สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
โรเบิร์ท นอร์แมน
โวลโว เป็นรถสัญชาติสวีเดน ที่สามารถเทียบชั้นรถยุโรประดับหรูหราอย่าง บีเอมดับเบิลยูและเมร์เซเดส-เบนซ์ ได้อย่างไม่น้อยหน้าในตลาดบ้านเรา
"ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ โรเบิร์ท นอร์แมน ประธานบริหาร บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ถึงการเข้ามาสานต่อความสำเร็จของ โวลโว ในไทย
ฟอร์มูลา : ก่อนที่คุณจะมารับตำแหน่งประธานบริหาร โวลโว ในประเทศไทย คุณทำงานที่ไหนมาก่อน ?
โรเบิร์ท : ผมเป็นคนสวีเดน เกิดที่เมืองโกเทนเบิร์ก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ โวลโว เริ่มต้นทำงานที่ โวลโว คาร์ คอร์พอเรชัน ประเทศสวีเดน ตั้งแต่ปี 2519 และยังดำรงตำแหน่งระดับบริหารในประเทศอื่นๆทั่วโลก เช่น เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ และ แอฟริกาใต้ นอกจากร่วมงานกับ โวลโว แล้วยังเคยร่วมงานกับบริษัทรถยนต์ยี่ห้ออื่น แต่สุดท้ายก็กลับมา โวลโว เหมือนเดิม
ฟอร์มูลา : คุณเข้ามาทำงานที่ประเทศไทยตั้งแต่เมื่อไร ?
โรเบิร์ท : เมื่อ 3 ปีที่แล้วผมเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท สวีเดนมอเตอร์ จำกัด (มหาชน) จนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ เป็นประธานบริหาร บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยล่าสุดก่อนมาทำงานที่ประเทศไทย ผมเป็นกรรมการผู้จัดการ โวลโว คาร์ แอฟริกาใต้
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงได้รับการแต่งตั้งให้มารับตำแหน่งนี้ ?
โรเบิร์ท : ที่ผ่านมาผมทำงานกับ โวลโว มานานพอสมควร และมีประสบการณ์ในหลายประเทศซึ่งมีความแตกต่างกัน รวมถึงประเทศไทยมีโอกาสทำงานในส่วนของดีเลอร์ เพราะเคยเป็นดีเลอร์ในสวีเดนและแอฟริกาใต้ ด้วยประสบการณ์ทั้งสองด้านคือ การทำงานในส่วนของบริษัทแม่ และการเป็นดีเลอร์ในหลายๆ ประเทศจึงทำให้ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้
ฟอร์มูลา : จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคุณมองว่าการทำงานแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันหรือไม่ ?
โรเบิร์ท : มีทั้งเหมือนและแตกต่าง ซึ่งถ้าให้เทียบกับสวีเดน ซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่ แต่การทำงานหัวหน้ากับลูกน้องจะเปิดเผยและมีการสื่อสารกันแบบสองทาง โดยถือว่าทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกัน หากมีปัญหาหรือเรื่องคับข้องใจอะไรก็จะมีการพูดคุยตกลงกัน ส่วนแอฟริกาใต้และประเทศไทยจะคล้ายกันตรงที่ว่า ลูกน้องจะคาดหวังให้นายเป็นผู้สั่งการ แต่ส่วนที่ต่างกันก็คือในแอฟริกาใต้ทุกคนจะพูดอย่างตรงไปตรงมา ถ้ามีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันก็จะพูดออกมาตรงๆ ส่วนในประเทศไทยผู้ที่อยู่ในระดับล่างลงไปจะมีความอ่อนน้อมมากกว่า จนบางครั้งทำให้ผมคิดว่าผมสื่อสารไม่ดีพอ จีงไม่มีการตอบรับกลับมา เพราะผมชินกับการทำงานแบบฝรั่งมานาน
ฟอร์มูลา : ในการบริหารงาน โวลโว ประเทศไทย คุณจะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงด้านใดบ้าง ?
โรเบิร์ท : ผมเป็นคนสวีดิช ในเรื่องการจัดการบริหารก็คงเป็นแบบสวีดิช ซึ่งระบบการทำงานแบบนั้นจะเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในระดับใด เพื่อให้พนักงานเข้าใจระบบการทำงานแบบสวีดิช ส่วนตัวผมก็พยายามที่จะเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยเพื่อให้การสื่อสารของทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันง่าย ซึ่งจะทำให้การทำงานเกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ
ฟอร์มูลา : ตลาดรถยนต์ในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ?
