ร่มไม้ชายศาล
ค่าบริการ ?
เมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้น
"ค่าเสียหาย" ซึ่งเป็นภาษาไทยที่ชาวบ้านพอเข้าใจได้ ขณะที่ในภาษากฎหมายอาจใช้คำว่า "ค่าสินไหมทดแทน"ทำให้ชาวบ้านรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เพราะเป็นคำโบราณ ไม่ค่อยคุ้นหู เนื่องจากไม่ได้ใช้กันทั่วไปในสมัยนี้
คือสิ่งที่ต้องถกเถียงกันว่า เสียหายอย่างไร เอ็งจะจ่ายไม่จ่าย จ่ายเท่าไร จะเบี้ยวซะอย่างมีอะไรไหม
ลงท้ายผู้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มาแต่ต้น อันได้แก่ ศาลหรือผู้พิพากษา ต้องมานั่งฟังพยานหลักฐาน นั่งพิจารณาคดีเล็กคดีน้อยก็พอทน คดีใหญ่ต้องงมอยู่กับเอกสารบรรดามีที่กองพะเนิน พลิกอ่านจนมือไม่มีขน แล้วชี้ขาดตัดสินออกมา มันก็เมื่อยนะโยม
แน่นอนยิ่งกว่านอนแน่ ฝ่ายที่โดนบังคับให้จ่าย ย่อมไม่พอใจถ้าจะต้องจ่าย ยิ่งจ่ายมากเท่าไรยิ่งหงุดหงิดเท่านั้นบางรายถึงกับด่าลับหลังก็มี อันนี้พูดกันตามความจริง แต่ถ้าศาลยกฟ้อง บอกว่าไม่ต้องจ่ายเลย โห ยิ้มแป้นชมเปาะว่าศาลท่านช่างยุติธรรมจริงๆ อะไรประมาณนั้น
ฝ่ายที่จ้องจะเอาค่าเสียหายก็เช่นกัน ถ้าศาลตัดสินให้ดังที่เรียกร้องมาหรือใกล้เคียง ก็แฮพพี หน้างี้บาน ถ้าศาลตัดทอนลงไปก็ไม่สนุก ยิ่งทอนลงไปเยอะหรือไม่ให้เลย ก็หน้าบูด บ่นพึมแต่ไม่ให้ศาลได้ยินเหมือนกัน เสียหายจริงๆ นี่นาไหงไม่ตัดสินให้เลยสักบาทเดียว ประมาณนั้นเช่นกัน
ผู้พิพากษาท่านรู้อยู่หรอกว่า มีทั้งคนสรรเสริญและสวดตามมา แต่ท่านปลงเมื่อทำหน้าที่แบบนี้เพื่อรับประทานเงินเดือนก็หนีไม่พ้น ขายเต้าฮวย ยังมีคนบ่น ถ้าเขากินแล้วไม่ถูกปาก ไม่แซ่บ ใช่ไหมตัว
"ค่าเสียหาย" ที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่โรงศาลไม่ค่อยตัดสินให้ชดใช้สักเท่าไรคือ ค่าเสียหายที่เกิดจากการเสียเวลาทำมาหากิน หรือเสียประโยชน์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องรถรา ซึ่งทุกคนยอมรับว่าอานเหมือนกัน เช่นใช้รถวิ่งหากินแล้วไม่มีรถใช้สามเดือนห้าเดือน หรือเป็นปี ใครไม่โดนไม่รู้หรอกว่า ทาทา ยัง เป็นไง น่ารักแค่ไหน ถามบอลดูสิ
ไปคนละเรื่องซะแล้ว
คดีนี้ก็สนุกสนาน การไฟฟ้าแห่งหนึ่งแน่มาก ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของรถ และบริษัทประกันหลายรายการมีอยู่รายการหนึ่งระบุว่า "ค่าบริการ 200 เปอร์เซนต์" เป็นเงิน 3 หมื่นบาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยที่โดนฟ้องงงมากค่าบริการอะไร เพราะบอกมาสั้นจู๋ เหมือนโก๊ะตี๋แค่นั้นเอง
มาดูซิว่าศาลท่านตัดสินแบบไหน ถูกใจใครบ้าง
โจทก์คือ การไฟฟ้า...ยื่นฟ้อง "นายแมนยู" คนไทยเรานี่แหละ แต่บ้าบอลเหมือนอย่างที่เห็นในช่องเก้าโมเดิร์นไนน์พร้อมทั้งฟ้องบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ซึ่งรับประกันรถยนต์คันของนายแมนยู
ในคำฟ้องระบุว่า รถยนต์ของนายแมนยูขับโดยประมาทไปชนรถของการไฟฟ้าเข้าให้ รถเสียหายเป็นเงิน5 หมื่นกว่าบาท เครื่องวัด (อะไรไม่รู้) อยู่ในรถเสียหาย 25 เครื่อง คิดค่าซ่อม 6 พันกว่าบาท แล้วยังขอคิดค่าบริการอีก200 เปอร์เซนต์ เป็นเงิน 3 หมื่นบาท รวมแล้วเกือบหนึ่งแสนบาท พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์จำเลยพร้อมหน้ากันที่ศาล ปรากฏว่าคดีทำท่าจะไม่ยืดเยื้อ เนื่องจากศาลไล่เลียงแล้วเห็นว่าคดีเล็กน้อยเงินไม่มาก นายแมนยูกับบริษัทประกันก็ไม่งอแงอะไรมากนัก เพียงแต่โต้ไว้ในคำให้การว่าค่าบริการที่เรียกมาพร้อมดอกเบี้ย เป็นค่าบริการอะไรไม่รู้ ไม่เข้าใจ เมื่อไม่ระบุชัดแจ้งก็เรียกร้องไม่ได้
