สังคม + ธุรกิจ
ค่ายดาวสามแฉกเปิดไต๋
ค่ายดาวสามแฉกเปิดไต๋
เผยแผนรุกในช่วงสามปี เพิ่มยอดขายร้อยละ 50
เยอรมนี-เจ้าของเครื่องหมายการค้า "ดาวสามแฉก" ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ (MERCEDES-BENZ) เปิดเผยรายละเอียดของรถยนต์แบบใหม่ๆ ที่จะนำออกสู่ตลาดในช่วงสามปีข้างหน้า รวมทั้งประกาศเจตนารมณ์ที่จะเพิ่มยอดขายอีกครึ่งเท่าตัว คือจากระดับ 1.2 ล้านคันในขณะนี้ เป็น 1.8 ล้านคันภายในปี 2007
เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวข้างต้น สิ่งที่ค่ายดาวสามแฉกตั้งใจจะทำ คือการประสมประสานรถอนุกรมเดิมๆ ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน กับรถแบบใหม่ๆ ที่ออกแบบและพัฒนาเพื่อสนองอุปสงค์ของผู้ใช้รถ ที่หลากหลายและเพิ่มพูนขึ้นกว่าในอดีต ตั้งแต่รถอเนกประสงค์ขนาดมีนีอย่าง เอ-คลาสส์ (A-CLASS) ไปจนถึงรถกิจกรรมกลางแจ้งแบบใหม่อย่าง เอกซ์-คลาสส์ (X-CLASS)
ในช่วงสามปีข้างหน้านี้ (2005-2007) นอกจากการออกตลาดของรถอนุกรมเดิมรุ่นใหม่รวม 5 อนุกรม คือ รถอเนกประสงค์ขนาดมีนี เอ-คลาสส์ (A-CLASS) รถกิจกรรมกลางแจ้ง จี-คลาสส์ (G-CLASS) และ เอม-คลาสส์ (M-CLASS) รถซาลูน ระดับสุดหรู เอส-คลาสส์ (S-CLASS) และรถคูเปรุ่นเฮฟวีเวท ซีแอล-คลาสส์ (CL-CLASS) แล้ว รถแบบใหม่เอี่ยมแกะกล่องอีก 3 อนุกรม ที่จะถูกปล่อยออกจากสายการผลิตของยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์ คือ รถอเนกประสงค์ บี-คลาสส์ (B-CLASS)รถอเนกลักษณ์ อาร์-คลาสส์ (R-CLASS) และรถกิจกรรมกลางแจ้ง เอกซ์-คลาสส์(X-CLASS)
บี-คลาสส์ (B-CLASS) เป็นรถอเนกประสงค์ที่แตกแขนงจากรถ เอ-คลาสส์ (ซึ่งมีกำหนดเปลี่ยนรุ่นปลายปี 2004 นี้) จะมีทั้งแบบ 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง มีทั้งแบบขับล้อหน้าและขับ 4 ล้อ จะเปิดตัวต่อสายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรก ที่งานมหกรรมยานยนต์ปารีส ปลายเดือนกันยายนนี้ ในลักษณะรถแนวคิดที่มีชื่อว่า MERCEDES-BENZ CST ซึ่งย่อมาจาก COMPACT SPORT TOURER
อาร์-คลาสส์ (R-CLASS) เป็น CROSSOVER VEHICLE หรือ "รถอเนกลักษณ์" ที่ประสมประสานคุณลักษณะของรถ 3 แบบเข้าไว้ด้วยกัน คือ รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ รถกิจกรรมกลางแจ้ง และรถซาลูนระดับหรู มีตำแหน่งในตลาดแทรกตรงกลาง ระหว่างรถ อี-คลาสส์ (E-CLASS) และ เอส-คลาสส์ (S-CLASS) มีทั้งแบบ 5ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง จะปรากฏตัวให้เห็นเป็นครั้งแรก ที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ ต้นปี 2005 สนนราคาค่าตัวในตลาดยุโรป คาดว่าจะเริ่มต้นที่ระดับ 3 ล้านบาทไทย
เอกซ์-คลาสส์ (X-CLASS) เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็ก ที่ค่ายดาวสามแฉกจะนำออกสู่ตลาดตอนปลายปี 2006 เพื่อสู้กับรถประเภทเดียวกันของค่ายใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว คือ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3 (BMW X3) โดยขอหยิบขอยืมชิ้นส่วนกลไกหลายชิ้นจากรถ ซี-คลาสส์ (C-CLASS) และใช้โรงงาน JUIZ DE FORA ซึ่งตั้งอยู่ในบราซิลเป็นที่ผลิต
ย่อยข่าว