โรเบิร์ท : โดยส่วนใหญ่นโยบายการตลาดของแต่ละประเทศจะไม่แตกต่างกันมากนักแต่จะมีการปรับให้เหมาะสมกับตลาดของประเทศนั้นๆ รวมถึงความต้องการของลูกค้าด้วยตัวอย่างตลาดในประเทศไทยไม่เหมาะกับรถเปิดประทุน เนื่องจากเป็นประเทศร้อน
ฟอร์มูลา : คุณวางนโยบายและทิศทางของ โวลโว ในไทยไว้อย่างไร ?
โรเบิร์ท : ผมคิดว่าแบรนด์ของ โวลโว ในประเทศไทยมีความแข็งแกร่งดีพอสมควรเพราะอยู่ในไทยมานานกว่า 30 ปี และยังมีภาพลักษณ์ที่ดี ซึ่งจะว่าไปแล้วรถ โวลโวที่อยู่ในเมืองไทยขณะนี้มีอยู่กว่า 40,000 คัน การสร้างรากฐานของนโยบายการตลาดของ โวลโว คือการสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของความคุ้มค่า คุณภาพในการผลิต การตรวจสอบสินค้าและความปลอดภัย ซึ่งเป็นที่ยอมรับของ โวลโว อยู่แล้ว
ส่วนสิ่งที่จะนำเสนอใหม่คือ สมรรถนะ เพราะตอนนี้รถ โวลโว ทุกรุ่นจะมีเทอร์โบ จึงถือได้ว่าสมรรถนะไม่เป็นรองใคร และอาจจะอยู่เหนือคู่แข่งหลายๆ ยี่ห้อ ซึ่งในอนาคตจะมีการนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มาเสริมตลาด เพื่อสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงส่งเสริมการขายของดีเลอร์ ที่บริษัทมีแผนที่จะสร้างให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยจะเน้นที่การบริการ
ฟอร์มูลา : รถใหม่ที่จะนำเข้ามาเสริมตลาดในปีหน้า จะมีกี่รุ่น ?
โรเบิร์ท : ถ้าเป็นรุ่นใหม่ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะการนำรถรุ่นใหม่เข้ามาต้องดูความพร้อมในหลายด้าน รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคด้วย แต่สิ่งใหม่ที่จะนำมาเสริมตลาดคือ รถที่มีเครื่องยนต์ดีเซล โดยเหตุผลที่นำเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามานั้นไม่ได้เกี่ยวกับราคาน้ำมันเบนซินที่มีราคาเพิ่มขึ้นแต่ในระยะยาวผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์จากการบริโภคน้ำมันที่น้อยกว่าเพราะเครื่องยนต์ดีเซลจะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันน้อย ซึ่งนอกจากนี้ในแผนระยะกลางและยาวบริษัทยังมองถึงเครื่องยนต์ใหม่สำหรับรถ โวลโว หลายๆ รุ่น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค และการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด
ฟอร์มูลา : ในส่วนของดีเลอร์คุณวางแผนไว้อย่างไรบ้าง ?
โรเบิร์ท : ที่ผ่านมาในปีที่แล้ว โวลโว ได้ขยายดีเลอร์เพิ่มขึ้น 3 ราย ในกรุงเทพ ฯ โดยปีนี้ช่วงครึ่งปีแรกจะเน้นการปรับปรุงรูปแบบโชว์รูมและศูนย์บริการที่มีอยู่เดิมให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นส่วนการขยายเพิ่มบริษัทมองว่าขณะนี้ดีเลอร์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพียงพอแก่ความต้องการของผู้บริโภคคือ ในกรุงเทพ ฯ และในต่างจังหวัด 11 แห่ง แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้จะไม่มีการขยายโชว์รูมหรือศูนย์บริการพิ่มขึ้น บริษัทก็จะไม่หยุดนิ่งในเรื่องของการบริการ โดยจะเสริมการบริการที่ดีให้แก่ผู้บริโภค ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด
ฟอร์มูลา : นอกจากรถเครื่องยนต์ดีเซลที่จะมีจำหน่ายในปีหน้าจะมีรถที่ใช้พลังงานทดแทนเข้ามาเสริมบ้างหรือเปล่า ?
โรเบิร์ท : รถ โวลโว ในยุโรป จะมีรถที่ใช้เครื่องยนต์ BI-FUEL ENGINE ซึ่งได้กับน้ำมันทั่วไป และแกสธรรมชาติ แต่ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงของการทดสอบถึงความเป็นไปได้ของรถประเภทนี้ซึ่งคาดว่าในปีหน้าคงไม่ทันสำหรับการนำเข้ามาจำหน่าย โดยสาเหตุของการพัฒนารถประเภทนี้มาใช้ในประเทศไทยเนื่องจากอัตราภาษีค่อนข้างต่ำ แต่หากมีการใช้งานอย่างจริงจังคงจะประสบปัญหาเนื่องจากสถานีบริการแกสยังมีอยู่น้อยมาก โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ส่วนการใช้น้ำมันแกสโซฮอลนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ฟอร์มูลา : สำหรับรถเครื่องยนต์ดีเซลคุณวางแผนที่จะนำเข้ามาจำหน่ายสักกี่รุ่น ?
