สักยันต์

"เชิญ...ครับ...เชิญ เชิญมารู้จัก วิชาอาคม ผมเก่งยิ่งนัก เป็นอาจารย์สักชื่อเสียงโด่งดัง รูปอะไรสักได้ทุกอย่าง หมี ม้า ลา ช้าง ค่าง ลิง สิงโต เพี้ยง...จึกๆ ๆ ๆ" ลูกทุ่งครับ เพลงชนบทไทย ศิลปินคือ เพลิน พรหมแดน ว่าด้วยวิชาการ "สักยันต์" ของไทย มีชื่อเสียงก้องโลก แม้ดาราภาพยนตร์ของฮอลลีวูดอย่าง แองเจลินา โจลี ยังต้องลง "เสือเผ่น" กับอาจารย์สักของเมืองไทย ล่อไว้ที่กลางแผ่นหลังอันขาวสะอาด ไล่ลงไปลึกเกือบถึงแก้มก้น อาจารย์ไทยที่ลงรูปเสือให้หล่อนคืออาจารย์หนู ผมรู้จักนางเอก แองเจลินา โจลี เป็นครั้งแรกจากภาพยนตร์แอคชันที่หล่อนเป็นดารานำแสดงเรื่อง "ทูมบ์ เรเดอร์" (TOMB RAIDER) ได้รับการต้อนรับจากแฟนหนังในเมืองไทยค่อนข้างมาก โจลี เป็นดาราสาวสวย ตอนนี้ก็ 29 ฝนแล้ว ได้รับการโหวทให้เป็นผู้หญิงเซกซีที่สุดในโลกจัดอันดับโดยนิตยสาร "ESQUIRE" เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รูปร่างสะดุดตาผู้ชายอย่างผมมาก ข่าวสารเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนี้ได้รับความสนใจจากผมด้วยดี ผมได้ข่าวว่าหล่อนสนใจในความเป็นตะวันออก มีบ้านของตัวเองอยู่ที่กัมพูชา ในตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ทูมบ์ เรเดอร์" ภาค 1 มีตอนที่เกี่ยวพันกับดินแดนเขมร และมีพระสงฆ์เข้าในฉากด้วย ลายสักยันต์ หรือการสักยันต์เป็นศิลปะอย่างหนึ่งของไทย เริ่มมีมาแต่ครั้งสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีจนถึงวันนี้ แผ่นดินผลัดแล้วผลัดเล่า แต่วิชาอาคมลงสักนี้ไม่เคยสูญพันธุ์ ไม่เคยแสดงเทรนด์ว่าต้องถึงกาลดับสูญ มีความเชื่อกันว่า ลายสักเหมาะสำหรับชายไทยที่ต้องออกรบ เมื่อชายฉกรรจ์คนใดได้รับการลงสักยันต์ต้องด้วยคาถาอาคมแล้ว ย่อมถือเป็นเครื่องรางป้องกันตนเองให้รอดพ้นจากคมหอกคมดาบอริราชศัตรู แถมเป็นขวัญกำลังใจอย่างเลิศล้ำในการรบทัพจับศึกเพื่อให้ได้ชัยชนะกับแผ่นดินแม่-ที่เกิดของตน จากสมัยโบราณมาจนถึงสมัยนี้ ความเชื่อของผู้คนเปลี่ยนไปตามโลกาภิวัตน์ ซึ่งตกทอดมาถึงสมัยนี้ ผู้คนไม่จำเป็นต้องคว้าดาบออกไปรบ นั่งอยู่เฉยๆ ในห้องทำงานก็รบได้แล้ว ด้วยวิธีกดรีโมทคอนโทรล หนุ่มสาวมองอาคมนี้เป็นการ "โชว์-ออฟ" เป็นความเท่ และทันสมัย กับความมีเสน่ห์ ยินดีลงสักวางไว้ในจุดที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ไปแอบอยู่แผ่นหลังยุ้ยลงมาที่แก้มก้นเหมือนสาวเต็มตัว โจลี ณ เขมร แองเจลินา โจลี ไม่ได้สักแค่รูปเสือเผ่นอย่างเดียว แต่ยังได้มีการลงอักขระมหาเศรษฐีไว้ด้วยกลางแผ่นหลังสีนวลตา ใต้อุ้งบาทาหลังของเสือที่น่าริษยาตัวนั้น คนอีกคนที่ทำให้ผมอิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันทีเป็นผู้ชาย ชื่อ อาจารย์หนู กันภัย ท่านเป็นอาจารย์สักให้แก่นางเอกสาวชื่อดังของโลก สำนักของท่านอยู่ข้างวัดตลาดเหนือ ตำบลบางขะแยง อ.