วิกรานต์ อมาตยกุล

วิกรานต์ อมาตยกุล ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด การศึกษาปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "ผมเริ่มทำงานครั้งแรกเมื่อปี 2535 เป็นเซลส์ขายรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ ของบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด ซึ่งตอนนั้นรถ เบนซ์ บูมมาก เวลานั้นตอนแรกรู้สึกเหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องมาเป็นพนักงานขาย แต่คุณ พากเพียร วิริยะพันธุ์ ซึ่งเปรียบเสมือนครู ก็บอกว่าทุกธุรกิจจุดสำคัญคือ การขาย ทำให้ผมได้เรียนรู้เรื่องของการขายเป็นเวลา 2 ปี" หลังจากนั้นประมาณปี 2537 ได้มีโอกาสเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ที่ประเทศเยอรมนี ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การขาย บริการ อะไหล่ การวางแผน การจัดกิจกรรม และในส่วนของโรงงาน ที่ดูแลการผลิตในขั้นตอนต่างๆ เป็นเวลา 2 ปี จึงทำให้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับรถยนต์ ซึ่งถือว่าเป็นระสบการณ์ที่มีคุณค่ามาก เพราะถึงแม้ว่าจะย้ายไปทำงานกับบริษัทรถยนต์ใดก็ตาม ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยนอกจากยี่ห้อ หน้าตา เอกสาร และวิธีการทำงาน รวมถึงจอยเวนเจอร์ระหว่างธนบุรี ฯ กับ เดมเลอร์ ฯ จนกระทั่งในปี 2542 ได้เข้าร่วมงานกับ บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ ประเทศไทย จำกัด โดยดูแลฝ่ายขายรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์/ซี-คลาสส์ และ เอส-คลาสส์ รุ่นเก่า นำทีมขายลุยเต็มที่จนเคลียร์ทุกอย่าง "ช่วงที่ทำงานกับ เดมเลอร์ ฯ นับว่าเป็นอีกช่วงหนึ่งของประสบการณ์ที่มีโอกาสได้ทำงานในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ขาย วางแผน และการตลาด สนุกสนาน พร้อมทั้งเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานให้มากยิ่งขึ้น" จนกระทั่งปลายปี 2546 ได้ย้ายมาดูการตลาด ที่บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด โดยช่วงแรกดู 3 แผนก คือ แอดเวอร์ไทซิง กิจกรรม และมอเตอร์สปอร์ท จนถึงปัจจุบันรับผิดชอบเพิ่มเป็น 6 แผนก "ตอนแรกที่ย้ายมาอยู่ มิตซูบิชิ ซึ่งเปรียบเหมือนปลาเปลี่ยนน้ำ จาก ลักชัวรี มาเป็น แมสส์ต้องปรับตัวหลายๆ อย่าง พบกับอุปสรรคบ้าง เคยท้อ แต่ก็คิดว่าถ้าไม่สู้จะก้าวไปได้อย่างไรต้องพิสูจน์ให้คนยอมรับ และเห็นว่าเราทำได้" "การทำงานที่ เมร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ได้พิสูจน์ฝีมือ เพราะ เมร์เซเดส-เบนซ์ ขายตัวเอง แต่ที่ มิตซูบิชิ สามารถทำให้กลับมาอยู่ในอันดับ 3 ของตลาด จากที่เคยเดินมาในอดีต ซึ่งไม่ใช่ผม แต่เป็นทีมงาน เพราะจริง ๆ แล้ว มิตซูบิชิ มีความเป็น มิตซูบิชิ ที่คลอดมาจากสนามแข่ง แข่งมาเพื่อพัฒนารถยนต์ ส่วนใหญ่แล้วคนจะไม่พูดถึง แต่หน้าที่ของผมคือ นำสิ่งเหล่านั้นมาพูดให้ผู้บริโภคได้ทราบ และ มิตซูบิชิ พร้อมที่จะเดินไปสู่ตำแหน่งของตัวเอง" "การทำงานที่ถือว่าเป็นผลงานที่รู้สึกภูมิใจมีตั้งแต่เริ่มสร้างอิเมจของ ซี-คลาสส์ ขยายในกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้น และทำแคมเปญให้กับ มิตซูบิชิ สตราดา ยอดขายกลับมายืนได้อีกครั้งหนึ่ง และล่าสุด การสร้าง สเปศ แวกอน ได้รับความสำเร็จอย่างมาก ถือเป็นความภูมิใจที่สุด แต่การทำงานทุกครั้งจะทำกันเป็นทีม ทีมงานสนุกกับเรา มีความรู้สึกให้เรามากกว่าเป็นแค่นาย สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน เข้าใจ และช่วยเป็นกำลังใจ" โดยส่วนตัวแล้วการทำงานทุกอย่างจะทุ่มเต็มที่ เพราะงานคือ ชีวิต เมื่อก่อนจะทำงานแบบเต็มที่พอเสร็จงานก็หยุดทีละ 3-4 วัน แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีเวลาอย่างนั้น แต่เมื่อมีเวลาว่างตอนนี้ส่วนใหญ่ก็จะออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายมีกำลัง พร้อมที่จะกลับมาลุยงานต่อ