ประกันภัย
เรื่องวุ่นๆ ประกันภัยตาม พรบ. กับวันต่อภาษีประจำปี
ตามที่เคยนำเสนอความเห็นเรื่องนโยบายจัดระเบียบประกันตาม พรบ. โดยกรมการขนส่งทางบกประกาศบังคับให้เจ้าของรถจะต้องทำประกันภัยผู้ประสบภัยจากรถและนำหลักฐานไปยื่นพร้อมกับการต่อป้ายทะเบียนรถมิฉะนั้นกรมขนส่งก็จะไม่ต่อทะเบียนรถให้ โดยจะเริ่มเคร่งครัด อีกครั้งในเดือนกันยายน 2547 เป็นต้นไป โดยกรมการประกันภัยมีนโยบายยืดขยายให้กรมธรรม์ประกันตาม พรบ. มาหมดอายุวันเดียวกับวันต่อทะเบียนรถเพื่อความสะดวกในการดำเนินการในครั้งเดียวกันทั้งนี้เพราะจากข้อมูลการทำประกันตาม พรบ. ปัจจุบันมีรถที่ทำประกันตาม พรบ. เพียง 50-60 % เท่านั้น ยังมีรถอีกกว่า 10 ล้านคันไม่ได้ทำประกันตาม พรบ.
และผู้เขียนได้แสดงความเห็นโดยเชื่อว่าในทางปฏิบัตินโยบายดังกล่าวคงไม่ได้ผล เพราะการที่จะให้เจ้าของรถยอมเสียเงินค่าต่อประกัน พรบ.และค่าภาษีป้ายพร้อมๆ กัน คงเป็นไปได้ยาก เท่าที่ผ่านมายังค้างชำระจำนวนมาก ยิ่งต่อไปค่าภาษีป้ายสูงขี้นอีกก็ยิ่งจะมีผู้ค้างภาษีมากยิ่งขึ้นเป็นเงาตามตัว ในเรื่องนี้ผู้เขียนเคยเสนอให้รวมค่าเบี้ยประกันไว้ในภาษีป้ายทะเบียนเลยที่เดียว แต่ให้คิดที่อัตราถูกลงกว่าปัจจุบัน ประมาณ 20-25 % เนื่องจากไม่ต้องจ่ายค่าบำเหน็จแก่ตัวแทนนายหน้าซึ่งทุกวันนี้แต่ละบริษัทประกันภัยก็ไม่ได้ขายตามอัตราที่กรมประกันภัยกำหนดคือขายต่ำกว่า 10-30 %อยู่แล้ว
สิ่งที่ส่อเค้าเริ่มปรากฏให้เห็นหลังจากประกาศได้มีผลใช้บังคับในวันแรกก็เกิดความวุ่นวายโกลาหลยกใหญ่ คนที่ไปต่อทะเบียนแล้วไม่ได้รับความสะดวก ออกมาตำหนิกรมการขนส่งและกรมการประกันภัยอย่างรุนแรงผ่านสื่อต่างๆ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ รวมไปถึงกล่าวอ้างถึงความไม่โปร่งใส ความไม่ชอบมาพากลของประกาศดังกล่าว มีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทประกันภัยตั้งบูธรับประกันในกรมขนส่ง ทำให้กรมการขนส่งทางบกต้องออกมาแถลงข่าวปฏิเสธพัลวัน
โดยนายปิยะพันธุ์ จัมปาสุต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยืนยันไม่มีเรื่องหัวคิวเอื้อประโยชน์ให้บริษัทประกันภัยบางรายเข้าร่วมโครงการตั้งบูธรับประกันภัยภาคบังคับในพื้นที่ของกรม ฯ หลังมาตรการบังคับให้รถต้องทำประกันก่อนต่อทะเบียนภาษีรถยนต์ตั้งแต่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวปฏิเสธข่าวที่ระบุว่า กรมการขนส่งทางบก กินหัวคิวจากบริษัทประกันวินาศภัยบางราย โดยเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเข้าไปตั้งบูธในพื้นที่สำนักมาตรฐานงานทะเบียน และภาษี กรมการขนส่งทางบก เพื่อรับประกันภัยจากประชาชนที่มายื่นขอต่อทะเบียนภาษีรถประจำปี และต้องทำประกันภัยภาคบังคับก่อนการต่อทะเบียน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2547
นายปิยะพันธุ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบก ไม่เคยบังคับให้ประชาชนต้องทำประกันภัยกับบริษัทประกันที่มาตั้งบูธในพื้นที่ของกรม ฯ และสามารถไปต่อประกันภัยจากบริษัทประกันภัยทุกแห่งก่อนมาต่อทะเบียนรถประจำปีก็ได้