เมือง จังหวัดปทุมธานี การเดินทางไปสำนัก ให้เริ่มต้นที่เลยสะพานนวลฉวีไปทางนอกเมือง 3 กิโลเมตรโดยประมาณจะถึงวัดตลาดเหนือ เลาะวัดเลยไปอีก 50 เมตร จะพบบ้านไม้สองชั้น หน้าบ้านเหมือนเป็น ลานจอดรถ จยย. เพราะมี จยย. จอดอยู่หลายสิบคัน อาจารย์หนูมีศิษย์ผ่านการทเรนมาแล้วสามคน เป็นคณะทำงานเกี่ยวกับการลงอักขระ สำหรับตัวอาจารย์หนูเอง นุ่งขาวห่มขาว มีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ความสามารถในการลงเข็มของอาจารย์หนูเป็นความสามารถเฉพาะตัว ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ แม้เป็นเข็มอย่างเดียวกัน แต่ของอาจารย์นั้นจะผ่านการตกแต่งใหม่ด้วยมือของอาจารย์หนูเอง เพื่อให้การสัมผัสระหว่างเข็มกับแผ่นเนื้อเป็นไปอย่างเบาบาง ชนิดที่ว่า "มดกัดยังเจ็บกว่า" โจลี ณ เขมร สักยันต์ลงอักขระ 5 แถวหนุนดวง ด้วยความเชื่อว่าจะทำให้สิ่งร้ายของชีวิตกลายเป็นดี มีคุณทางเมตตามหานิยม ปราศจากภยันตรายในการเดินทางไปเหนือล่องใต้ ไม่มีใครทำอะไรได้ต้องแพ้ภัยตนเอง โจลี ให้อาจารย์หนูลง ใช้เวลาประมาณ 1 ใน 4 ของ 60 นาที หรือ 1 ควอร์เตอร์ของเกมฟุตบอลอเมริกัน เมื่อปี 46 หลังจากนั้นชีวิตของสาวเต็มตัว โจลี ก็กลับมาดีขึ้น "ทูมบ์ เรเดอร์" มีภาคที่สอง เสือเผ่นของ โจลี มาทำเมื่อปีนี้เอง เป็นเสือเผ่นแบบ "เสือเผ่นแว้งหลัง" มีคุณในทางเมตตาโชคลาภ ใช้เวลาสักประมาณ 2 ชั่วโมง เริ่มจากหัวลงไปแล้วตามด้วยสักอักขระคุณพระ หัวใจเศรษฐี โชคลาภหนุนดวง เป็นลายอักขระขอมไทยล้อมตัวเสือ ศิลปะหัตถอาคมของอาจารย์หนูระดับไหน นางเอกสาวฮอลลีวูดเป็นผู้ให้คะแนน เพราะหลังจากทำพิธีเสร็จบริบูรณ์ โจลี ถึงกับระเบิดเสียงด้วยความปีติออกมาว่า "I LOVE IT." อาจารย์หนูยังหนุ่ม แต่การสักยันต์อักขระของท่าน จะไม่ทำตรงบริเวณหน้าท้อง หน้าสะดือ หรือหน้านม-ไม่ว่านมเล็ก นมใหญ่-เพราะสิ่งนี้เป็นของคุณพระ เป็นของสูงวางต่ำไม่ได้เลย ส่วนตรงบริเวณอื่นทำได้หมดอย่างบริเวณช่วงหลังเป็นต้น อาจารย์หนู กันภัย สนใจในเรื่องของคาถาอาคมมาแต่เล็ก องค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความสนใจก็คือ สภาพแวดล้อมในท้องถิ่นของอาจารย์หนู ส่วนการบวชเรียนได้บวชเณรตั้งแต่อายุ 14 ปีที่วัดระหาน บางบัวทอง นนทบุรี ต่อมาได้บวชเป็นพระ เล่าเรียนวิชาอาคมคาถา ออกธุดงค์ ปฏิปทางธุดงควัตรจำไม่ได้ว่าบวชเป็นพระไปกี่พรรษา แต่ได้ย้ายมาอยู่ที่วัดตลาดเหนือเมื่อปี 28 เมื่อเริ่มเข้ามาวัดตลาดเหนือ เป็นเวลาที่เจ้าอาวาสเดิมมีปัญหา อาจารย์หนูต้องทำหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสแทน การเป็นพระของอาจารย์หนูอาจเข้ากันได้ดีกับชีวิตของท่าน