โค้งอันตราย
เรื่องของเงิน
โค้งหนนี้ว่ากันด้วยเรื่องของเงิน ที่ใครๆ ก็ชอบกันดีกว่านะครับ ดูว่าในรอบเดือนธันวาคมมันบานสะพรั่งกันมากขนาดไหน
ช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีรายการประชันสวนสนุก ในเมืองกับนอกเมือง ข่าวว่ามีผู้ไม่เจียมสังขารควักเงินเล่นเครื่องเล่นอย่างสนุกสนาน ถึงแม้จะราคาสูงลิ่ว แต่พอไปเล่นแบบเสียวสุดๆ เข้าหัวใจวายไปหลายราย แต่ชำระเงินค่าเล่นเกมไปแล้ว ไม่สามารถเรียกร้องคืนได้
แต่ที่แน่ๆ ข่าวปิดกันเงียบเชียว นี่ก็ มันนี แมทเตอร์ นั่นแหละครับ
ส่วนคุณพ่อคุณแม่ที่หลงผิด พาลูกหลานเข้าไปเล่นสวนสนุกนอกเมือง ได้แต่ส่ายหน้าพูดไม่ออกเพราะต้องควักใบละพันกันแทบทั้งนั้น เพราะมีตุ๊กตาล่อใจสารพัด
นานๆ มาทีก็แล้วกันนะครับ อย่ามากันให้บ่อยนักเป็นดี
ส่วนที่เมืองทองธานี เงินจองรถยนต์ก็สะพรั่ง เริ่มต้นกันที่ห้าพันบาท จนเป็นแสนบาทในรายการมหกรรมยานยนต์ รวมทั้งเงินที่เลือกซื้ออุปกรณ์ประดับรถยนต์ เครื่องเสียง ค่าผ่านประตูร้านอาหารฟาสต์ฟูด เบียร์การ์เดน เงินปลิวกันว่อน
ถัดมาก็เป็นเรื่องของการเฉลิมฉลอง มีวันหยุดยาวกันสองหน แถมด้วยเฉลิมฉลองปีใหม่กันอีกเรียกว่ามีเงินเอาไว้เฉลิมฉลองกันอย่างเดียว ออกนอกเมืองรถติดกันระนาว เงินไปปลิวไสวอยู่แถบบางแสน พัทยา ชะอำ หัวหิน
ที่น่าสนใจก็คือ มีรายงานการสำรวจความคิดเห็นของมนุษย์เงินเดือน จากสปาแอดเวอร์ไทซิงเผยแพร่ออกมา โดยสำรวจทั้งชาย-หญิง ที่มีเงินเดือนหมื่นห้าขึ้นไป รายได้ครอบครัวสองหมื่นขึ้นไป ทำงานภาคเอกชนวัยหนุ่มสาว อายุ 20-39 ปี คาดหวังกันว่าจะได้โบนัส 3.3 เดือนเงินเดือนขึ้น 8.6 %
ในเรื่องการปรับเงินเดือนขึ้นนั้น 72 % มั่นใจว่าจะได้ปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นในปีหน้า โดยจะได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ย 8.6 % ต่อปี เนื่องจากองค์กรที่ทำงานอยู่มีแนวโน้มเติบโตสูง
วางแผนใช้เงินในปลายปีฉลองปีใหม่ คนละ 11,958-12,148 บาท โดยเซนทรัล และเดอะมอลล์เป็นจุดที่จะใช้จ่ายสูงสุด
สำหรับพรที่อยากให้กรุงเทพมหานครดีขึ้น กลุ่มตัวอย่าง 42 % อยากให้กรุงเทพ ฯ รถติดน้อยลงและปัญหาจราจรน้อยลง เป็นอันดับแรก รองลงมา 20 % อยากให้อากาศดี มีความบริสุทธิ์ 12 % อยากให้เมืองสะอาดและพัฒนาสภาพแวดล้อม รวมทั้งมีสวนสาธารณะเพิ่มขึ้น
อ้อ ตอนนี้ก็มีเปิดข้างศูนย์สิริกิติ์ อีกหนึ่งแห่งแล้วนะครับ ได้ชื่อพระราชทานว่า "สวนเบญจกิติ"
ส่วนสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนอยากให้รัฐบาลทั้งคณะทำอะไรในปีใหม่ 19 % ขอให้แก้ไขปัญหาความยากจน และทุกคนมีงานทำเป็นลำดับแรก 18 % ขอให้ความสันติสุขกลับคืนภาคใต้ และ 17 % ขอให้รัฐบาลไม่คอร์รัพชัน เป็นของขวัญปีใหม่ และ 6 % ขอให้รัฐบาลจัดงานปีใหม่ให้คนไทยทั้งประเทศ
ฝ่าย CONSUMER INSIGHT สรุปว่า ในปี 2547 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ เป็นปีที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการวิเคราะห์จากความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง ที่มองโอกาสการเติบโตของธุรกิจและองค์กรในเชิงบวก แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง
เรื่องอันดับต่อไปนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องเขียนเชียวครับ เพราะเกี่ยวข้องกับเงินๆ ทองๆ
อันดับแรกเป็นเรื่องของการปรับอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ โดย กระทรวงแรงงานเป็นเจ้าภาพ ปรับอัตราค่าจ้างร้อยละ 3 เท่ากันในทุกอัตรา ยกเว้นตำแหน่งผู้ว่าการ
ส่วนตำแหน่งต่ำกว่าผู้อำนวยการฝ่าย จะได้รับค่าจ้างสูงกว่าอัตราที่ปรับเพิ่มร้อยละ 3 ตามอัตราค่าจ้างใหม่อีก 2 ขั้น ก็เรียบร้อยโรงเรียนรัฐวิสาหกิจไปแล้ว
อีกเรื่องสำหรับลูกจ้างตาดำๆ ทั้งหลาย คณะกรรมการค่าจ้างกลาง ประชุมนัดแรกก็ยืนยันขึ้นค่าจ้างแน่นอน โดยมีกระทรวงแรงงานเป็นเจ้าภาพ ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง โดยมีประธานสภาองค์การลูกจ้างแห่งประเทศไทย ออกมาบอกว่า ที่ขอไปจากค่าแรงขั้นต่ำ 170 บาท ขอให้ขึ้นค่าจ้างเป็นวันละ 200 บาท นั้นไม่สามารถทำได้
แต่ก็ยังยืนยันว่าจะมีการขึ้นค่าจ้างแน่นอน คาดว่าในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลจะขึ้นได้เป็น 175 บาท ส่วนจังหวัดอื่นๆ ก็ลดหลั่นกันไปตั้งแต่ 1-3 บาท
