียั่วยุให้คนทำผิดศีลธรรม ทำให้ศีลธรรมเสื่อมทราม
ไม่ได้จะมาโฆษณาภาพยนตร์นะครับ เพราะตอนนี้ก็ลาโรงไปเรียบร้อยแล้ว
อันที่จริงก็ว่าจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เข้าข้างซ้ายทะลุออกข้างขวาไปเสีย แต่ให้บังเอิญหลงผิดไปดูละครทีวี เพราะไปนั่งในร้านอาหารที่มีทีวีเปิดอยู่ด้วย เนื้อหาก็ทำนองว่า ฝ่ายหญิง มอมยาฝ่ายชายเพื่อทำเป็นว่าฝ่ายชายมาร่วมหลับนอนด้วย แล้วเรียกค่าเสียหาย หรือถ้าฝ่ายชายยอม ก็จะยอมแต่งงานด้วย
ก็เลยนั่งงงๆ ว่า ภาพยนตร์ที่ออกฉายในโรงภาพยนตร์ คนที่มุ่งมั่นเดินทางไปถึงโรงภาพยนตร์พร้อมจะเสียสตางค์เข้าไปดูน่ะ ก็ต้องมีวิจารณญาณพอสมควร ไม่อย่างนั้นจะยอมควักสตางค์ซื้อตั๋วเข้าไปดูหรือ
แต่เจ้าละครน้ำเน่าที่ฉายทางฟรีทีวี เปิดดูได้โดยไม่ต้องเสียสตางค์น่ะ มันให้ประโยชน์สาระกับคนดูมากนักหรือครับ โดยเฉพาะเจ้าเรื่องน้ำเน่าที่ว่านั่น ลูกเล็กเด็กแดงดูได้โดยไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนอะไรเลยหรือ
แล้วเจ้าตัวศีลธรรมน่ะ มันเสื่อมทรามไปแค่ไหนแล้วก็ไม่ทราบได้
ไม่ทราบว่าท่านเสนาบดีท่านไหนดูแลกันอยู่ ทำท่าว่าจะเป็นคนเดียวกับที่ออกมาวิจารณ์นะครับ
จึงกราบเรียนมาเพื่อทราบ
กลับมาวุ่นวายกันอีกครั้งนะครับ สำหรับการรายงานตัวเลขยอดการขายรถยนต์ รอบเดือนที่ผ่านมา เมื่อคนแถววิภาวดี โวยวายว่า คนแถวสำโรง โมเมเอาตัวเลขของรถที่ใช้ชอคอับมารวมเอาไว้ในประเภทของรถใช้แหนบ แล้วทำให้ยอดรวมสูงกว่าความเป็นจริง
สนุกดีนะครับ
แต่ท้ายสุดค่ายสำโรงก็ออกมาอ้อมแอ้มยอมรับว่า หนหน้าจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เรื่องก็เลยสงบไป
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
กลับมาถึงยอดการขายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เติบโตคู่ขนานไปกับราคาน้ำมัน โต 24.1 % ขายเดือนเดียว 67,554 คัน รวมไตรมาสแรกโตขึ้น 12.8 % ขายกันได้ 166,486 คัน
หนนี้ ค่ายสำโรงคุยสนั่นหวั่นไหว ว่าเป็นที่หนึ่ง ในทุกประเภท ทั้งยอดรวม รถนั่ง และ กระบะ ที่ค่ายวิภาวดีออกมาโต้ค้านอย่างแข็งแรง
อันดับหนึ่งประจำเดือน โตโยตา ขายได้ 27,208 คัน โตขึ้น 38.4 % ส่วนแบ่งตลาด 40.3 % อันดับสอง อีซูซุ ขาย 16,722 คัน โตขึ้น 23.5 % ส่วนแบ่ง 24.8 % อันดับสามวิ่งพรวดพราดขึ้นมาเป็นหนแรก มิตซูบิชิ ขาย 6,212 คัน โตขึ้น 182.6 % ส่วนแบ่ง 9.2 % สงสัยได้ยาดี อันดับสี่ นิสสัน ขายน้อยกว่าปีก่อน 0.8 % ได้ 4,751 คัน ส่วนแบ่ง 7.0 % อันดับห้า เชฟโรเลต์ ขาย 3,362 คัน เพิ่มเยอะเพราะเป็นหนแรก 427.8 % ทำเอา โต๊ะใจ หมดเลย ส่วนแบ่ง 5.0 %
แต่ยอดรวมไตรมาสอันดับเปลี่ยนแปลงเป็น โตโยตา 65,654 คัน อีซูซุ 43,187 คัน มิตซูบิชิ 12,361 คัน นิสสัน 10,943 คัน และ ฮอนดา 10,417 คัน
แยกเป็นประเภทรถยนต์นั่งยอดการขายลดลง สวนทางกับราคาน้ำมันเบนซิน ขายกันน้อยกว่าปีก่อน 22.8 % ได้แค่ 13,508 คัน โดยรวมไตรมาสก็ลดลงเช่นกัน 17.8 % ได้เพียง 37,843 คัน