* ฝรั่งเศส-เปอโฌต์ (PEUGEOT) ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าของเครื่องหมายการค้า "สิงห์เผ่น" ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า เพื่อให้สอดคล้องกับแบบและรุ่นของรถที่มีหลากหลายกว่าในอดีต ค่ายสิงห์เผ่นจะยกเลิกการตั้งชื่ออนุกรมของรถด้วยเลข 3 ตัว ที่ใช้ต่อเนื่องมายาวนานกว่า 75 ปี โดยเริ่มใช้เป็นครั้งแรก เมื่อปลายปี 1929 กับรถ เปอโฌต์ 201 (PEUGEOT 201) แล้วแทนที่ด้วยระบบใหม่ ซึ่งเป็นเลข 4 ตัว โดยเพิ่มเลข 0 เข้าไปอีกหนึ่งตัว รวมทั้งยืนยันด้วยว่า รถแบบแรกที่จะใช้ชื่อตามระบบใหม่นี้ คือ เปอโฌต์ 1007 (PEUGEOT 1007) รถขนาดมีนีตัวถังทรงกล่องเดียว ซึ่งพัฒนาจากรถแนวคิด เปอโฌต์ เซซาเม (PEUGEOT SESAME) ที่ปรากฏตัวในงานมหกรรมยานยนต์ปารีสเมื่อปลายปี 2002 และมีกำหนดออกจำหน่ายในตลาดก่อนสิ้นปี 2004 นี้
* สหรัฐอเมริกา-เพิ่งออกจำหน่ายเมื่อปลายปี 1998 แต่อีกไม่นานจนเกินรอ แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี (LAND ROVER DISCOVERY) รุ่นปัจจุบันซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 2 ก็จะถูกแทนที่ด้วยรถรุ่นใหม่ เพราะยอดผู้ผลิตรถกิจกรรมกลางแจ้งของเมืองผู้ดีได้ตัดสินใจนำรถรุ่นใหม่ ออกแสดงต่อสายตาสาธารณชนไปเรียบร้อยแล้ว ที่งานมหกรรมยานยนต์นิวยอร์คครั้งล่าสุด เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รถรุ่นใหม่นี้นับเป็นรถแบบแรกของแลนด์ โรเวอร์ ที่ติดตั้ง TERRAIN RESPONSE SYSTEM ซึ่งเป็นระบบอีเลคทรอนิคที่ทำให้ผู้ขับสามารถปรับสมรรถนะการขับขี่ของรถ ให้สอดรับกับสภาพถนนได้ถึง 5 แบบ
* สหรัฐอเมริกา-อดีตพระเอกนักกล้าม อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ (ARNOLD SCHWARZENEGGER) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ยืนยันถือหาง โครงการสนับสนุนให้ประชาชนใช้รถพลังไฮโดรเจน โดยสร้างสถานีบริการเติมแกสไฮโดรเจนจำนวน 200 แห่ง ในเขตรัฐแคลิฟอร์เนีย ภายในปี 2010 นี้ กลุ่มผู้ที่สนับสนุนโครงการนี้ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องจำเป็นและต้องทำในทันที หากต้องการให้ใช้เชื้อเพลิงแบบใหม่ แทนที่เชื้อเพลิงน้ำมันที่นับวันจะร่อยหรอลง ส่วนกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยกลับบอกว่า กลัวจะเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า เหมือนโครงการสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้าเมื่อช่วงทศวรรษหลังปี 1990
* ญี่ปุ่น-รถขนาดมีนี (MINI CAR) ซึ่งกฎหมายญี่ปุ่นกำหนดว่า ต้องมีตัวถังยาวไม่เกิน3.40 ม. กว้างไม่เกิน 1.48 ม. และสูงไม่เกิน 2.00 ม. กับติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดโตไม่เกิน 660 ซีซี ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้รถในเมืองปลาดิบ ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ ในบรรดารถที่ขายดีที่สุด 10 อันดับแรก เป็นรถขนาดมีนีถึง 4 แบบ คือ ซูซูกิ แวกอน อาร์ (SUZUKI WAGON R) ไดฮัทสุ มูฟ (DAIHATSU MOVE) ฮอนดา ไลฟ์ (HONDA LIFE) และ มิตซูบิชิ อีเค แวกอน (MITSUBISHI EK WAGON)
1. ซูซูกิ แวกอน อาร์ 65,247 คัน
2. ไดฮัทสุ มูฟ 56,067 คัน
3. นิสสัน คิวบ์ 54,708 คัน
4. โตโยตา โคโรลลา 54,186 คัน
5. ฮอนดา ไลฟ์ 52,538 คัน
6. โตโยตา วิทซ์ 43,874 คัน
7. ฮอนดา ฟิท 41,481 คัน
8. ฮอนดา ออดิสซีย์ 41,289 คัน
9. นิสสัน มาร์ช 39,686 คัน
10. มิตซูบิชิ อีเค แวกอน 37,627 คัน
* เยอรมนี-คริส แบงเกิล (CHRIS BANGLE) นักออกแบบชาวอเมริกันชื่อดัง เพิ่งขยับตำแหน่ง (หรือถูกเตะโด่ง ?) จากหัวหน้าทีมออกแบบของ บีเอมดับเบิลยู เป็นผู้อำนวยการ BMW GROUP DESIGN ซึ่งดูแลงานออกแบบของ บีเอมดับเบิลยู มีนี และโรลล์ส-รอยศ์
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : สังคม + ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52114