ขอบถนน
ดีทรอยท์
คาดหวังกันเอาไว้เหลือเกินว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ประเทศไทยจะได้ชื่อว่าเป็น "ดีทรอยท์แห่งเอเชีย" เมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์แห่งใหม่ของโลก
ทั้งภาครัฐ และวงการรถยนต์ในบ้านเราลุ้นกันจนตัวโก่งเพื่อความเป็นไปได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะมีความเชื่อมั่นค่อนข้างสูงว่า ประเทศไทยเรามีศักยภาพเพียงพอและมีบรรยากาศทางธุรกิจที่เป็นปัจจัยเอื้อที่จะทำให้สิ่งที่มุ่งหวังนั้นบังเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
ในเบื้องแรกดูเหมือนว่า จะได้รับการขานรับและตอบรับจากวงการผู้ผลิตรถยนต์รายสำคัญๆของโลก ทั้งจากทางด้านญี่ปุ่น ยุโรปและสหรัฐอเมริกาอย่างค่อนข้างจะแข็งขันทีเดียว
โตโยตา ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นเป็นยี่ห้อแรกที่ประกาศตัวความพร้อมที่จะมีส่วนสานฝันของไทยให้เป็นความจริง ด้วยการจะย้ายฐานการผลิตรถกระบะ โตโยตา มาอยู่ในประเทศไทย
หลังจากนั้นก็มีอีกหลายยี่ห้อที่อ้อมๆ แอ้มๆ ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการนี้
แต่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือโดยความเป็นจริงความเป็นไปได้ ทำให้ภาพลักษณ์ของความเป็น "ดีทรอยท์แห่งเอเชีย" ของไทยดูจะแปรเปลี่ยนไปอีกระดับหนึ่ง
จาก "ดีทรอยท์แห่งเอเชีย" เอาเป็นเพียงแค่ "ดีทรอยท์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ก็พอสมควรแก่ความเป็นไปได้
ตำแหน่ง "ดีทรอยท์แห่งเอเชีย" ยังไงๆ ก็ต้องเป็นของญี่ปุ่นอยู่วันยังค่ำ นอกเสียจากว่าญี่ปุ่นจะยอมเสียสละตำแหน่งด้วยการพากันยกโขยงยี่ห้อรถญี่ปุ่นทั้งหมดออกไปหากินที่อื่นเท่านั้น
ไทยเราถึงจะยอมตัดใจลดฐานะตัวเองลงมาเหลือแค่ "ดีทรอยท์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" แล้วก็เถอะ ยังไม่แน่เหมือนกันว่า ตำแหน่งนี้จะยังคงรักษาเอาไว้ได้หรือเปล่า
ตอนนี้มีเค้าบอกให้รู้ว่า ตำแหน่งนี้อาจเป็น "อันซีนอินไทยแลนด์" ก็เป็นได้
เมื่อ จีเอม ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกาซึ่งกำลังสร้างฐานการตลาดอยู่ในเมืองไทยอย่างขะมักเขม้น ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจอย่างชัดเจนเมื่อไม่กี่วันมานี้ว่า ได้ตัดสินย้ายสำนักงานใหญ่ของ จีเอม ออกจากสิงคโปร์มาตั้งอยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้ของจีนแล้ว และเตรียมการที่จะใช้ประเทศจีนเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของ จีเอม ในเอเชีย ในอนาคตอันใกล้นี้
จีเอม วางแผนที่จะผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อีกกว่า 20 รุ่นในจีน และพร้อมที่จะลงทุนอีกไม่น้อยกว่า 2,100 ล้านหยวน เพื่อเตรียมสร้างสนามทดสอบรถยนต์ในจีนให้แล้วเสร็จภายในอีก 2 ปีข้างหน้า
ปัจจุบันจีเอม มีโรงงานผลิตเครื่องยนต์อยู่ในจีนแล้ว 4 โรงงาน ยังมีโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ภายใต้การร่วมมือกับคู่ค้าเซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ อินดัสตรี ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีนอีกด้วย
