มาตรวัดตลาดรถ
ต้อนรับปีใหม่
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนมกราคม ปี '48 กับ '47,
ตลาดรวม ,เพิ่ม ,17.6 %
รถยนต์นั่ง ,ลด ,16.9 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,เพิ่ม ,30.4 %
รถอเนกประสงค์ (MPV) ,ลด ,25.9 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,ลด ,49.3 %
[/table]
เพียงเดือนแรกของปี ยอดขายก็เพิ่มขึ้นกันถล่มทลายแล้ว สูงกว่าปีที่แล้วถึง 17.6 % ขายเพียงเดือนเดียวได้ 51,894 คัน ทำเอานักการตลาดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันแต่หัววันแสดงว่าแคมเปญที่โหมกระหน่ำตลอดปีได้ผล
และถึงแม้เสียงคาดการณ์ยอดการขายปีนี้ จะแตกต่างกันพอควร แต่จากการประมาณคร่าวๆตลาดน่าจะสามารถเติบโตได้ราว 10 % จากยอดขายปีที่แล้ว 626,024 คัน ก็คิดว่าปีนี้จะขายได้ตกราว 680,000 คัน
แม้ว่าหลายค่ายอาจจะบอกว่าไม่ถึงก็ตาม แต่กระผมเองยังเชื่อขนมรับประทานได้ว่าเพิ่มขึ้นท่านผู้นำคนใหม่ของเรา ที่ทำท่าทางจะตั้งตัวเป็นเจ้าอาวาสอยู่ตอนนี้คงจะสามารถนำแคมเปญหลากชนิด ออกมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าเพิ่มขึ้นอีก
เพราะผลจากการถอนขนห่านครั้งที่แล้ว ทำให้ยอดการจัดเก็บภาษีหลากชนิดเพิ่มสูงกว่าประมาณการหลายตัว แค่เดือนธันวาคม เดือนเดียว หลวงท่านถอนขนห่านได้ 84,662 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 4.5 %
ก็เป็นไปตามวงจรของธุรกิจ เมื่อมีเงินออกมาหมุนเวียนอยู่ในระบบมากขึ้นทำให้เกิดการใช้ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งทำให้ประชาชน ต้องเสียภาษีเพิ่มมากขึ้น ... เอ๊ะ ยังงั้นหรือเปล่าครับ
แต่ตามทฤษฎีทางธุรกิจแล้ว ก็เป็นเหมือนกับที่มีธนาคารหนึ่งนำมาใช้เป็นประเด็นโฆษณานั่นแหละ ว่าเงินกำลังจะหมุนไปๆ
อย่าลืมทำเสียงให้เหมือนในโฆษณาด้วยนะครับ
แต่เมื่อพิจารณาตามฐานปีงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคม ช่วง 3เดือนแรกของปีงบประมาณ ก็จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการถึง 23,309 ล้านบาท หรือ 9.9 % และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 17.3 % แสดงถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ทั้งปีงบประมาณ 2548 ตามเป้าหมาย 1,200,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
ที่น่าสนใจก็คือ กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ 8.5 % เพราะส่วนหนึ่งมาจากการปรับปรุงโครงสร้างภาษีรถยนต์ ที่
พณหัวเจ้าท่านออกมาฟาดงวงฟาดงาเอากับบริษัทรถยนต์ ว่าแจ้งราคาหรือลดราคาไม่เท่ากับภาษีที่ลดลง
ก็ไม่ทราบว่า พณหัวเจ้าท่าน เคยอ่านกฎระเบียบของบรรดากรมที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของท่านแล้วเข้าใจแจ่มแจ้งดีหรือเปล่า ?
