ชีวิตคือความรื่นรมย์
สืบสายธารวรรณศิลป์
สมัยไปเล่น "ลับแลกลอนสด" ที่โทรทัศน์ขาวดำช่อง 4 บางขุนพรหม(ตรงที่เป็นธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน) ปี 2502 (จำเดือนไม่ได้)ผู้เขียนจับได้กระทู้ว่าให้เขียนเป็นสักวาในหัวข้อ "สาวสมัยนี้"
เผอิญทีมฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายหญิงเขาจับได้กระทู้ว่าผู้ชายสมัยก่อนหรืออะไรจำไม่ได้
แต่เธอเขียนว่าผู้ชายสมัยก่อนดีอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วผู้ชายสมัยนี้ไม่มีดีอะไรสักอย่าง
เลยมาเข้าทางเราอย่างช่วยไม่ได้ ! (ซึ่งภาษานักเลงก็ว่า "มาเข้าทางตีน" แต่ถ้าพวกพรานก็ว่ามา "เข้าทางปืน")
ผู้เขียนจำได้เลาๆ ว่าตนเขียนไปว่า "สักวาสาวสมัยนี้ร้ายนัก ค่อนข้างจักวู่วามตามสมัย
ทั้งปากจัดดัดจริตคิดแต่ใจ ไม่ทันได้ไต่ถามถึงความดี ข้างนอกทรามงามในใครจะรู้
ชายคือผู้หยิ่งนักในศักดิ์ศรี ถ้าหากต้องปองรักใครสักที จึงจะมีดีเด่นให้เห็นเอย"
ปรากฏว่ากรรมการทั้งสามคนให้บทของผู้เขียนชนะเป็นเอกฉันท์ โดยท่านให้คำวิจารณ์ว่าเพราะเป็นกลอนที่ออกมาสดๆ ใจความและถ้อยคำตอบโต้ฝ่ายหญิงได้ทุกกระบวนความโดยเฉพาะกรรมการฝ่ายหญิงท่านชอบ "ทั้งปากจัดดัดจริตคิดแต่ใจ" กับ "ข้างนอกทรามงามในใครจะรู้"ท่านว่าถูกใจท่านจริงๆ ทำให้ท่านนึกถึงโคลงที่ศรีปราชญ์ว่า "ดำแต่นอกในแผ้ว ผ่องเนื้อนพคุณ"ซึ่งเป็นสำนวนกวีโบราณอันคมคาย แม้ผู้เขียนจะเลียนแบบหรือไม่ก็ตาม ท่านก็ว่าสามารถแต่งเป็นกลอนได้ถึงใจ
ผู้เขียนยังจำได้ว่า วันต่อมาคอลัมน์วิจารณ์โทรทัศน์ของผู้ใช้นามว่า "ดนัย" (นามปากกาของ สนิทเอกชัย นักหนังสือพิมพ์คนสำคัญยิ่งคนหนึ่งของไทย ซึ่งบางครั้งก็ใช้ ดนัย เอกสิทธิ์) ในหนังสือพิมพ์"ชาวไทย" (ช่วงที่มีนักหนังสือพิมพ์อาวุโส-สมาชิกวุฒิสภา เฉลิม วุฒิโฆสิต เป็นบรรณาธิการและมีนิวาสถานอยู่ในซอกแคบๆ ตรงข้ามวัดสระเกศ) มีข้อความที่ทำให้หัวใจผู้เขียนพองโตว่า"พวกเราที่นั่งดูรายการนี้ด้วยกันอยู่ก็เชียร์กลอนบทนี้ของประยอมอุตลุดไปเหมือนกัน"
ผู้เขียนเขียนถึงเรื่องนี้เพราะไม่กี่วันมานี้มีบริษัทที่มีชื่อเสียงและผลงานการจัดรายการและทำละครที่เปี่ยมคุณภาพบริษัทหนึ่งให้ทีมงานมาถามไถ่ถึงการจัดแข่งขันกลอนสดว่าในสมัยก่อนเขาทำอย่างไรและปัจจุบันมีที่ไหนทำกันอย่างไรบ้าง ?
