สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
สุนทร งามเกิดศิริ
จากจุดเริ่มต้นของการเป็นนายหน้าขายรถมือสอง จนกระทั่งเป็นผู้นำเข้ารถยนต์จากยุโรป และญี่ปุ่น รวมทั้งความมุ่งมั่นที่จะสร้างนักขายรถยนต์มือสอง คาร์เซ็นเตอร์ เน็ตเวิร์ค ฯ จึงเปิดอบรมเทคนิคนักขายรถยนต์มือสอง เพื่อให้คนไทยมีอาชีพเสริม และสร้างโอกาสให้แก่คนว่างงาน
"ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ สุนทร งามเกิดศิริ ประธานกรรมการบริหาร ซีอีโอ บริษัท คาร์เซ็นเตอร์ เน็ตเวิร์ค จำกัด
ฟอร์มูลา : ความเป็นมาของคุณในวงการรถยนต์ ?
สุนทร : ผมเริ่มเป็นนายหน้าขายรถมือสองตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว โดยเริ่มต้นจากคนใกล้ชิด
และถือว่ารายได้ดีเนื่องจากจะมีลูกค้ามาซื้อหรือขาย จะได้ค่าคอมมิสชันทั้ง 2 ทาง
หลังจบการศึกษา เริ่มทำงานเป็นเป็นเซลส์ขายรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ ทำอยู่ 2-3 ปี
ก็ได้เลื่อนเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย จนกระทั่งเมื่อปลายปี 2541 ย้ายมาเปิดบริษัท มอเตอร์เวย์ จำกัด
ทำธุรกิจรถยนต์นำเข้าจากยุโรป และญี่ปุ่น จนถึงปัจจุบันมีลูกค้าให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องกว่า
1,000 คัน
ฟอร์มูลา : เพราะอะไรจึงสนใจธุรกิจนำเข้ารถยนต์อิสระ ?
สุนทร : ผมอยากมีรถของตนเอง ใฝ่ฝันอยากขับ เมร์เซเดส-เบนซ์ ช่วงทำงานกับ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่ง 8-9 ปีก่อน เมร์เซเดส-เบนซ์ ขายดีมาก โดยเฉพาะรุ่น 190 อี ภายใน 35 วันยอดจองถึง 1,000 คัน
จึงทำให้ตัดสินใจเปิดบริษัท มอเตอร์เวย์ จำกัด นำเข้ารถยุโรป และญี่ปุ่น เช่น เมร์เซเดส-
เบนซ์/มีนี/แจกวาร์/โฟล์คสวาเกน/บีเอมดับเบิลยู/มาซดา/โตโยตา และ เลกซัส โดยมีนโยบายว่าจะนำเข้ามาก่อน และมีออพชันมากกว่า แต่เมื่อตัวแทนจำหน่ายนำเข้ามาแล้ว บริษัทก็จะเลิกจำหน่าย
เนื่องจากมีการดัมพ์ราคากัน
ฟอร์มูลา : ทำไมไม่เป็นดีเลอร์ ?
สุนทร : ช่วงนั้น เมร์เซเดส-เบนซ์ จะมี 2 ส่วน คือ เบนซ์ ธนบุรี และนำเข้าอิสระ การเป็น เบนซ์ ธนบุรี ต้องเป็นดีเลอร์ ระเบียบการค่อนข้างมาก และไม่ชอบทำอะไรที่มีคนมาบงการ หรือตีกรอบให้เรา ผมชอบความเป็นอิสระ การทำธุรกิจรถนำเข้าสามารถสั่งรถที่มีออพชันมากกว่าของธนบุรี 10-20 รายการ และจะมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ชอบรถนำเข้า และมีข้อได้เปรียบในเรื่องของการบริการที่รวดเร็วตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เร็วกว่า จึงใช้ช่องว่างส่วนนี้มาบริการ
นอกจากนี้จะเห็นว่ารถใหม่ในแต่ละปีมีแนวโน้มที่เปลี่ยนไปตลอด สมัยก่อนรุ่นหนึ่ง 10 ปีเปลี่ยนโมเดล แต่ปัจจุบัน 2-3 ปีเปลี่ยนแล้ว ส่วนรถญี่ปุ่นไมเนอร์เชนจ์ทุกปี เป็นจุดที่มีความหลากหลาย
ฟอร์มูลา : ปัจจุบันรถนำเข้าเป็นอย่างไรบ้าง ?