บริษัทรถยนต์น่ะ เขาจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางราชการอย่างรัดกุม ต้องเก็บบัญชีต่างๆเพื่อการตรวจของกรมสารพัดกรม รายละเอียดการดำเนินการ ต้องทำงานให้เนี้ยบเพื่อป้องกันตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะกฎระเบียบของกรมต่างๆ นานานั้น ท่านทำงานกันคนละแห่งความเห็นย่อมไม่เหมือนกัน การออกกฎระเบียบก็ย่อมไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆบริษัทรถยนต์เขาต้องปฏิบัติตามทุกแห่งแหละครับ
ลองพลาดเข้าหนหนึ่ง ท่านเล่นงานภาษีย้อนหลัง แถมโทษปรับอีก อ่วมอรทัยเชียวแหละ
ขนาดคนไม่พลาดยังโดนเลย
แถมเวลาค้นหาข้อบกพร่องของกฎระเบียบเจอเข้า กลับถูกหาว่ารู้มากอีก สารพัดแหละครับ
ถามกลับง่ายๆ ว่า ท่านพอจะทราบไหม ว่าบริษัทรถยนต์ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของใครบ้าง
กระทรวงการคลังนี่ แทบจะทุกกรม สรรพสามิต สรรพากร ศุลกากร กระทรวงคมนาคม แน่นอนก็ต้อง กรมการขนส่งทางบก กระทรวงพาณิชย์ นี่แน่นอนกว่า กรมการค้าภายใน กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ย่อมต้องเป็น กรมควบคุมมลพิษแถมยังมีกระทรวงอุตสาหกรรม สถาบันต่างๆ นานา อีกเยอะ บริษัทไหนจะแน่จริงยอมเป็นผู้โดดเดี่ยวกันมั่งละ
แถมท่านเชิญผู้บริหารบริษัทรถยนต์ไปประชุม เรื่องคุณเดือนเพ็ญ ... เอ๊ย เรื่องเกี่ยวกับการประกันคุณภาพของรถ แล้วเขาส่งแต่คนที่ทำงาน คนที่รู้เรื่องประกันคุณภาพของรถอย่างแท้จริง เพียงแต่ไม่มีตำแหน่งใหญ่โต เรียกว่าเป็นคนทำงานแท้ๆ ท่านก็โวยวายเอาใหญ่โต
ภาษาเด็กๆ เขาเรียก ตัวเป็นผู้จัดการแต่ลงมาทำงานของลูกน้องครับ
คุยกันเรื่องตัวเลขดีกว่านะ รื่นเริงบันเทิงใจกว่ากันเยอะเลย
มกราคมเดือนที่ผ่านมา ยอดการขายรถยนต์ทุกชนิดเติบโต 17.6 % ขายได้รวม 51,894 คัน ตำแหน่งในปีนี้คาดว่าคงมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแน่ เพราะคนแถวรังสิตประกาศเสียงดังฟังชัดออกมาแล้ว
ตำแหน่งแชมพ์ขายได้มากที่สุด ยังไม่เปลี่ยนแปลง โตโยตา ขาย 20,816 คัน โตกว่าตลาดเล็กน้อย 23 % ส่วนแบ่งการตลาด 40.1 % อันดับสอง อีซูซุ แถมทองเพิ่มเป็นสองบาทแล้ว ขาย 14,983 คัน เติบโต 39 % ส่วนแบ่ง 28.9 % อับดับสาม ฮอนดา ทรุดฮวบเพราะค้อนปอนด์ ขาย 3,897 คัน ลดลง 23 % ส่วนแบ่งเหลือแค่ 7.5 % อันดับสี่ คนเสียงดัง มิตซูบิชิ ขาย 2,907 คัน เพิ่ม 14 % ส่วนแบ่ง 5.6 % และอันดับห้า นิสสัน ขาย 2,487 คัน ลดลง 20 % ส่วนแบ่งเหลือ 4.8 %
ประเภทรถยนต์นั่ง ขายได้น้อยกว่าปีที่แล้ว 16.9 % ทำตัวเลขได้แค่ 11,621 คัน ตำแหน่งแชมพ์ โตโยตา ขาย 5,659 คัน ลดลง 14 % ส่วนแบ่ง 48.7 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 3,562 คัน ลดลงเหมือนกัน 22 % ส่วนแบ่ง 30.7 % ที่สาม เมร์เซเดส-เบนซ์ ขาย 494 คัน ขายน้อย 22 % ส่วนแบ่ง 4.3 % ที่สี่ นิสสัน ขาย 494 คัน ลดลง 47 % ส่วนแบ่ง 4.1 % และที่ห้า มาซดา ขายมาซดา 3 และมาซดา 3 สปอร์ทได้ถึง 459 คัน มากขึ้น 606 % ส่วนแบ่ง 3.9 %