ตำแหน่งแชมพ์ประจำเดือน โตโยตา ขาย 7,585 คัน มากกว่าปีก่อน 6.3 % ส่วนแบ่ง 56.2 % ที่สอง ฮอนดา ความนิยมลดลง 68.7 % ขายได้เพียง 2,362 คัน ส่วนแบ่ง 17.5 % ที่สาม เชฟโรเลต์ ขาย 834 คัน เพิ่ม 87.4 % ส่วนแบ่ง 6.2 % เฉือนที่สี่ นิสสัน ขาย 805 คัน ลดเยอะ 23.4 % ส่วนแบ่ง 6.0 % และที่ห้า มิตซูบิชิ ขาย 616 คัน เพิ่มถึง 94.9 % ส่วนแบ่ง 4.6 %
ผู้เสียภาษียอดเยี่ยมประจำเดือน โพร์เช ขายได้ 10 คัน และ แจกวาร์ ขายได้ 3 คัน
มาถึงประเภทรถกระบะ 1 ตัน ที่มีบางค่ายทำตีขรึม ซัดตัวเลขเสียเต็มเหนี่ยว ตั้งแต่ต้นปี 95,318 คัน เพิ่ม 25.5 % แต่เฉพาะเดือนนี้ เพิ่ม 43.1 % ขายได้ 39,656 คัน ตำแหน่งแชมพ์ยังคงได้แก่ อีซูซุ 14,985 คัน เพิ่ม 28.8 % ส่วนแบ่ง 37.8 % ที่สอง โตโยตา ขายได้ 10,545 คัน เพิ่ม 27.0 % ส่วนแบ่ง 26.6 % ที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 4,813 คัน เพิ่มถึง 224.8 % ส่วนแบ่ง 12.1 % ที่สี่ นิสสัน ขาย 3,562 คัน เพิ่ม 1.7 % ส่วนแบ่ง 9.0 % และที่ห้า น้องใหม่ เชฟโรเลต์ ขาย 2,377 คัน ส่วนแบ่ง 6.0 %
รถเพื่อการพาณิชย์ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เดือนนี้โตขึ้นมา 54.7 % ขายกันได้ 4,409 คัน รวมไตรมาสโต 39.3 % ขายได้ 8,763 คัน โดยมี โตโยตา ขายได้ 1,251 คัน เพิ่มขึ้น 75.2 % ส่วนแบ่ง 28.4 % ที่สอง ฮีโน ขาย 1,166 คัน เพิ่มขึ้นเช่นกัน 29.3 % ส่วนแบ่ง 26.4 % และอันดับสาม อีซูซุ ขาย 1,150 คัน เพิ่มขึ้นเช่นกัน 52.3 % ส่วนแบ่ง 26.1 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่รวมรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรวม เพิ่มถึง 216.6 % ขาย 4,135 คัน ความแรงที่หยุดไม่อยู่ของ ฟอร์ทูเนอร์ โดยตำแหน่งแชมพ์ คือ โตโยตา ขายคนเดียว 3,282 คัน เพิ่มขึ้นถึง 1,470.3 % ส่วนแบ่ง 79.4 % ที่สอง ฟอร์ด ขาย 345 คัน ลด 13.8 % ส่วนแบ่ง 8.3 % และที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 126 คัน ลด 28.0 %
รถอเนกประสงค์อื่นๆ ชะลอตัวลง 24.4 % ขายได้ 1,643 คัน โดยมี โตโยตา ขายเยอะสุด 1,224 คัน ลด 31.3 % ส่วนแบ่ง 74.5 %
นั่นคือตัวเลขสำหรับไตรมาสแรกของปี ที่บรรดานักวิเคราะห์ต่างลงความเห็นกันว่าถึงแม้สถานการณ์ราคาน้ำมันเบนซิน สูงขึ้นสักเท่าไร ผู้บริโภค ก็จะหันมาหารถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เป็นของทดแทน เชื่อกันอยู่ลึก ๆ ว่า รอบปีนี้คงยังไม่เลวร้ายจนเกินไป ยอดขายระดับ 6 แสนคัน คงยังมีทางเป็นไปได้
จะมีปัญหาก็เพียงบางค่ายเท่านั้น ที่ต้องเสริมสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ให้กลับคืนมาเพื่อดึงตัวเลขยอดการขายขึ้นมาให้ได้
คงไม่ต้องบอกว่าเจ้าไหนนะครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52490