โรเบิร์ท : ในช่วงแรกคงจะนำมาเพียงรุ่นเดียวก่อน คือ รุ่น เอส 80 สาเหตุหนึ่งเพราะว่าการพัฒนาเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้ในประเทศต้องใช้เวลาพอสมควร ส่วนรุ่นอื่นๆ คงต้องใช้เวลาที่กำหนดแน่นอนไม่ได้
สาเหตุที่บริษัทแนะนำรถรุ่นนี้ก่อนเพราะมั่นใจว่าตลาดมีความต้องการเครื่องยนต์ดีเซล สำหรับรถรุ่นนี้ แต่อย่างไรก็ตามต้องดูการตอบรับของผู้บริโภคด้วยว่าจะเป็นอย่างไร จึงจะตัดสินใจต่อไปได้ว่าจะนำเข้ารุ่นอื่นต่อไปหรือไม่ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับประเทศยุโรปแล้วมีความต้องการเครื่องยนต์ดีเซลเป็นจำนวนมากจนผลิตไม่ทัน
ฟอร์มูลา : สำหรับรถรุ่นนี้จะผลิตในประเทศไทยใช่หรือไม่ ?
โรเบิร์ท : ในส่วนของเครื่องยนต์จะนำเข้ามาจากต่างประเทศหลังจากนั้นจะนำมาประกอบในประเทศไทย
ฟอร์มูลา : โวลโว จะนำรถประเภทเอมพีวีเข้ามาทำตลาดบ้างหรือไม่ ?
โรเบิร์ท : โวลโว มองที่จะนำรถหลายประเภทเข้ามาจำหน่ายในไทย เพื่อสร้างทางเลือกให้แก่ลูกค้าแต่สำหรับรถ เอมพีวี คงจะไม่ใช่ในอนาคตอันใกล้นี้
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าตลาดรถยนต์ของประเทศไทยในปีหน้าจะเป็นอย่างไรบ้าง ?
โรเบิร์ท : ผมคิดว่าตราบใดที่เศรษฐกิจไทยยังเติบโตอยู่ ตลาดรถยนต์ของไทย โดยเฉพาะรถยนต์นั่งก็น่าจะยังโตอยู่ ถึงแม้ว่าปีนี้จะไม่โตเท่าปีที่แล้ว แต่อย่างไรในอนาคตจะต้องมีการเติบโตอย่างแน่นอน
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่ามีปัจจัยอะไรที่ทำให้ตลาดเติบโต ?
โรเบิร์ท : เศรษฐกิจจะเป็นตัวชี้ถึงการเติบโตของตลาด เพราะเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ผู้บริโภคก็จะมีเงินมากขึ้น โดยเฉพาะที่ผ่านมาประเทศไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนักทำให้ตลาดตกต่ำแต่ในปีที่ผ่านมาตลาดเติบโตขึ้นมากกว่าก่อนวิกฤติเศรษฐกิจเสียอีก
อีกส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากวัฏจักรของการเปลี่ยนรถใหม่ เนื่องจากรถในแต่ละรุ่นจะมีอายุการใช้งานรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ก็มีรถรุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาหรือการผ่อนชำระ จุดนี้เองที่จะช่วยกระตุ้นให้คนอยากซื้อรถเพิ่มขึ้น
ฟอร์มูลา : ในความคิดของคุณคิดว่าตลาดรถหรูในปีหน้าจะเป็นอย่างไร ?
โรเบิร์ท : ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดรถหรูไม่มีการเติบโตเเลย จะมีก็แต่ เมร์เซเดส-เบนซ์ กับบีเอมดับเบิลยูที่โตขึ้นบ้าง ซึ่งสาเหตุที่ตลาดรถหรูไม่เติบโตอาจเป็นเพราะตลาดรถระดับกลางและล่างมีการเติบโตที่สูงมาก และช่องว่างระหว่างรถหรูกับรถระดับกลางและล่างก็มีค่อนข้างสูง ดังนั้นหากตลาดรถหรูจะมีการเติบโตบ้างก็คงไม่น่าจะมีมาก
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าตลาดรวมของรถหรูในปีนี้จะเป็นอย่างไร รวมถึงการตั้งเป้ายอดขายของ โวลโวด้วย ?
