โค้งอันตราย
อนาคตไทย
ชุมฉ่ำรับปีใหม่กันไปเรียบร้อย แถมด้วยเทศกาลตรุษจีนที่ร่นขึ้นมาอยู่เดือนมกราคมเสียแล้วเลยทำให้เดือนกุมภาพันธ์ ก็จะเหลือแค่เทศกาลวาเลนไทน์ให้ได้ฉ่ำชื่นเท่านั้นเอง
ค่ายรถยนต์แทบจะทุกแห่งก็พากันชื่นมื่นกับตัวเลขปีที่ผ่านมา ผู้ใช้รถใช้ถนนเอง ก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าเดี๋ยวนี้ทำไมรถราถึงได้ติดกันทุกเวลา ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น
แถมรถป้ายแดงวิ่งกันกลาดเกลื่อนแทบจะในทุกแห่งหน ไม่ว่าจะในกรุง หรือต่างจังหวัด
ก็ค้าขายกันถึงระดับ 5 แสนคันอีกหนหนึ่ง แถมโครงการอภิมหาโครงการที่แปดริ้วก็ยังไม่เกิดรถไฟฟ้าใต้ดินก็สร้างอุโมงค์เสร็จแล้วเป็นปี แต่ตัวรถที่จะวิ่งยังต่อไม่เสร็จ
ถนนวงแหวนวงใหญ่รอบกรุงก็ยังไม่บรรจบกัน รถยนต์ก็ขายกันโครมครามทุกบริษัท
มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ความนิยม ส่วนรถเก่าๆ ก็ยังปรากฏให้เห็นเป็นปกติ โดยเฉพาะแทกซีทั้งสหกรณ์และส่วนตัว สภาพเสื่อมโทรมวิ่งกันให้เกลื่อนอีกเช่นกัน
เกิดเป็นคนไทยนะครับ ก็อยู่กันตามประสาไทยๆ ก็แล้วกัน พูดถึงอภิมหาโครงการ
ลองมารู้เรื่องโครงการของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)
บ้างว่าเลิศหรูประการใด และคาดกันว่าจะเสริมความคล่องตัวในการจราจร ได้มากน้อยขนาดไหน
เริ่มด้วยแผนหลักการขนส่งและจราจร ที่มุ่งเน้นผลงาน เพื่อให้มีระบบบริหารจัดการ กำกับดูแลและติดตามประเมินผลงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีความเชื่อมโยงกัน
ส่วนโครงการเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ ที่ศึกษาความเหมาะสมแล้วว่าควรสร้างเป็นทางยกระดับตลอดเส้นทาง เริ่มต้นจากแนวเส้นทางหลวงพิเศษ บางใหญ่-บ้านโป่งที่บ้านแหลมบัว นครปฐม ตัดผ่านถนนพระราม 2 ลงอ่าวไทยที่ วัดกระซ้าขาว สมุทรสาครเป็นสะพานยาวประมาณ 47 กม. ขึ้นบกที่แหลมผักเบี้ย บ้านมะขามช้าง สิ้นสุดโครงการที่ชะอำเพชรบุรี มีความยาวทั้งสิ้น 182 กม.
สิริรวมงบประมาณในการก่อสร้าง 41,369 ล้านบาท เท่านั้นเอง
พอท่านนายก ฯ ออกมาบอกว่าตัดสินใจสร้างแล้วเท่านั้นแหละเสียงแมงหวี่แมงวันก็กระหึ่มค้านขึ้นมาทันที ก็คงอีกนานนะครับ กว่าจะตกลงกันได้
เร่งรัดการศึกษาระบบทางด่วนเพื่อแก้ปัญหาจราจร เพื่อทดแทนแนวพญาไท-พุทธมณฑลโดยจะสร้างบนเขตทางของการรถไฟ สายบางซื่อ-พระราม 6 เชื่อมกับถนนบรมราชชนนีตอนนี้เห็นชอบอนุมัติในการจัดจ้างที่ปรึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทที่ปรึกษาจะใช้เวลา 16 เดือนในการศึกษาและออกแบบรายละเอียดต่อไป
ก็คงอีกสัก 3 ปีแหละครับ กว่าจะได้ลงมือสร้าง ทั้งสองอภิมหาโครงการนั่นแหละ
แถมกว่าจะเสร็จอีกต้องมีอีกอย่างน้อย 3 ปีเหมือนกัน
ชาวไทยใจหาญที่พำนักอาศัยอยู่ในแนวทางก่อสร้าง ก็ต้องเตรียมตัวทำใจเอาไว้เสียแต่เนิ่นๆ นะครับหรือถ้าพอจะมีปัญญา จะหาบ้านเช่าให้ไกลจากแนวทางก่อสร้างสัก 1-2 ปี ก็คงพอไหวนะครับ
นี่ยังไม่ได้พูดถึงอภิมหาโครงการ ที่ออกมาแจ้งข่าวทางสื่อสารมวลชน ว่าจะสร้างเมืองใหม่ที่แปดริ้วให้ไฉไล เลิศหรู ทันสมัยกันแบบ WI-FI กันไปโน่น
แต่ขอประทานโทษนะครับ หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องเกี่ยวข้องทั้งหลายทั้งปวง
ยังไม่เคยมีใครทำงานด้านเอกสารกับอภิมหาโครงการที่ว่านี่เลย
