โค้งอันตราย
เงินภาษี
ผ่านกันไปแล้วสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหญ่ ขนาดยังไม่ถึงเวลาเลือกตั้งเลยท่านก็กรุณาเผยตัวรัฐมนตรีบางคนออกมาแล้ว แหม อะไรจะเชื่อมั่นกันมากขนาดนั้น
ท่านกุมเสียงข้างมากน่ะ กระผมพอจะยอมรับได้ แต่เรื่องบางเรื่องก็ต้องทำใจกันหน่อยนะครับเพราะต่างคนต่างจิตต่างใจ ท่านว่าจะดึงหนี้คนจนให้เข้าระบบ ให้มาเป็นหนี้ในระบบมากขึ้นแต่บรรดาบัตรเครดิท โดยเฉพาะบรรดาบัตรเงินผ่อนทั้งหลาย ดอกเบี้ยมันแพงมหาโหด
ไม่ได้อยากจะใช้บัตรพลาสติคหรอก แต่ความจำเป็นมันบังคับครับ คงร้องออกได้แค่นี้แหละ
ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจโลกมันถึงคราวที่จะต้องเพิ่มดอกเบี้ยตามประเทศยักษ์ใหญ่แล้วดอกเบี้ยบ้านเราก็จะต้องเดินทางเพิ่มขึ้นเช่นกัน
พูดให้สั้นเข้าก็คือ ดอกเบี้ยเงินกู้ก็เพิ่มมากขึ้นอีกเช่นกัน
ผลกระทบเป็นวงกลมย่อมเป็นที่แน่นอนว่า ต้องรีดภาษีจากปูเพิ่มมากขึ้นในเวลาไม่นานนี้แหละ
ก่อนจะเข้าเรื่องเกี่ยวข้องกับภาษี ขอนำเสนอเรื่องน่ารู้ประจำฉบับก่อนนะครับ
ประกาศสัญลักษณ์ประจำประเทศไทยกันมาแล้วนะครับ ว่ามี
ช้างไทย CHANG THAI (ELEPHANT ELEPHAS หรือ MAXIMUS)ดอกคูน หรือ ชัยพฤกษ์ RATCHAPHRUEK (CASSIA FISTULA LINN') และศาลาไทย SALA THAI (PAVILION)
ใครจะเอารูปประเภทนี้ไปใช้ เพื่อจุดประสงค์อะไรก็ตามแต่ ก็กรุณาระมัดระวังกันเอาเองนะครับเดี๋ยวจะถูกประชาพิจารณ์โดยไม่ได้นึกถึง แต่บรรดาเจ้าเก่าที่มีใช้กันอยู่แล้วก็เหมือนกันก็ต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควรเช่นกัน
เพราะบรรดาท่านข้าราชการท่านมักกระทำการที่ไม่เป็นที่เข้าใจของประชาชนคนเดินดินธรรมดาเสียเลย
ทำอะไรให้ไม่มีปัญหาดีที่สุดนะครับ
มาเล่าเรื่องน่ารู้ประจำฉบับ หนนี้เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ทั้งนั้น ซึ่งก็ไม่พ้นว่าจะต้องเอามาจากเงินภาษีของปูตัวเล็กๆ นี่แหละ เจ้าภาพงานนี้ก็เห็นจะได้แก่ การทางพิเศษ เริ่มกันตั้งแต่ ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินของโครงการทางพิเศษสาย บางพลี-สุขสวัสดิ์ ไม่มากไม่น้อย แค่ 1,282.34 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 778.38 ล้านบาท และค่ารื้อย้ายสาธารณูปโภค 503.96 ล้านบาท
แต่ปรากฏว่า พอลงมือทำงานไปแล้ว สภาวะเศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าที่ดินและวัสดุเพิ่มสูงขึ้น จำเป็นต้องเพิ่มวงเงินเพิ่มอีก 1,100.84 ล้านบาท เป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 917.36 ล้านบาท และค่าอุทธรณ์และฟ้องร้องคดีเพราะเจอคนดื้อแพ่งอีก 183.48 ล้านบาท
หลังจากทำงานกันไปอีก เจอเอาผลการพิจารณาอุทธรณ์ และค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นตามคำพิพากษาของศาล รวมทั้งค่าที่ดินและวัสดุก่อสร้างได้เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอีกครั้ง หนนี้วงเงินเลยเพิ่มอีก 1,600 ล้าน
แถมยังมีเรื่องสิทธิตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ปี 2530 ที่สามารถใช้สิทธิอุทธรณ์ และฟ้องร้องคดีต่อศาลได้ ก็ต้องประมาณการขั้นตอนค่าอุทธรณ์และฟ้องร้องคดีเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ของจำนวนเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินแถมมาอีก
นี่แค่เรื่องถนนสายเดียวนะครับ ยังวุ่นกันปานนี้ ขนาดเพิ่งเริ่มด้วยค่าเวนคืน ค่าที่ดินค่าจัดกรรมสิทธิ์เท่านั้น แต่ถ้าสร้างแล้วเสร็จก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้สภาพการจราจรคล่องตัวขึ้น เพราะถนนที่ล้อมรอบแถบนั้น กระผมก็ไม่ค่อยอยากเดินทางไปในช่วงนี้เท่าไรนักหรอก
เพราะติดตลอดเวลา ถนนจะว่างก็หลังห้าทุ่ม เที่ยงคืนไปแล้วแหละครับ