เมื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริการะดับ จีเอม ตัดสินใจมุ่งหน้าไปลงหลักปักฐานในประเทศจีนอย่างนี้แล้ว ก็เป็นที่แน่นอนละว่า คงจะไม่คิดที่จะมาช่วยสานฝันให้กับไทยในการที่จะก้าวไปสู่ความเป็นดีทรอยท์แน่ๆ
นอกจาก จีเอม แล้ว ก่อนหน้านี้ ฟอร์ด ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่อีกรายหนึ่งของสหรัฐอเมริกาก็เข้าไปลงทุนลงรอนอยู่ในจีนอยู่แล้ว ไม่แต่เท่านั้นยักษ์จากยุโรปคือ โฟล์คสวาเกน กรุพ ก็แห่กันเข้าไปตั้งฐานผลิตรถยนต์ทั้ง โฟล์คสวาเกน และ เอาดี อยู่ในจีนจนรถยนต์ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้วิ่งกันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ญี่ปุ่นเองก็เถอะ โตโยตา ก็เอี่ยวอยู่ในจีนน้อยเสียเมื่อไหร่
พิจารณากันโดยความเป็นจริง จีนน่าจะได้เปรียบไทยในด้านการที่จะเข้าไปลงทุนไม่ใช่น้อย ตลาดก็ใหญ่กว่าไทยตั้งหลายเท่า แรงงานก็ถูกกว่า วัตถุดิบหรือเทคโนโลยีต่างๆ ก็เอื้ออำนวยกว่ากันเยอะ
รถยุโรปหรือรถอเมริกันน่าจะเข้าไปทำมาหากินได้คล่องปากมากกว่ารถญี่ปุ่น ทั้งนี้ทั้งนั้นคงเป็นเพราะว่าจีนเองไม่ค่อยจะไว้เนื้อเชื่อใจญี่ปุ่นเท่าไรนัก ญี่ปุ่นสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับจีนอย่างแสนสาหัสมาแล้วตั้งแต่สมัยสงครามโลก จนป่านนี้จีนก็ยังจดยังจำเอาไว้ไม่มีลืมเลือน
เห็นๆ กันอย่างนี้แล้ว ก็เชื่อได้เลยว่า "ดีทรอยท์แห่งเอเชีย" หรือ "ดีทรอยท์แห่งเอเชียตะวันออก" คงจะตกเป็นของจีนค่อนข้างแน่ ส่วนไทยนั้นอย่างดีก็คงเป็นได้เพียงแค่เป็น "สาขา" หรือแขนงย่อยของ "ดีทรอยท์แห่งเอเชีย" เท่านั้นเอง
พูดถึงประเทศจีนแล้ว มีข่าวปรากฏให้ได้ "ตามไปดู" กัข่าวหนึ่ง
เมื่อนายกรัฐมนตรีของไทยให้สัมภาษณ์เมื่อไม่กี่วันมานี้ว่า ได้มีการเจรจาเสนอขายลำไยอบแห้งของไทยให้กับจีนด้วยวิธีการแลกกับรถถังของจีนซึ่งเป็นรถหุ้มเกราะแบบเบา โดยลำไยอบแห้งของไทยจำนวน 1 แสนตันจะสามารถแลกรถถังของจีนได้ประมาณ 1 กองพันหรือประมาณ 100 คัน
ด้วยเหตุผลที่ว่า ไทยเรามีลำไยเหลือเฟือ ปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ก็เน่าไปเสียเปล่าๆ สู้เอาไปแลกกับรถถังของจีนซึ่งมีสมรรถนะและความเจริญทางเทคโนโลยีไฮเทคมากดีกว่า
จำได้ว่า ครั้งหนึ่งในรัฐสภาของไทยเรานี่แหละ มีการอภิปรายกันถึงเรื่องการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากประเทศจีน พูดกันว่ากระสุนปืนครกหรือปืนอะไรก็ไม่รู้ที่ซื้อมาจากประเทศจีน ขนาดเอามาซ้อมยิงก็เกิดระเบิดในกระบอกปืนจนทำให้ทหารที่ใช้อาวุธนั้นบาดเจ็บล้มตายกันหลายคน และก็มีการชี้แจงแก้เกี้ยวกันไปว่า ทหารที่ซ้อมยิงปืนนั้นซ้อมยิงในขณะที่เมาและใส่กระสุนผิดด้านเลยเกิดระเบิดขึ้นมา ไม่ใช่เป็นเพราะปืนหรือกระสุนไม่มีประสิทธิภาพแต่อย่างใด
ถ้าเรื่องการเอาลำไยไปแลกกับรถถังของจีนมาใช้ ต่อไปจะมีเรื่องตลกคาเฟแบบนี้เกิดขึ้นอีกหรือเปล่า ?
เรื่องโดย : หลวงเลียบเมือง
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : ขอบถนน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52157