แต่เป็นพระด้วยและมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าอาวาส ท่านอาจต้องพบปัญหามากขึ้นกว่าปกติ ทำให้ท่านอาจเกิดความเบื่อหน่าย จึงได้สึกออกมาอยู่บ้านไม้สองชั้น ไม่ไกลจากเขตขันธสีมาของวัดตลาดเหนือสักเท่าไร อาจารย์หนู พูดถึงหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ซึ่งเป็นหลวงพ่อที่ท่านได้เข้าไปศึกษาวิชาอาคมด้วย หลวงพ่อพูลได้มอบตำราสร้างสิงห์ สร้างหนุมานให้กับอาจารย์หนู ชีวิตของอาจารย์หนูอาจผ่านคนดังๆ มาแล้วหลายคนหลายอาชีพ แต่ในทางที่เกี่ยวกับภาพยนตร์แล้วท่านก็เคยได้รับการติดต่อจากท่านมุ้ย (มจ. ชาตรีเฉลิม ยุคล) ออกแบบยันต์ของฝ่ายกองทัพไทย และฝ่ายกองทัพพม่า ในภาพยนตร์ยิ่งใหญ่เรื่อง "สุริโยไท" ต่อมาก็ยังได้เป็นผู้ดีไซจ์นแบบอักขระลงยันต์ให้กับภาพยนตร์ไทยอีกหลายเรื่อง รวมทั้ง "นายขนมต้ม" "มหาอุตม์" และ "ขมังเวท" เป็นเรื่องล่าสุด การสักนั้น ญี่ปุ่นหรืออินเดียก็คลุ้มคลั่งไม่เบา แต่ของไทยเราน่าเป็นศิลปะที่ควรแก่การอนุรักษ์ไว้และสมควรได้รับการยกย่องว่า เป็นมรดกไทย มากกว่าเป็น OTOP หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ถ้าได้มีแต่อาจารย์ที่ดี รักษาคุณธรรมและความเป็นของสูงของอาคมคาถา การสักแบบไทย จากประเทศไทย และ MADE IN THAILAND คงกระหึ่มไปทั่วโลก ที่จริงใครอยากสักก็สักได้ แต่ต้องระวังเอดส์ เพราะวิธีการลงสักยันต์นั้นใช้อะไรอื่นไม่ได้นอกจาก "เข็ม" อันอาจเป็นพาหะนำเชื้อ HIV มาสู่ตัวผู้ได้รับการลงยันต์ได้ ถ้าการรักษาความสะอาดของอุปกรณ์ไม่ดีพอ หรือเป็นผู้หญิงยิงเรือ ขึ้นไปหาอาจารย์แบบไม่ดูหัวหลักหัวตอ ก็อาจพบเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องที่เป็นคุณอันเป็นของที่ต้องการ เพราะอาจารย์สมัยนี้ยากที่จะแยกแยะออกว่าไผเป็นไผ ขอกลับไปที่ โจลี ณ เขมร อีกสักรอบ ผู้หญิงยอดเซ็กซีของผมคนนี้ หล่อนไม่ได้มีของดีจากอาจารย์หนูเพียงท่านเดียว ตามเนื้อตัวที่น่าสัมผัสของหล่อนยังมีรอยสักอื่นอีกมาก เช่น รูปมังกรที่แขนเบื้องซ้าย DRAGON ON LEFT ARM หรือรูปกางเขนที่หน้าต้นขา CROSS ON THIGH รวมทั้งบริเวณอื่น น่าสนใจบริเวณหน้าท้อง หล่อนสักภาษาละตินมีความว่า "QUOD ME NUTRIT ME DESTRUIT" แปลว่า "สิ่งที่หล่อเลี้ยงฉัน ย่อมมาทำลายฉัน" "WHAT NOURISHES ME ALSO DESTROY ME..." สุภาษิตละตินหลายประโยค มีถ้อยคำชวนให้คิด และน่าเชื่อว่าเป็นความจริงไปตามที่กล่าวขึ้นเสมอประโยคนี้ก็เหมือนกันผมอ่านแล้ว อดคิดไม่ได้ถึงความหมายแบบลึก ก็แล้วอะไรล่ะที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้หญิง ถ้าไม่ใช่ผู้ชาย และก็จะเป็นอะไรเสียอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่ผู้ชายของหล่อน ที่ทำลายได้ จะให้ผมนึกถึง "เข็ม" หรือ ? บ้านะครับคุณ !!