อันที่จริงโครงการทางพิเศษ ที่วิ่งระหว่างเมืองจะช่วยแบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนปกติที่ไม่ต้องจ่ายสตางค์ ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อสังคม จึงมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงแต่ผลตอบแทนทางการเงินต่ำเพราะมีค่าลงทุนสูง นอกจากนี้ความเสี่ยงจากการที่ไม่สามารถปรับค่าผ่านทางตามแผนงานที่กำหนดไว้ และการเพิ่มสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ยิ่งทำให้การทางพิเศษมีปัญหาเพิ่มมากขึ้น
แต่ปัจจุบัน ฐานะการเงินและภาระหนี้สินของ กทพ. ก็เป็นหนี้มากพออยู่แล้วถ้าเป็นบริษัทปกติก็ไม่ควรจะลงทุนโครงการใหม่ แต่เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการขยายโครงข่ายทางพิเศษเพื่อรองรับปริมาณจราจรที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตจึงต้องดำเนินโครงการทางพิเศษสายรามอินทรา-วงแหวนรอบนอก
เรียกว่าเอาใจเจ้านายก็คงจะไม่ค่อยผิดเท่าไรนักนะครับ
ดินพอกหางหมูก้อนเบ้อเริ่มอยู่แล้ว มีดินเพิ่มขึ้นมาพอกอีกก็ต้องร้องขอกันมั่งละ
เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการได้ ไม่ให้ กทพ. มีปัญหาการเงินเพิ่มขึ้น รัฐควรให้เงินอุดหนุนระดับหนึ่ง ที่ทำให้ผลตอบแทนทางการเงินของโครงการใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยตลาดสำหรับโครงการทางพิเศษสายรามอินทรา-วงแหวนรอบนอก คาดว่าต้องกู้เงินเพื่อจ่ายค่างานก่อสร้างในช่วงปี 2549-2551 อัตราดอกเบี้ยอาจจะเพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 5.6 เป็นร้อยละ 6 หรือมากกว่า ด้วยเหตุนี้ผลตอบแทนของโครงการนี้ควรจะเป็นค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันและอนาคต คือ ประมาณร้อยละ 5.8
นี่ถ้าเป็นนักบริหาร คงต้องทำแผนการตลาดเล่มมหาศาลเชียวละ คนทำก็ต้องมีดีกรีกันมั่งละเงินมหาศาลขนาดนี้
สิริรวมแล้ว เห็นควรให้รัฐบาลสนับสนุนค่าก่อสร้างและค่าควบคุมของโครงการทางพิเศษสายรามอินทรา-วงแหวนรอบนอก ร้อยละ 48.7 ของวงเงินที่จ่ายจริง ตกประมาณ 3,262 ล้านบาท
ทำไมถึงต้องขอสนับสนุนแค่นี้ ก็เพราะถ้าผลตอบแทนของโครงการเท่ากับร้อยละ 5.8 รัฐบาลจะต้องให้เงินอุดหนุนค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงาน 3,429 ล้านบาท แต่ถ้ารวมรายได้ของโครงข่ายทางพิเศษที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากโครงการนี้ เงินอุดหนุนจะลดลงเหลือ 3,262 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 48.7 ของค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงาน
หลังจากอ้อนอยู่นาน หลวงท่านก็ให้เงินอุดหนุนแก่ กทพ. ในลักษณะการเพิ่มทุนของภาครัฐประกอบด้วย ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดเท่าที่จ่ายจริง ซึ่งประมาณการเบื้องต้นเป็นเงิน 7,011 ล้านบาท ค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานร้อยละ 48.7 ของวงเงินที่จ่ายจริง เรียบร้อยแล้ว
ก็แสดงว่า นอกจากจะต้องเสียค่าผ่านทางสำหรับการเดินทางบนเส้นทางพิเศษสายรามอินทรา-วงแหวนรอบนอกแล้ว ยังโดนเบียดบังเอาจากภาษีของพวกกระผมไปอีก 3,262 ล้านบาท
เป็ด หรือห่านเหล่านี้ คาดว่ายังคงออกไข่ทองคำไปได้อีกนานนะครับ เพียงแต่ฟองจะเริ่มเล็กลงเรื่อยๆ
เรื่องสุดท้ายก็อยากฝากผู้มีระเบียบปฏิบัติ ฝากดูเรื่องมอเตอร์แมกซีหน่อยนะครับว่าจะสามารถโกงมิเตอร์ ให้วิ่งเร็วกว่าปกติได้หรือไม่เพราะกระผมเพิ่งจะโดนมาเองขอรับ
นั่งอ่านตารางอัตราค่าโดยสารอยู่ที่เบาะหลัง แต่ตัวมิเตอร์วิ่งเร็วกว่าตารางที่นั่งอ่านจะทักพี่คนขับเขาก็เกรงใจ เงินไม่กี่บาทเอง เกรงว่าพี่คนขับเขาจะโกรธเอา
แค่เสียความรู้สึกเท่านั้นเองแหละครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52382