ร่มไม้ชายศาล
เอารถไปขายซ้ำ
บัดนี้คนบ้านเราพากันซื้อรถยนต์กันอย่างครื้นเครง รายการดาวน์น้อย ผ่อนนาน ฟันดอกเบี้ยบานเบิก เช่นเดียวกับก่อนยุคฟองสบู่แตกหวนกลับคืนมาอีก เหมือน "รีเพลย์" หนังชีวิตม้วนเดิมๆ ยังไงยังงั้น
สาธุ ขอภาวนาอย่าให้ฟองสบู่แตกอีกรอบหนึ่งก็แล้วกัน ไม่อยากเห็นความวิบัติซ้ำซากเกิดขึ้นในบ้านเรา แต่ถ้าอะไรมันจะเกิดก็คงจะเกิดขึ้นจนได้ จริงไหมโยมเอ๋ย หนาว
เมื่อมีรถใช้รถกันแบบนี้แล้ว อยากจะบอกเจ้าของรถยนต์เกี่ยวกับความปลอดภัยอยู่เรื่องหนึ่ง
ครับ ตามปกติพวงกุญแจรถของเราๆ ท่านๆ มักจะมี "กุญแจบ้าน" เอย "กุญแจตู้" เอย รวมอยู่ในพวงเดียวกัน พอไปใช้บริการคาร์แคร์ บริการตามอู่ซ่อม บริการร้านอาหาร "สรรพกุญแจ" ที่เราหวงแหนมักจะตกอยู่ในความครอบครองของคนอื่น โดยเราไม่เฉลียวใจหรือระมัดระวัง
มิจฉาชีพหรือคนชั่วสามารถกอพพีกุญแจต่างๆ ของเราได้สบายโก๋ เมื่อมันรู้บ้านช่องห้องหอของเรา รู้ที่อยู่ของเรา จากเอกสารในรถ นามบัตร หรือการสะกดรอย นั่นหมายความว่าโจรห้าร้อยสามารถเข้าไปโจรกรรมภายในบ้านของเราได้อย่างหวานคอแร้ง ไม่ต้องออกแรงงัดหรือพังประตูให้เมื่อยตุ้ม
สำหรับเจ้าของรถที่เป็นผู้หญิงยิงเรือยิ่งอันตราย เมื่อโจรมันมีกุญแจ สามารถบุกเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราชำเขาได้ไม่ยาก มีคนโดนมาแล้ว
ฉะนั้น เมื่อใดที่เราปล่อยให้รถอยู่ในความครอบครองของคนอื่น อย่าแถมพวงกุญแจอื่นๆ นอกเหนือกุญแจรถให้ไปด้วยเป็นอันขาด ถ้าท่านไม่อยากซวย ไม่อยากเคราะห์ร้ายจากโจรภัย ซึ่งจนกระทั่งบัดนี้รัฐบาลที่คุยฟุ้งในทุกเรื่องยังช่วยอะไรไม่ได้ นับวันแต่จะหนักหนาสาหัสขึ้นไปเรื่อยๆ ครับผม
มาว่ากันถึงคดีความของเราอย่างเคยนะครับ คดีนี้เป็นเรื่องของการเช่าซื้อรถ "นายกระทรวง" แกเป็นนักการเมืองระดับดาวรุ่ง แต่ยังไม่ทันมีโอกาสเป็นเจ้ากระทรวงเหมือนชื่อ เมื่ออยากนั่งรถเก๋งคันหรูหน่อย เจ้าตัวจึงต้องตะเกียกตะกายผ่อนส่งกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ชั้นแนวหน้าซึ่งบัดนี้ล้มคว่ำไปแล้ว
บริษัทเงินทุนไม่ได้ทำรถขึ้นมาเอง ต้องไปซื้อเขามาอีกทอดหนึ่งเพื่อขายแบบเงินผ่อนและหากินทางดอกเบี้ย ดูๆ แล้วน่าจะไม่มีข้อยุ่งยาก บริษัทที่ขายรถให้แบบเงินสดก็เป็นบริษัทที่เล็กกว่า ไม่น่าจะมีพิษสงอะไร
ปรากฎว่ามีเหตุจนได้ เพราะความไว้วางใจในฐานะที่เคยซื้อขายกันหรือยังไงไม่ทราบ ไม่มีการยื่นหมูยื่นแมว รับเงินไปโอนรถมาทันที ทะเบียนรถจึงอยู่กับ "บริษัทแมวแมวจำกัด" ผู้ขายรถให้บริษัทเงินทุน นายกระทรวง ได้รถไปขับขี่เข้าสภาก็จริง แต่ไม่มีทะเบียนรถอยู่ในมือ
หลังสุดมีปัญหา เมื่อ นายกระทรวง ขับรถไปเฉี่ยวชนรถมอเตอร์ไซค์ รถถลอกไปตามเรื่อง จึงส่งรถเข้าซ่อมที่บริษัทแมวแมว ทางบริษัทบอกว่าเจ็ดวันเสร็จ แต่มันไม่เป็นยังงั้น ผู้จัดการบริษัทผัดผ่อนไปเรื่อย นายกระทรวงไม่ได้ใช้รถจนแล้วจนรอด
