โค้งอันตราย
ช่วยชาติช่วยรัฐ
ผ่านวันที่ร้อนที่สุดของปีกันมาแล้ว วันที่พระอาทิตย์โคจรมาใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี แถมด้วยฝนตก รถติดมหาวินาศ ควบคู่ไปกับความไม่สงบของ 3 จังหวัดภาคใต้ อยู่กันอย่างปัจจุบันนะครับ ด้านที่มีปัญหาก็มีกันไป ด้านที่ทำมาหารับประทานก็ทำกันไป หยุดไม่ได้เหมือนกัน
เดี๋ยวหลวงท่านหาสตางค์ไม่พอปิดหีบ ยอมทำให้เกินดุลไปแล้ว ภาษีมูลค่าเพิ่มก็ตรึงเอาไว้ ไม่ยอมขึ้น ช่วยๆ กันหารับประทาน และใช้สตางค์ในอนาคตกันไปให้เต็มความสามารถแล้วกัน
ดอกเบี้ยยังถูกอยู่ ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไร
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับการทำงานของคนเหนือชื่อใต้ท่านนี้ คือ การเร่งมือด้านเทคโนโลยีเพื่อให้ก้าวตามชาวโลกเขาให้ได้ แต่ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่โบร่ำโบราณ ยังไม่หมดไปจากยุคสมัย ประมาณว่าไดโนเสาร์ ยังมีชีวิตอยู่ ก็เลยเชื่องช้าไปเล็กน้อย แต่ก็ยังเป็นที่ยอมรับกันได้
ในเมื่อมีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี ขณะเดียวกันก็ต้องมีข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาไปให้ถูกทาง นานๆ จะเห็นรายงานการสำรวจจากภาครัฐที่เป็นเรื่องเป็นราวออกมาสู่สายตาประชาชนเสียที แอบเข้าไปเห็นผลการสำรวจผู้ใช้อินเตอร์เนทของ เนคเทค หรือชื่อเต็มยศว่า ศูนย์เทคโนโลยีอีเลคทรอนิคส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
แค่อ่านชื่อก็เหนื่อยแล้วครับ
การสำรวจหนนี้กระทำโดยนำแบบสอบถามไปโพสต์ หรือเอาไปแปะไว้บนเวบเพจ และให้ผู้สนใจเข้ามาตอบแบบสอบถามที่ว่า รอบนี้ได้ผู้เข้ามาตอบแบบสอบถามเกือบ 2 หมื่นคน ซึ่งเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะหนก่อนสำรวจได้แค่ 2,500 คนเท่านั้นเอง
ผลสำรวจปรากฏว่า สัดส่วนในการเข้าถึงอินเตอร์เนทของคนกรุงเทพ ฯ ประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศ 52.2 % แต่ถ้ารวมปริมณฑลด้วย 13.8 % ก็กว่าครึ่ง ภาคกลาง เข้าถึงได้ 10.7 % ภาคเหนือ เข้าถึงได้เท่ากับภาคอีสาน 9.7 % ส่วนภาคใต้น้อยสุด 5.6 %
ในด้านเพศ แสดงว่าไม่มีความเหลื่อมล้ำทางเพศ เพราะชาย-หญิง เข้าถึงอินเตอร์เนทได้ในสัดส่วน 51:49
สรุปในช่วงกลุ่มอายุเอาแค่ 3 ช่วงก็พอ อายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าถึง 18.4 % อายุระหว่าง 20-29 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่สุดเข้าถึงได้ 49.1% และกลุ่มช่วงอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป เข้าถึง 32.4 % แถมมีคนตอบมาว่าอายุเกิน 70 ปีก็ยังมี
ทางด้านสาขาการศึกษาของผู้ตอบแบบสอบถาม อันดับแรกสุดจบจากด้านบริหาร และสาขาที่เกี่ยวข้อง มากสุด 19.1 % วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสารสนเทศ รองลงมา 18.3 % ด้านคอมพิวเตอร์ธุรกิจ การบริหารระบบสารสนเทศ 8.5 %
อันดับที่ใช้บริการมากสุดแน่นอนว่าเป็นเรื่องของไปรษณีย์อีเลคทรอนิคส์
ส่วนความมั่นใจในการซื้อสินค้าและบริการทางอินเตอร์เนท ได้ช่วงคะแนนแค่ 19.6 % โดยฝ่ายชายเคยซื้อ 25.8 % และหญิง 13.6 % แสดงว่าการค้าขายทางอินเตอร์เนท ซึ่งจะต้องชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิท ยังไม่ได้รับความนิยม
ผู้สนใจรายละเอียดค้นหาได้จากเวบเพจของเนคเทค ก็ค่อยเริ่มมีข้อมูลที่เป็นตัวเลขให้เอามาพิจารณากันได้บ้าง ยินดีด้วยครับ ว่าประเทศเราจะได้เริ่มก้าวหน้าทัดเทียมกับอารยประเทศเขาเสียที เพราะภาครัฐเริ่มจะมีข้อมูลอย่างเป็นหลักเป็นเกณฑ์ ในขณะที่ภาคเอกชนเขาเสียเงินจ้างบริษัทวิจัยหมดกันไปแล้วไม่รู้เท่าไร