สำหรับผลของมาตรการประกันภัยภาคบังคับรถที่มาต่อทะเบียนประจำปี ซึ่งที่ผ่านมา อาจทำให้ประชาชนยังไม่เข้าใจ และไม่ได้รับความสะดวกบ้าง นายปิยะพันธุ์ ยอมรับว่า อาจมีการประชาสัมพันธ์น้อยไป เนื่องจากการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานราชการมีขั้นตอนยุ่งยากบ้างซึ่งหลังจากนี้จะเร่งเผยแพร่ความเข้าใจในวงกว้างมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มาตรการประกันภัยภาคบังคับของรถที่มาต่อทะเบียนประจำปี กรมการขนส่งทางบกคาดหวังว่า จะสามารถเพิ่มจำนวนรถที่มีการทำประกันภัยภาคบังคับให้ได้มากที่สุด จากตัวเลขร้อยละ 67 ของรถทุกประเภท และทำให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ สามารถทำให้เกิดการประกันภัยภาคบังคับได้ภายในต้นปี 2548 หลังจากมีการปรับปรุงระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น.-(ที่มาสำนักข่าวไทย)
ด้านของสมาคมประกันวินาศภัยซึ่งเป็นศูนย์รวมของบริษัทประกันภัย ปัจจุบันสมาคมประกันวินาศภัยมีสมาชิกซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ ประกันวินาศภัย รวมทั้งสิ้น 72 บริษัท ได้โดดออกมารับหน้าแทนแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยสมาคมประกันวินาศภัยได้ออกแถลงการณ์ว่า สมาคม ฯ ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก และกรมการประกันภัย ได้จัดให้มีหน่วยรับประกันภัย พรบ. ฯ ทำการขยายระยะเวลาประกันภัยแทนบริษัทประกันวินาศภัยทุกบริษัทในพื้นที่กรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ทั้ง 4 เขตในกรุงเทพ ฯ ส่วนในต่างจังหวัดสาขาบริษัทประกันวินาศภัยจะเป็นผู้ดำเนินการขยายระยะเวลาประกันภัยดังกล่าว ดังนั้นหากมีบุคคลใดเสนอแนะให้ท่านยกเลิกการทำประกันภัย พรบ. ฯ ฉบับเดิมและทำประกันภัย พรบ. ฯ ฉบับใหม่ ขอได้โปรดอย่าหลงเชื่อและกรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งดูโดยภาพรวมแล้วก็จะทำให้เห็นว่าไม่มีบริษัทหนึ่งบริษัทใดได้รับผลประโยชน์โดยตรงกับการประกาศนโยบายดังกล่าวเพียงบริษัทเดียวเพราะดำเนินการโดยสมาคม ฯ แทนที่จะเป็นบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ทั้งนี้เป็นการอำนวยเพื่อความสะดวกและเพื่อประโยชน์ของท่านเจ้าของรถ จึงขอให้ท่านกรุณาติดต่อบริษัทประกันภัยหรือตัวแทนของบริษัทประกันภัยที่ท่านทำประกันภัยไว้ เพื่อขยายระยะเวลาประกันภัยให้วันสิ้นอายุการประกันภัยตรงกับวันสิ้นอายุภาษีรถในปีถัดไป หรือ จะใช้บริการของหน่วยรับประกันภัย พรบ. ฯ ทำการขยายระยะเวลาประกันภัยแทนบริษัทประกันวินาศภัยทุกบริษัท ในพื้นที่กรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ทั้ง 4 เขตในกรุงเทพ ฯ ส่วนในต่างจังหวัด จะใช้บริการสาขาบริษัทประกันภัย ก็ได้
แต่ประชาชนก็ยังไม่พอใจในนโยบายที่ประกาศใช้อย่างกะทันหันอยู่ดี ทำให้กรมการประกันภัยต้องออกคำสั่งขยายระยะเวลาความคุ้มครองกรมธรรม์ตาม พรบ. อัตโนมัติออกไปอีก 90 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและให้ผู้ที่ยังไม่ได้ปรับขยายกรมธรรม์ประกัน พรบ.ให้ตรงกับวันสิ้นอายุภาษีรถในปีถัดไป ได้มีเวลาดำเนินการ คำสั่งอธิบดีกรมการประกันภัยในฐานะเป็นนายทะเบียนประกันภัย ลงวันที่ 10 กันยายน 2547 มีเนื้อหาโดยสรุปคือ