โรเบิร์ท : ตลาดรวมในปีนี้คาดว่าจะโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 5-10 % ส่วนยอดขายของ โวลโว ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,200 คัน ในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มยอดขายอีกประมาณ 10-15 %
ฟอร์มูลา : โวลโว จะใช้กลยุทธ์อะไรสำหรับการแข่งขันในตลาดรถหรู ?
โรเบิร์ท : ในเชิงนโยบายจะเน้นไปที่การสร้างแบรนด์ แต่ถ้ามองไปที่ผู้บริโภคจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือกลุ่มบริษัท องค์กรต่างๆ ที่สั่งสินค้าเป็นรถของบริษัทหรือเป็นรถของผู้บริหาร อีกส่วนหนึ่งคือกลุ่มครอบครัว ตัวอย่างรถสำหรับผู้บริหารเชื่อว่าในระดับราคา คุณภาพ ความสะดวกสบาย ในตลาดนี้ โวลโว คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งของตลาดเมืองไทย จริงๆ แล้วไม่อยากเปรียบเทียบในเรื่องของยี่ห้อแต่หากเทียบกับรถคู่แข่งในระดับเดียวกันในเรื่องความคุ้มค่าของราคาจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดรวมถึงเรื่องของอะไหล่ที่ลูกค้าจะมองว่ามีราคาแพง ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ถ้าให้เปรียบเทียบกันจริงๆ โวลโว ยืนยันได้เลยว่าไม่ได้มีราคาสูงกว่าคู่แข่งแต่อย่างใด
ฟอร์มูลา : คุณวางเป้าหมายของ โวลโว ในระยะ 3-5 ปี นี้ไว้อย่างไรบ้าง ?
โรเบิร์ท : เป้าหมายของ โวลโว คือจะต้องมีการเติบโตมากกว่านี้ซึ่งหากมียอดขายที่สูงขึ้นก็จะทำให้ดีเลอร์ประสบความสำเร็จ และเกิดความพอใจ
ฟอร์มูลา : ในส่วนของการผลิตคุณวางแผนไว้อย่างไร ?
โรเบิร์ท : ปัจจุบันโรงงานผลิตรถ โวลโว และ แลนด์ โรเวอร์ ซึ่งแน่นอนคือต้องการมียอดการผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่วนในเรื่องของ FTA ที่จะมีผลบังคับใช้ในอนาคต ทางโรงงานก็จะมีการปรับปรุงเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดต่างๆ โดยโรงงานของ โวลโว ในประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นโรงงานที่ดำเนินงานมาเป็นเวลานานกว่า 30 ปีแล้ว ในเรื่องของคุณภาพรับรองได้ว่าได้มาตรฐานเหมือนกับโรงงาน โวลโว ในต่างประเทศอย่างแน่นอน เพราะ โวลโว มีการประเมินคุณภาพที่สูงมาก
ฟอร์มูลา : ในปัจจุบันโรงงานมีกำลังการผลิตเท่าไร ?
โรเบิร์ท : โรงงานมีกำลังการผลิต 10,000 คัน/ปี และมีการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ปีละ1,300คัน
ฟอร์มูลา : จากการทำงานกับ โวลโว มาเป็นเวลานาน คุณรู้สึกภูมิใจ กับผลงานอะไรมากที่สุด ?
โรเบิร์ท : ผลงานที่ผมภูมิใจมากที่สุดจนถึงตอนนี้ คือผลงานที่แอฟริกาใต้ โดยการทำงานเพียง 2 ปี โวลโว สามารถเพิ่มยอดขายจาก 1,200 คัน เป็น 4,000 คัน นอกจากนี้ยังขยายดีเลอร์เพิ่มขึ้นจาก 13 เป็น 26 ราย
ฟอร์มูลา : คุณใช้กลยุทธ์อะไรในการสร้างความสำเร็จในครั้งนี้ ?
โรเบิร์ท : แต่เดิมตั้งแต่ปี 2537 การจำหน่ายรถ โวลโว ในแอฟริกาใต้เป็นตัวแทนจำหน่ายจนกระทั่งในปี 2543 บริษัทแม่เข้าไปทำตลาดเอง และได้มีการแนะนำรถรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดทำให้โวลโว ประสบความสำเร็จ รวมถึงก่อนหน้านี้ โวลโว ไม่ได้ทำตลาดอยู่ระยะหนึ่งเนื่องจากเกิดปัญหาในเรื่องของการเหยียดสีผิว แต่เมื่อกลับมาทำตลาดใหม่ผู้บริโภคที่ยังมีแบรนด์รอยัลทียังมีอยู่ ทำให้ โวลโว ประสบความสำเร็จ
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : ราชวัตร แสงจันทรา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52322