ในที่สุด ศาลให้ทุกฝ่ายส่งเอกสารหลักฐานจนพอใจแล้ว และต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นจึงพิจารณาตามเนื้อผ้า แล้วตัดสินให้นายแมนยูกับบริษัทประกันร่วมกันจ่ายเงิน 6 หมื่นกว่าบาทพร้อมดอกเบี้ย ตัดส่วนที่เป็นค่าบริการอะไรนั่นออกเสียเพราะโจทก์ไม่ระบุรายละเอียดให้เข้าใจได้เลยจำเลยไม่ต้องจ่าย
ฝ่ายจำเลยโอเค รับได้กับคำตัดสินของศาลชั้นต้น เตรียมที่จะจ่ายให้
การไฟฟ้าซึ่งเป็นโจทก์ไม่โอเค ยังติดใจเรื่องค่าบริการอีก 3 หมื่น จึงยื่นอุทธรณ์ อ้างว่าเรียกร้องได้ จำเลยต้องจ่าย
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืนตามที่ศาลชั้นต้นว่าไว้
โจทก์คือการไฟฟ้าเล่นไม่เลิก ตื้อต่อไปด้วยการยื่นฎีกา คราวนี้ระบุรายละเอียดมาดิบดี ว่าค่าบริการที่เรียกร้องคือค่าใช้จ่ายโรงงานซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตส่วนที่นอกเหนือจากค่าเสียหายและค่าแรง อันประกอบด้วย เงินเดือนของหัวหน้าควบคุมงาน รวมทั้งพนักงานธุรการ ผลประโยชน์ของพนักงานโจทก์ทั้งหมด ค่าใช้จ่ายในสำนักงานของโจทก์ค่าบำรุงรักษาเครื่องมือเครื่องใช้สำนักงาน ค่าเสื่อมราคาครั้งหนึ่งของอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในสำนักงานนั้น
เอากับการไฟฟ้าเขาสิ โห เชื่อเลย คิดได้ไง ค่าเสียหายไล่ไปถึงสำนักงานเฉยเลย คิดแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายสำนักงานค่าผลประโยชน์ของพนักงานทั้งหมด
ศาลฎีกาเพ่งดูคดีนี้ไปยิ้มไปเหมือนดูรายการตลกคาเฟ แล้วตัดสินออกมาว่า
โจทก์ฟ้องเรียกร้องค่าบริการ 20 เปอร์เซนต์ โดยไม่บอกให้รู้อย่างแจ้งชัดว่ามันเป็นค่าอะไร จำเลยเขาก็ไม่ยอมรับให้การว่ามึนตึ้บ ไม่รู้ว่าค่าอะไร เมื่อคดีไม่มีการสืบพยาน เอกสารและภาพถ่ายที่ส่งมาก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าค่าบริการคือค่าอะไร จึงเรียกร้องไม่ได้
ที่โจทก์เถียงว่า ค่าสินไหมทดแทน พึงใช้กันเท่าไรยังไงให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงตามกฎหมายแพ่ง มาตรา 438 วรรคแรก ศาลล่างตัดทิ้งไปไม่ได้หรอก
ศาลฎีกายันไปว่า จะต้องได้ความก่อนว่าเป็นค่าเสียหายอะไร เกิดขึ้นโดยตรงจากการทำละเมิดหรือไม่ ถ้ายังไม่รู้เลยว่าเป็นค่าอะไร แล้วศาลจะใช้ดุจพินิจให้ถูกต้องเหมาะสมได้ยังไง ที่บรรยายมาในชั้นฎีกา ถือว่าไม่ได้มีการนำสืบและไม่ได้หยิบยกมาบอกกล่าวในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ และไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ศาลไม่รับฟังหรอก
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ศาลไทยท่านตัดสินคดีนี้ชอบแล้วพันเปอร์เซนต์ การไฟฟ้านั่นแหละตะแบงตะแคงข้างอย่างน่าเกลียด
หน็อยทำคำฟ้องไม่รัดกุม ไม่มีรายละเอียดมาแต่ต้น บอกมาสั้นๆ กุดๆ ค่าบริการ 200 เปอร์เซนต์ ทะลึ่งเกณฑ์ให้ศาลใช้ดุลพินิจให้ถูกต้องเหมาะสม
งานนี้เชื่อขนมกินได้เลยว่า ศาลฎีกาท่านเห็นสำนวนแล้วต้องสวดโจทก์อย่างชัวร์ๆ
อย่างสุภาพที่สุดก็ต้อง "อะไรของมัน คิดจะเอาท่าเดียว พับผ่า"
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3317/2536
เรื่องโดย : จอมยุทธ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2547
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51940