สุนทร : มอเตอร์เวย์ จะมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่วิภาวดี ส่วนเครือข่ายมีอยู่ 4 สาขา ซึ่งจะไม่ได้ใช้ชื่อมอเตอร์เวย์ ใช้ชื่อแตกต่างกัน คือ เอส ออโต, ควอลิตี, คาร์ และ 911 เป็นกลยุทธ์การตลาดของบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมาปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่จะไม่ดูรถเพียงโชว์รูมเดียว รวมถึงการต้อนรับของพนักงานแต่ละสาขาด้วยว่าเป็นอย่างไร บางครั้งลูกค้าอาจจะไม่ซื้อที่สาขาวิภาวดี แต่ไปซื้อที่เครือข่ายของบริษัท ส่วนเมื่อซื้อแล้วสามารถนำรถเข้ารับบริการได้ทุกสาขา
ฟอร์มูลา : บริษัท คาร์เซ็นเตอร์ เน็ตเวิร์ค จำกัด เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
สุนทร : เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2546 โดยคิดเสมอว่าเมื่อ 10 ปีก่อน เราไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงนายหน้ารถยนต์มือสอง แต่วันนี้ประสบความสำเร็จ จึงคิดว่าทำอย่างไรให้คนรุ่นหลังมีโอกาส เพราะในบางครั้งมีความรู้ ความสามารถ แต่ขาดโอกาสก็จะประสบความสำเร็จยาก ที่ผ่านมาผมมีความตั้งใจ เรียนรู้ตลอด แล้วก็มีสังคม มีลูกค้าให้โอกาส ผู้ใหญ่สนับสนุนรวมถึงการให้การสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคาร ทำให้ผมมีวันนี้ และจุดเริ่มต้นของชีวิตในวันนี้คือ การเป็นนายหน้ารถยนต์มือสอง
ที่ผ่านมาการทำงานที่ไม่ต้องใช้เงินทุน หรือลงทุนน้อยจะมีอยู่ 2 อาชีพ คือ ขายประกัน และขายตรง ส่วนการขายรถมือสองยังไม่มีใครทำ แล้วก็ไม่มีใครอยากแนะนำ เพราะก่อนที่ผมจะเปิดอบรมเรื่องนี้หลายคนไม่เห็นด้วย เพราะถ้าเปิดมาแล้วคู่แข่งมาก และเรื่องนี้เป็นเหมือนวิชาชีพ คนทำรถมือสองถ้าไม่ใช่ญาติพี่น้อง เพื่อน ทำธุรกิจตรงนี้ จะไม่มีใครเปิดเผย เพราะจะเป็นการชี้ช่อง และสำหรับรถยนต์ในปัจจุบันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมามียอดขายกว่า 530,000 คัน ส่วนรถเก่ายอดขายโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 1 ล้านคัน และรถที่จดทะเบียนในระบบมีประมาณ 22-23 ล้านคัน เห็นว่าตลาดกว้างมาก
อุตสาหกรรมยานยนต์ ถือเป็นยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับสอง ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะมีอีโคคาร์ ตลาดจะมีสีสันมากขึ้น ตลาดรถมือสองยังเป็นจุดที่น่าสนใจอยู่ ยิ่งรถใหม่ขายดี รถมือสองก็จะมากขึ้น ทำให้เน้นในเรื่องของ คาร์เน็ตเวิร์ค ฯ เพราะเป็นงานสร้างงาน สร้างอาชีพให้คนส่วนใหญ่ ใครก็ทำได้ แต่การเป็นตัวแทนจำหน่ายนั้นจะต้องใช้เงินลงทุนมากไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ถ้า คาร์เน็ตเวิร์ค เป็นนายหน้ารถยนต์ มีรายได้เดือนละประมาณ 60,000-70,000 บาท ถ้าขยันก็สามารถขายได้ถึงแสน และไม่ต้องลงทุน ซื้อมาขายไป จนถึงระดับหนึ่งจะมีฐานลูกค้า
การขายรถยนต์ไม่ใช่การซื้อขายรถเพียงอย่างเดียว แต่มีรายได้ที่เป็นส่วนควบหลายอย่าง เช่น ประกันรถ พรบ. อุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ปัจจุบันมีอีกอาชีพหนึ่งคือ รับจ้างเอกซเรย์รถ
สิ่งสำคัญของการเปิดอบรมเทคนิคนักขายรถยนต์มือสอง เพื่อให้คนมีอาชีพอีกอาชีพหนึ่งในเรื่องของรถยนต์ เพราะหลายคนอยากมีอาชีพเสริม อาชีพเพิ่ม แต่ไม่ชอบงานประกัน ขายตรง ชอบเรื่องรถแต่ไม่มีคนแนะนำ ก็จะแนะนำในเรื่องรถให้ คิดอยู่เสมอว่าคนเมื่อไม่มีโอกาส และเราให้โอกาส สามารถเลี้ยงตัวเอง และครอบครัวได้ ต่อไปก็อยากให้บริษัทเป็นศูนย์กลางในเรื่องของกลุ่มสมาชิกที่จะให้บริษัทเป็นเซนเตอร์ในการประสานงานเรื่องรถต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถเก่า หรือรถใหม่
ฟอร์มูลา : ในหลักสูตรการอบรมเทคนิคนักขายรถยนต์มือสอง มีเรื่องอะไรบ้าง ?