นายกระทรวง ไปยืนแยกเขี้ยวใส่ บริษัทเงินทุน เอ็งขายรถอีท่าไหน ต่อทะเบียนให้อั๊วก็ไม่ได้ ส่งซ่อมตั้งนานสองนานก็ไม่ได้รถคืน ยังดีนะที่ตอนนี้อั๊วเป็นแค่ สส. ไม่ทันได้เป็นรัฐมนตรี ไม่งั้นน่าดู อั๊วเล่นงานลื้องอมพระรามแน่ๆ ไม่เห็นเหรอ พลตรีจำลอง คนดีคนดังขนาดไหน พอติติงรัฐบาลเข้าหน่อย รัฐมนตรีช่วยคนหนึ่งยังเล่นงาน กัดเอาเหวอะหวะ จนชาวบ้านออกมาโวยว่าเป็นรายการเนรคุณกันทั้งก๊ก
บริษัทเงินทุน อยู่ไม่ได้ ให้พนักงานไปตรวจเชคที่กองทะเบียนว่ามันเป็นยังไงกันแน่ ได้ความว่ารถที่ขายให้บริษัทเงินทุน และนายกระทรวง เช่าซื้อ มีการจดทะเบียนโอนให้ "นางทองล้น" ไปนานแล้วแถม นางทองล้นยังเอาไปให้คนอื่นเช่าซื้อ ผ่อนส่งอยู่ 3 งวดแล้วไม่ไหว ยึดรถคืนมา รถอยู่กับ นางทองล้น นั่นแหละ
สรุปง่ายๆ บริษัท แมวแมว จำกัด ซิกแซก ขายรถให้ บริษัทเงินทุน แล้ว พอรถส่งกลับมาซ่อมที่บริษัท เลยเห็นเป็นโอกาสเหมาะ เมื่อทะเบียนรถยังอยู่ในมือ จึงจดทะเบียนโอนขายให้ นางทองล้น เอาเงินมาใช้อีกรอบหนึ่ง หมายความว่ารถคันเดียว ขายเบิลมันสองต่อ รับเงินสดมาสองต่อ เอากะมันสิ
เมื่อได้ความดังว่า บริษัทเงินทุน ต้องแสดงความบริสุทธิ์ต่อ นายกระทรวง จ้างทนายยื่นฟ้องบริษัทแมวแมว เป็นจำเลยที่ 1 นางทองล้น เป็นจำเลยที่ 2 ขอให้เพิกถอนการซื้อขายรถระหว่างจำเลยเสีย ให้จดทะเบียนโอนรถมาเป็นของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และให้อยู่ในความครอบครองของ นายกระทรวง ผู้ผ่อนส่ง ให้ส่งมอบทะเบียนรถนั้นด้วย ส่งมอบไม่ได้ให้กรมการขนส่งออกให้ใหม่ ขัดขืนให้ถือเอาคำตัดสินแทนการแสดงเจตนา คืนรถให้ บริษัทเงินทุน ถ้าทำไม่ได้ ให้ชดใช้ราคารถทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย
บริษัทแมวแมว จำเลยที่ 1 คงเจ๊งไปแล้วจากการหากินชั่วๆ จึงไม่โผล่หน้ามาสู้คดี ผู้จัดการคือนายสิระ (ชื่อจริงเสียงจริง) หายหัวไปไหนไม่รู้
นางทองล้น สู้คดี ให้การว่าซื้อรถมาโดยสุจริต ไม่รู้มาก่อนว่ามีการขายรถให้บริษัทเงินทุนไปก่อนที่สำคัญคือการขายรถให้ บริษัทเงินทุน ทำในนามของ นายสิระ เอกสารการเสนอขายรถไม่ได้มีตราของ บริษัทแมวแมว ประทับไว้ บริษัทแมวแมว จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวด้วย บริษัทเงินทุน ไม่มีอำนาจฟ้องพวกตน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาถี่ละเอียดแล้วเห็นว่าเป็นไปตามที่ นางทองล้น ต่อสู้ จึงชูมือให้ นางทองล้นชนะคดี พิพากษายกฟ้องของ บริษัทเงินทุน เสีย
เรื่องไม่เกมง่ายๆ บริษัทเงินทุน ผู้เป็นโจทก์ยื่นอุทธรณ์ เพื่อเอาชนะ แต่แห้วอีกยกหนึ่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