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งประกาศมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 สูงสุด คือ กทม. 170 บาท/วัน ต่ำสุด คือ 133 บาท/วัน มี เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ยโสธร สุรินทร์ และอุบลราชธานี
กระผมเองก็ลูกจ้างเต็มอัตราเหมือนกันครับ ได้ยินข่าวพวกนี้แล้วก็ให้กระชุ่มกระชวย มีแรงต้อนรับปีใหม่ ชนิดเงินปลิวไสวกับเขาเหมือนกัน เพราะค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น เจ้านายของกระผมคงไม่ใจไม้ไส้ระกำ ไม่ยอมขึ้นเงินเดือนให้พวกกระผมแน่นอน รับรองได้
เพราะมิเช่นนั้น คอลัมน์นี้ก็จะเขียนแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ แต่อย่างเดียวไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสะดุดตาผู้บริหารเข้าจนได้แหละครับ
เรื่องสุดท้าย เข้าเรื่องเศรษฐกิจโลกกันหน่อย เพราะเศรษฐกิจเราเองก็ต้องผูกอยู่กับของโลกและการส่งออกของเราด้วย โดยมีแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2548 จะเข้าสู่ช่วงชะลอตัวให้สัมภาษณ์โดยสำนักวิจัยธนาคาร ไทยธนาคาร
แต่อย่างไรก็ตาม ผลพวงของการขยายตัวในอัตราที่สูงในปี 2547 ส่งผลต่อเนื่องให้เศรษฐกิจโลกปี 2548 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องแต่เป็นการขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง
ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลกนอกจากจะถูกท้าทายด้วยภาวะราคาน้ำมันแพงแล้ว ยังคงเผชิญกับความท้าทายอีกหลายประการ ได้แก่ เสถียรภาพการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐ ฯ ลดลงภายใต้ TWIN DIFICIT ที่เรื้อรังและมีแนวโน้มขาดดุลมากขึ้น จากการบริโภคของคนสหรัฐ ฯ ส่งผลให้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงขึ้นต่อเนื่องและดุลการคลังที่ขาดดุลจำนวนมหาศาล จากนโยบายลดภาษีเพื่อกระตุ้นการบริโภค ภาระทางด้านสาธารณสุขที่สูงขึ้นจากช่วงยุค BABY BOOM การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งบทบาทที่เพิ่มขึ้นของบรรษัทข้ามชาติต่อการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการเติบโตของปริมาณการค้าในแต่ละภูมิภาค
โอ้โฮ นี่พูดยังกับเป็นดอคเตอร์เลยนะเนี่ย นี่เล่าแค่สหรัฐ ฯ ประเทศเดียวนะ
เปล่าหรอกครับ เอามาจากของดอคเตอร์นั่นแหละ ทำเป็นโก้ไปยังงั้นเอง
ก็เหมือนอย่างที่คาดการณ์กันนั่นแหละครับ
ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี 2547 จะขยายตัว 4.4 % และยังคงขยายตัวต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ชะลอตัวลงในปี 2548 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 2.3 ญี่ปุ่นเริ่มมีสัญญาณหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด จากการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน การเพิ่มขึ้นของรายได้ และราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความเปราะบาง เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศ มีความอ่อนแอ และยังต้องพึ่งพาการขยายตัวของภาคการส่งออกเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการขยายตัวเศรษฐกิจ
เอากันแค่สองประเทศคงพอนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นสรุปสภาวะเศรษฐกิจโลกไปแต่ก็อย่างว่าแหละครับ พูดกันไปพูดกันมา ก็ยังไม่พ้นเรื่องของเงินไปได้ เพราะเราต้องค้าขายเกี่ยวข้องกับสองประเทศนี้ มากมายมหาศาล เอาแค่เรื่องโรงงานรถยนต์จากสองประเทศนี้ ที่มาตั้งอยู่ในเมืองไทย ก็ทำเงิน สร้างงาน จ่ายภาษี กันไม่รู้เท่าไหร่
ปี 2548 นี่ยิ่งเพิ่มการส่งออกมากขึ้น ก็ยิ่งทำหัวอกบรรดาลูกจ้างค่ายยานยนต์ รู้สึกดีมากยิ่งขึ้นเพราะนั่นหมายความว่า เงินโบนัสปลายปี ต้องได้แน่นอน ขึ้นอยู่กับการต่อรองของสหภาพแรงงานเท่านั้น
แหม ! พวกกระผมทำนิตยสารกันนี่ ก็รู้สึกตาร้อนขึ้นมาหน่อยๆ แล้วนะครับ เพราะเจ้านายพวกกระผม ไม่นิยมชำระเป็นเงินสดครับ
แกนิยมให้เดินทางต่างประเทศแทน แถมบังคับให้ไปกันทุกปีอีก
โก้กว่ากันหรือเปล่าจ๊ะ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52316