สุนทร : สิ่งแรกที่เน้นมากในหลักสูตรคือ เรื่อง จรรยาบรรณ อยากสร้างผู้ประกอบการนักขายรถยนต์ในอนาคตให้มีเข็มทิศในเรื่องนี้ คนที่จะประกอบการที่จะทำธุรกิจเรื่องรถมีคุณธรรม จรรรยาบรรณ ซื่อสัตย์ในวิชาชีพ เราก็ได้สร้างงาน สร้างคน สร้างคุณค่าให้แก่สังคมเพิ่มมากขึ้น
สำหรับการอบรมนั้นจะใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้น โดยจะให้การอบรมในเรื่อง จรรยาบรรณ การบำรุงรักษาดูแลรถเบื้องต้น เทคนิคการดูรถเก่า สัญญาซื้อขายรถเก่า ช่องทางการทำธุรกิจรถเก่า เมื่อสิ้นสุดการอบรมก็จะมีการแนะแนววิชาการตลาดด้วยว่าจะมีช่องทางการทำงานอย่างไร
ฟอร์มูลา : เป้าหมายของ คาร์เซ็นเตอร์ ฯ เป็นอย่างไร ?
สุนทร : การเปิด คาร์เซ็นเตอร์ ฯ มีเป้าหมายเพื่อให้เป็นอาชีพเสริมให้กับคนที่ไม่มีงานทำ และอยากทำงาน แต่พอเปิดแล้วคนกลุ่มนี้จะมีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีงานทำอยู่แล้ว แต่อยากมีรายได้เสริม รวมถึงชอบเรื่องรถ
นอกจากนี้ยังมีความตั้งใจว่าในอีก 3-4 ปีข้างหน้าจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นบริษัทของคนไทย และลูกศิษย์ของ คาร์เซ็นเตอร์ ฯ สามารถที่จะต่อยอดธุรกิจไปในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งมีประชากรเป็นจำนวนมาก ส่วนธุรกิจนำเข้ารถยนต์บริษัท ฯ มียอดขายปีละ 400-500 คัน ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว และลูกค้าก็ให้ความไว้วางใจบริษัทด้วยดีตลอดมา
ฟอร์มูลา : จะมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
สุนทร : บริษัทตั้งเป้าหมายสำหรับ คาร์เซ็นเตอร์ ฯ ให้เป็นศูนย์รถมือสองที่มีความพร้อมในเรื่องการบริการหลังการขายด้วย เพราะการขายครั้งต่อไปเพื่อให้เป็นมืออาชีพจะไม่ใช่เป็นเพียงการซื้อมาขายไปเท่านั้น แต่จะมีการบริการด้วย โดยจะขยายสาขาไปในต่างจังหวัดๆ ละ 1 ศูนย์ ส่วนในกรุงเทพ ฯ จะมีอีกสาขาที่ลาดพร้าว
ฟอร์มูลา : การเปิดสาขาในต่างจังหวัดจะเป็นรูปแบบใด ?
สุนทร : จะเปิดเป็นรูปแบบแฟรนไชส์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้มีความพร้อมเต็มรูปแบบ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปลายปีนี้
ฟอร์มูลา : ปัจจุบันมีผู้ที่จบการอบรมไปแล้วเท่าไร ?
สุนทร : เปิดอบรมเพียงรุ่นละ 25 คน ที่จบไปแล้วมีประมาณ 250 คน ในส่วนของสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้นจะสามารถรองรับผู้อบรมได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีพื้นที่กว้างขวาง นอกจากนี้ยังมีวงเงินธุรกิจสินเชื่อนักขายรถยนต์เอื้ออาทรให้แก่ผู้ที่เข้าอบรม 1 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนให้ เมื่อซื้อมาขายไปก็จะมีการแบ่งกำไรกัน ซึ่งอีก 1-2 เดือนจะเสร็จสมบูรณ์
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : ราชวัตร แสงจันทรา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52161