ผู้เขียนนั่งบรรยายวิชาการการพิจารณากลอนสด การเล่นกลอนสดที่เคยเป็นมาในอดีต
การเล่นสักวาและกลอนสดทางโทรทัศน์ที่สมัยช่อง 4 บางขุนพรหม และต่อมาที่ช่อง 9 อสมท. ช่อง 7ขาวดำหรือต่อมาเป็นช่อง 5 (ทบ.สนามเป้า) รวมทั้งรายการโด่งดัง "ทีวีวาที" ของ คุณกรรณิกาธรรมเกษร เคยให้พวกเราไปแสดงฝีปากฝากฝีมือนานมาแล้วหลายโอกาส
ตลอดจนเล่าให้ฟังว่า ทุกวันนี้ที่ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คลองประปาได้สนองพระราชดำริและได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯสยามบรมราชกุมารี โปรด ฯ พระราชทานโล่รางวัลในการจัดแข่งขันกลอนสดเป็นประจำทุกปี
ในราวกลางเดือนสิงหาคม นับตั้งแต่สมัยอธิการบดีคนเดิม ผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์ ไสวสุทธิพิทักษ์ ท่านได้ริเริ่มไว้ แล้วสืบต่อมาในสมัยศาสตราจารย์ ดร. บุญเสริม วีสกุล จนบัดนี้นับเป็นปีที่17 แล้ว ซึ่งเป็นสมัยอธิการบดีคนใหม่ในปัจจุบัน คือ (อดีตสุทธิพิทักษ์ศาสตราภิชาน)รองศาสตราจารย์ วรากรณ์ สามโกเศศ ในแต่ละปีจะเป็นการรวมนักกลอนที่มีฝีมือรวมทั้งนักเรียนนักศึกษาที่สนใจสืบทอดการกวีของชาติครั้งใหญ่แห่งปีก็ว่าได้
ผู้เขียนรู้สึกว่าตนเป็นคนที่มีโชคดีมากที่ได้รับรู้การฟื้นฟูการแสดงสักวายุคใหม่ในช่วงต้นนั่นคือช่วงที่กำลังศึกษาในชั้นปีที่ 4 ในคณะอักษรศาสตร์ ที่จุฬา ฯ เป็นตอนที่กรมศิลปากรกระทรวงศึกษาธิการกำลังฟื้นฟูการแสดงสักวากลอนสดขึ้นมาใหม่ โดยจัดแสดงในงานแสดง"ดนตรีสำหรับประชาชน" ที่กรม ฯ จัดเสนอที่บริเวณสังคีตศาลา
(บริเวณสนามหญ้าระหว่างพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกับโรงละครแห่งชาติ)ช่วงหน้าแล้ง ประมาณเดือนธันวาคมถึงเดือนพฤษภาคมและจะมีวันอาทิตย์ใดอาทิตย์หนึ่งราวกลางเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคมที่กรม ฯ
จะจัดเป็นการแสดงสักวากลอนสดเป็นการปิดฤดูกาลดนตรีสำหรับประชาชน
ที่พวกเรานักกลอนหนุ่มสาวนัดกันไปพบกันทุกๆ เย็นวันอาทิตย์ที่มีกวีอาวุโสมาประชันฝีปากกันภาพใบหน้าท่าทาง-ฝีปากการว่ากลอนของท่านเหล่านั้นยังสดใสอยู่ในความทรงจำของผู้เขียนไม่ว่าหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งมีทีเด็ดให้จดจำเสมอทุกครั้ง มีคุณหญิง สิน สุพรรณสมบัติ(ซึ่งคมคายพอต่อปากต่อคำกับอาจารย์ คึกฤทธิ์ อย่างที่ทำให้เราคิดถึง "คุณพุ่ม" ผู้มีฉายาว่า"บุษบาท่าเรือจ้าง" ในสมัยรัชกาลที่ 3-4) หลวงอิศราภรณ์ประพันธ์ อาจารย์ มนตรี ตราโมทท่านผู้หญิง สมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา (สมัยยังเป็นอาจารย์ สมโรจน์ ต่อมาเป็นคุณหญิง สมโรจน์)อาจารย์ สถิตย์เสมานิล เปลื้อง ณ นคร ส่วนที่ยังเป็นกวีสาว (ในตอนนั้น) ก็มี (นางสาว) สุมน
สุดบรรทัด (อมรวิวัฒน์) (นางสาว) ชยศรี สุนทรพิพิธ (ชาลี) ฯลฯ เป็นที่ตื่นเต้นของพวกเรามากและฝันว่าวันหนึ่งข้างหน้าเราคงได้ขึ้นไปปรากฏกายและแสดงฝีปากเช่นนั้นบ้าง
นอกจากกรมศิลปากรแล้ว ไทยโทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหมที่มีคุณ จำนง รังสิกุล
เป็นหัวหน้าฝ่ายจัดรายการก็ส่งเสริมการกวีอย่างน่าชมเชยยิ่งที่นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นในยุคต้นของทศวรรษ 2500-2510 ก็คือการยกเวทีแสดงสักวาซึ่งอดีตแสดงตามแม่น้ำลำคลอง แล้วกรมศิลปากรยกขึ้นมาแสดงบนเวทีแล้วให้ไทยโทรทัศน์ช่อง 4 ยกขึ้นมาแสดงทางโทรทัศน์
นอกจากรายการแสดงการบอกสักวาทางโทรทัศน์แล้ว ยังมีรายการที่ชื่อว่า "ลับแลกลอนสด"ซึ่งเป็นที่ประชันฝีปากของกวีอาวุโสที่เอ่ยนามมาแล้ว ยังมีการนำกวีหนุ่มสาวโดยเฉพาะรุ่นเยาว์อย่างผู้เขียนและเพื่อนตลอดน้องๆ (ซึ่งบัดนี้อายุเลยวัยเกษียณตามๆ กัน)ได้ขึ้นไปแสดงฝีปากฝากฝีมือคนละหลายครั้ง นับเป็นคุณูปการอันสำคัญยิ่งในเจตนาของคุณ จำนง รังสิกุล ที่เป็นปูนียบุคคลที่คนในวงการโทรทัศน์ไม่มีใครลืมได้ลง
การฟื้นความหลังนั้นจำเป็นต้องเก็บเกร็ดต่างๆไปทีละเล็กละน้อย เหมือนสำนวนจีนที่ว่า"ขี่ม้าชมดอกไม้" และการจะทำอะไรให้ได้รสสัมผัสอันรื่นรมย์ต้องคำนึงถึงสำนวนไทยสมัยใหม่(ประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว !!) ที่ว่า "จะกินแกงให้อร่อยต้องใจเย็นๆ" เพราะถ้ารีบร้อนมันจะลวกลิ้นสิ้นรส...นั่นแล !!
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51973