กลายเป็นหนังชีวิตเรื่องยาว บริษัทเงินทุน ดิ้นรนจนเฮือกสุดท้ายด้วยการยื่นฎีกา
ศาลฎีกาเหม่อมองดูคดีนี้ด้วยความเมื่อยล้า แต่ก็ต้องพิจารณาด้วยความเมื่อยขบ หลังจากนั้นจึงชี้ขาดตัดสินออกมาว่า
ใบเสนอขายรถระบุแต่ชื่อของ นายสิระ ก็จริง ไม่ประทับตรา บริษัทแมวแมว ก็จริง แต่เวลาจ่ายเงินจ่ายทองมีการรับไว้ในนามบริษัท นายสิระ เป็นกรรมการบริษัทแต่เพียงผู้เดียว ถือว่าบริษัทแมวแมว ขายรถให้ บริษัทเงินทุน โดย บริษัทแมวแมว ให้สัตยาบันแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ นายสิระ ขายรถให้ บริษัทเงินทุน เป็นการส่วนตัวดังที่ นางทองล้น อ้าง และศาลล่างสองศาลเห็นเช่นนั้น
ประเด็นที่ว่าใครมีสิทธิ์ดีกว่ากันนั้น เมื่อได้ความว่า บริษัทแมวแมว ขายรถให้ บริษัทเงินทุน ไปก่อนแล้ว ขายเงินสด แม้ยังไม่จดทะเบียนโอน รถก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ บริษัทเงินทุน ไปแล้ว ทะเบียนไม่ใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ เป็นเพียงเอกสารที่มีไว้เพื่อความสะดวกในการควบคุมของเจ้าพนักงานเท่านั้น การที่ บริษัทแมวแมว นำรถไปขายให้ นางทองล้น จึงไม่มีผล เพราะ บริษัทแมวแมว ไม่ใช่เจ้าของรถ ไม่มีสิทธิดีกว่า บริษัทเงินทุน นางทองล้น ซื้อมาโดยสุจริตก็ยัน บริษัทเงินทุน ผู้เป็นเจ้าของแท้ๆ ไม่ได้
ศาลฎีกาจึงพิพากษากลับ ให้โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในรถพิพาท ให้เพิกถอนการจดทะเบียนระหว่างบริษัทแมวแมว กับ นางทองล้น ให้จำเลยจดทะเบียนโอนรถให้ บริษัทเงินทุนโดยอยู่ในความครอบครองของ นายกระทรวง ขัดขืนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยคืนรถให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย คืนรถไม่ได้ให้ชดใช้ราคาพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง จนกว่าชำระเสร็จ
บทจะโกง คนบ้านเรามันโกงกันอย่างด้านๆ โกงกันดื้อๆ หน่อยรถเกิดอุบัติเหตุ เขาส่งรถไปซ่อมดันขายรถให้คนอื่นซะนี่
ความยุ่งยากเกิดจากความประมาทของบริษัทเงินทุนนั้นด้วย ซื้อรถเงินสดทั้งทีดันหละหลวม ไม่รับโอนทางทะเบียนให้เรียบร้อย เปิดช่องเปิดคางให้คนโกงมันหากิน
คนที่ซวยไปด้วยคือ นายกระทรวง เช่าซื้อรถแล้วเจอแบบนี้ พี่แกคงต้องหารถคันอื่นใช้ เพราะเป็นความยาวนานเหลือเกิน รถที่พิพาทผุไปแล้วกระมังคดีถึงเสร็จในปี 2545 หลัดๆ นี่เอง
ถามว่า นายกระทรวง รู้ตัวก่อนไหมว่ามันจะมีปัญหาเกิดขึ้น แน่นอนไม่มีทางรู้ เพราะการเช่าซื้อรถมาขี่กันทั้งประเทศ คนเช่าซื้อไม่มีโอกาสเห็นทะเบียนรถตัวจริงเลย จนกว่าจะตะเกียกตะกายกัดฟันผ่อนเสร็จ ถ้ามีจังหวะพวกเส็งเคร็งมันก็เอาทะเบียนไปจำนำ หรือเอารถไปขายใหม่อีกรอบอย่างคดีนี้แล
เรื่องโดย : "จอมยุทธ"
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52260