แค่เรื่องที่ท่านจะเร่งรัดตัวเลขที่ใช้ในการคำนวณหารายได้ประชาชาติต่อหัว จะให้กรม กอง ที่เกี่ยวข้องสรุปตัวเลขให้เสร็จภายใน 3 เดือน เพื่อเร่งหา จีดีพี รายไตรมาสให้ได้นี่ก็เป็นเรื่องน่ายินดีแล้วถึงจะเชื่อได้ว่าตัวเลขคงมีการคลาดเคลื่อนไปบ้าง ก็ยังดีกว่าไม่ลงมือทำอะไร
เพราะเวลาต่างชาติเขาจะมาลงทุนในบ้านเรา ก็ต้องมองหาตัวเลขที่พอจะอ้างอิงได้ เพื่อเอาไปทำแผนงานเสนอเจ้านายของเขาเสียก่อน ว่ามาลงทุนแล้วจะได้ผลตอบแทนดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ข้อมูลของภาครัฐน่ะมันเก่าชะแร แก่ชะราเสียเต็มประดา ปีนี้ปี 2547 แล้ว ทดลองเข้าไปดูในเวบของส่วนราชการดูเองแล้วกันนะครับ นี่ไตรมาสแรกเข้าไปแล้ว แต่บางเวบของส่วนราชการ ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อปลายปีก่อน
อย่าให้บอกว่าของใครเลยนะครับ กินปูนมันก็ต้องร้อนท้องกันมั่งละ
ขอต่อด้วยเรื่องระดับชาติอีกเช่นกัน เอ๊ะ หมู่นี้ทำอะไรเห็นเป็นเรื่องใหญ่ทุกที แค่นุ่งผ้าขาวม้าออกมาจากห้องน้ำ ห่มผ้าเช็ดตัวผืนละเป็นหมื่นแค่นี้ ก็ต้องค่อนขอดกันด้วย ก็บังเอิญมีสตางค์น่ะ ทำไงได้
อุ๊ยไม่ใช่ครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมแกสโซฮอล ของกระทรวงพลังงานที่จะส่งเสริมการผลิตเอธานอลจากผลผลิตการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าและลดการนำเข้าสาร MTBE
เรามาว่ากันในส่วนของกระทรวงพลังงานก่อน ตอนนี้มีโรงงานผลิตเอธานอลจากกากน้ำตาลแล้ว 1 แห่งที่พระนครศรีอยุธยา และกำลังสร้างอีก 6 โรงงานตามจังหวัดต่างๆ โดยจะมีกำลังการผลิตรวม 1,265,000 ลิตร/วัน และยังมีนักลงทุนสนใจยื่นขอเปิดโรงงานผลิตเอธานอลจากกระทรวงอุตสาหกรรมอีกกว่า10 ราย กำลังผลิตรวมกว่า 4.2 ล้านลิตร/วัน
ทั้ง 7 โรงแรกใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบ 3 โรง และใช้มันสำปะหลัง 4 โรง มีความต้องการใช้กากน้ำตาลประมาณปีละ 4 แสนตัน และมันสำปะหลังประมาณปีละ 2 ล้านตันโดยกำหนดเป้าหมายให้มีการใช้เอธานอลเพื่อทดแทน MTBE ในน้ำมันเบนซิน 95 วันละ 1 ล้านลิตร ในปี 2549 และให้มีการใช้เอธานอล
วันละ 3 ล้านลิตร เพื่อทดแทน MTBE ในน้ำมันเบนซิน 91 ภายในปี 2554
แต่เสียงจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์แย้งขึ้นมาว่า ปัจจุบันคุณลักษณะของน้ำมันแกสโซฮอล 95 มีความแตกต่างจากน้ำมันเบนซิน 95 ในบางประการ จึงทำให้ไม่สามารถรับประกันการใช้น้ำมันแกสโซฮอล 95 กับรถยนต์รุ่นต่างๆ ได้ แม้ว่าจะมีการยืนยันจากหลายหน่วยงานว่ารถยนต์รุ่นต่างๆ สามารถใช้น้ำมันแกสโซฮอล 95 ได้โดยไม่เกิดปัญหาต่อเครื่องยนต์แต่ประการใด
ก็เลยต้องมานั่งจับเข่าคุยกัน สรุปออกมาได้ความว่า กำหนดส่วนประกอบของเอธานอลในน้ำมันแกสโซฮอล 95 ไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 9 และไม่สูงกว่าร้อยละ 10
กำหนดส่วนประกอบของสารอโรเมทิคในน้ำมันแกสโซฮอล 95 เป็นไม่เกินร้อยละ 42 เป็นการชั่วคราวจนถึงปี 2550 โดยให้กรมควบคุมมลพิษดำเนินการตรวจสอบ ติดตามและประเมินผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเกิดจากการใช้น้ำมันแกสโซฮอล
อย่างไรก็ดี ภาครัฐเองก็กำหนดมาตรการเร่งรัดให้รถยนต์ของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ ใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมเอธานอล เพื่อส่งเสริมด้านการตลาด และให้เกิดความมั่นใจของนักลงทุนและประชาชนผู้ใช้แกสโซฮอล
มาร่วมกันช่วยชาติโดยทดลองใช้น้ำมันแกสโซฮอล อย่างน้อยก็ทดลองดูสักถังนะครับ ว่าจะมีปัญหาอะไรกับเครื่องยนต์หรือไม่ ตอนนี้ก็มีปั๊มอยู่ 99 แห่งที่มีน้ำมันประเภทนี้ขาย
เติมได้ครับ ที่นี่ยินดียืนยัน ขนาดแต่ก่อนน้ำมันพืชเขายังเอามาทดลองเติมรถยนต์เลย เพียงแต่มันติดไฟช้าเท่านั้นเอง เลยไม่เป็นที่นิยม
นึกเสียว่าทดลองช่วยเกษตรกรบ้านเราเถอะนะครับ ยังไงก็คนไทยด้วยกัน
เรื่องโดย : มือบ๊วย
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52072