ที่น่าสนใจ ก็คนหน้าเดิม แต่มีรถรุ่นใหม่อิมพอร์ทมาขาย มาซดา ส่งมอบรถได้ 459 คัน เกือบแซง นิสสัน เสียแล้ว
และรายงานผู้เสียภาษีมากที่สุดประจำเดือน แจกวาร์ ขายได้ 3 คัน และ โพร์ช ขาย 2 คัน
รถกระบะหนึ่งตัน ไม่รวมขับเคลื่อน 4 ล้อ เดือนมกราคม โต 30.4 % ขายได้ 29,539 คัน ตำแหน่งแชมพ์ยังคงได้แก่ อีซูซุ 12,475 คัน โต 30.6 % ส่วนแบ่ง 42.2 % ที่สอง โตโยตา ขายได้ 9,468 คัน เพิ่มถึง 39.5 % ส่วนแบ่ง 32.1 % ที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 2,101 คัน เพิ่ม 7.2 % ส่วนแบ่ง 7.1 % ที่สี่ นิสสัน ขาย 1,799 คัน ลดลง 10 % แต่ส่วนแบ่ง 6.1 % และที่ห้า ฟอร์ด ขาย 1,498 คัน เพิ่ม 3.5 % ส่วนแบ่ง 5.1 %
รถเพื่อการพาณิชย์ ยังเติบโตน่าสนใจทีเดียว ขายเพิ่ม 8.8 % ด้วยยอด 2,005 คัน มี อีซูซุ ออกรุ่นใหม่มา ขายได้ 707 คัน เพิ่ม 66.4 % ส่วนแบ่ง 35.3 % ที่สอง ฮีโน ขาย 631 คัน เพิ่ม 17.7 % ส่วนแบ่ง 31.5 % และที่สาม นิสสัน ขาย 202 คัน ส่วนแบ่ง 10.1 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่รวมรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรวม ลดลงถึง 49.3 % ขายเพียง 748 คัน โดยตำแหน่งแชมพ์ คือ ฟอร์ด ขาย 325 คัน ลดถึง 45.6 % ส่วนแบ่ง 43.4 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 293 คัน ลด 21.2 % ส่วนแบ่ง 39.2 % และที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 52 คัน ลดมากถึง 33.3 %
รถอเนกประสงค์ ตลาดเล็กลง 25.9 % ยอดรวม 1,566 คัน ขายอยู่เจ้าเดียว โตโยตา 1,114 คัน ลดลง 37.6 % ส่วนแบ่ง 71.1 %
รถประเภทรถตู้ เหลือ 409 คัน มี โตโยตา ขายมากสุด 189 คัน ประมาณว่ารถตู้ที่วิ่งกันเกลื่อนในขณะนี้ เริ่มมีปริมาณมากจนรายได้จากค่าโดยสารเหลือน้อยลงมากแล้ว
เริ่มต้นปีกันด้วยตัวเลขสวยสดงดงามอย่างนี้ ก็ยังเชื่อได้ว่า แคมเปญการขายรถรุ่นต่างๆ ในปีนี้ยังคงดุเด็ดเผ็ดมัน เชือดเฉือนกันอยู่ต่อไป ดูได้จากแคมเปญตอนตรุษจีนที่ผ่านมา สังเกตบ้างไหมครับ ว่าค่ายยุโรปยังออกมาร่วมผสมโรงด้วยเลย
เสียแต่มีค่ายรถยนต์บางค่ายที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับปีไก่ โดนพระราหูเข้าพระเสาร์แทรกได้ออกรายการทีวี ได้ขึ้นหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน เลยต้องเสียสตางค์ค่าโฆษณาขอโทษลูกค้าผู้ใช้บริการอีก สนุกจริงๆ
ใครดีใครอยู่นะครับ ขวบปีไก่นี้
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52421