คำสั่งนายทะเบียน (อธิบดีกรมการประกันภัย) เรื่อง " ให้ใช้เอกสารแนบท้ายกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถว่าด้วยการขยายระยะเวลาคุ้มครองโดยอัตโนมัติ" เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระให้แก่เจ้าของรถซึ่งต้องจัดทำประกันภัยรถตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ปี 2535 ในการยื่นชำระภาษีรถประจำปีต่อกรมขนส่งทางบกอาศัยอำนาจตามมาตรา 29 วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย ปี 2535 นายทะเบียนจึงมีคำสั่ง ดังนี้
1. ให้ขยายระยะเวลาประกันภัยตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถโดยอัตโนมัตินับจากวันสิ้นสุดระยะเวลาความคุ้มครองตามที่ระบุในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัย เป็นวันเดียวกับวันสิ้นสุดอายุภาษีรถประจำปีของปีถัดไป แต่ไม่เกิน 90 วัน
2. การขยายระยะเวลาความคุ้มครองโดยอัตโนมัติตามข้อ 1 ให้ใช้กับกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถที่ได้เอาประกันภัยไว้ก่อนวันที่ 1 กันยายน 2547 และวันสิ้นสุดอายุภาษีรถประจำปีระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2547 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547
3. ให้ใช้แบบและข้อความเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ว่าด้วยการขยายระยะเวลาคุ้มครองโดยอัตโนมัติ ตามที่แนบท้ายคำสั่งนี้
4. การใช้เอกสารแนบท้ายนี้ ให้ใช้ได้กับกรมธรรม์ประกันที่ออกโดยบริษัทประกันภัยตามราชชื่อที่ปรากฏในเอกสารแนบท้ายคำสั่งนี้เท่านั้น
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 10 กันยายน 2547 สั่งโดยนางสาวพจนีย์ ธนวรานิชอธิบดีกรมการประกันภัย นายทะเบียน
สำหรับเอกสารแนบท้ายกรมธรรมคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถว่าด้วยการขยายระยะเวลาคุ้มครองโดยอัตโนมัติ(AUTOMATIC EXTENSION) มีข้อความดังนี้
เป็นที่ตกลงว่าถ้าข้อความในเอกสารนี้ขัดหรือแย้งกับข้อความในกรมธรรม์ประกันภัยให้ใช้ข้อความในเอกสารนี้บังคับแทน
"กรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถทุกฉบับ ของบริษัทประกันภัยตามรายชื่อแนบท้ายที่เอาประกันภัยก่อนวันที่ 1 กันยายน 2547 และหมดอายุกรมธรรม์ก่อนวันสิ้นสุดอายุภาษีรถประจำปีถัดไปให้ขยายความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยออกไปเป็นวันเดียวกับวันสิ้นอายุภาษีรถประจำปีของปีถัดไป ทั้งนี้ การขยายอายุความคุ้มครองจะไม่เกินกว่า 90 วัน และไม่เกินวันที่ 30 พฤศจิกายน 2548 โดยผู้เอาประกันภัยตกลงยินยอมให้บริษัทประกันภัยขยายระยะเวลาคุ้มครองดังกล่าวและตกลงจะชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมตามส่วน โดยใช้อัตราเบี้ยประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยที่หมดอายุ"
"ส่วนเงื่อนไข และข้อความอื่นๆ ในกรมธรรม์ประกันภัยคงใช้บังคับตามเดิม"
อย่างไรก็ดีการออกคำสั่งของกรมการประกันภัยกับประกาศกรมการขนส่งทางบกซึ่งอยู่กันคนละกระทรวงกันยังตีความกันไปละทิศละทาง เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการของกรมขนส่งยังยึดประกาศเดิมอยู่ เรื่องนี้จึงยังวุ่นวายไม่จบโดยง่ายแน่ต้องคอยติดตามกันต่อไปนะครับ
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52257