แม้แต่เรื่องย้ายสถานที่ตั้งรัฐสภาใหม่ มีข่าวกันทางสื่อสารมวลชนกันเยอะแยะ แต่ก็เหมือนกันครับยังไม่ได้ลงมือเรื่องเอกสารกันเลย
แล้วงานนี้ใครเป็นเจ้าภาพเล่าเนี่ย แล้วจะลงมือกันได้เมื่อไรเนี่ย
ส่วนโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีชื่อภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการว่า
SUVARNABHUMI AIRPORT อย่างเร่งด่วน ที่ บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัดเป็นผู้รับผิดชอบ ท่านนายก ฯ ท่านก็ออกมาโฆษณารับรองคุณภาพว่าเสร็จทันเปิดใช้บริการเดือนกันยายน 2548 แน่นอน
ส่วนการขนส่งทางน้ำ ก็สนับสนุนให้สามารถจดทะเบียนเรือลำเลียงได้โดยเสรี
พิจารณาคัดเลือกเอกชนบริหารท่าเทียบเรือตู้สินค้า ซี 3 ท่าเรือแหลงฉบัง
จัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทเนอร์ หรือเครื่องเอกซ์เรย์ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง
เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกรมศุลกากร ป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า
และส่งออกของผิดกฎหมาย
แล้วใช้เอกซ์เรย์ท่อนไม้ที่จมอยู่ในน้ำได้ไหมครับ
เรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่อง แต่ยังไม่มีใครออกมาบอกเล่าเก้าสิบกันให้เป็นเรื่องเป็นราว
คือเรื่องการพัฒนาเส้นทางจากภาคอีสาน ผ่านสาธารณรัฐประชาชนชาวลาว เข้าเวียดนามไปถึงท่าเรือดานัง ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะตอนสงครามสหรัฐอเมริกาใช้เป็นฐานทัพเรือที่นั่น
เรื่องที่แอบรู้มาในอนาคตเรื่องนี้ เพราะบ้านเรายังไม่มีท่าเรือน้ำลึกที่น้ำลึกมากพอจะรับเรือใหญ่กว่านี้และการขนส่งจากท่าเรือคลองเตย หรือท่าเรือแหลมฉบัง หากต้องไปส่งสินค้าด้านประเทศญี่ปุ่นเรือต้องเสียเวลาวิ่งอ้อมปลายแหลมของประเทศกัมพูชาประชาธิปไตยขีดจำกัดข้อนี้ทำให้ต้องเร่งทำการศึกษา ถ้าหากเราสามารถพัฒนาให้ขนส่งสินค้าจากกรุงเทพ ฯทางถนน วิ่งผ่านประเทศลาว เข้าไปลงเรือที่เวียดนามได้ ก็จะย่นระยะเวลาไปได้พอควรทีเดียว
แถมด้วยหากปรับปรุงการขนส่งทางท่อ ประเภทของเหลวได้ ก็ยังคงคุ้มค่าการลงทุนที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เรื่องที่แน่นอนอีกอย่างก็คือ ไม่มีเทวดาหน้าไหนจะสามารถปราบการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่เกิดขึ้นแถวคลองเตยได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เลยต้องหาทางแก้เผ็ดให้เร้าใจกันไปเลย
ใช่ไหมเอ่ย
ส่วนเรื่องการถ่ายทอดความรู้ด้านการต่อเรือ เทคโนโลยีความเร็วสูง และอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลเรือประเทศญี่ปุ่น ก็รับปากมาแล้ว สัมมนากันไปรอบแล้ว สถาบันการขนส่งก็เซ็นสัญญาเรื่องความร่วมมือไปแล้ว เหลือแค่ใครจะลงทุนเพิ่ม สร้างอู่ต่อเรือขึ้นใหม่ให้ทันสมัยทันกับกระแสความต้องการของการขนส่งพาณิชย์นาวี
ถ้าหาเงินได้ จะต้องสร้างอู่ต่อเรืออีกกี่ปี เทคโนโลยีในการสร้างอู่ต่อเรือ จะซื้อจากใคร
เหล็กที่จะเอามาต่อเรือ จะซื้อจากที่ไหน ไต้หวันเขาจะยอมขายให้เราหรือเปล่า
เทคโนโลยีของเครื่องยนต์ความเร็วสูงสำหรับใช้กับเรือ จะไปซื้อเอาจากใคร เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม ก้าวหน้ามากพอหรือยัง เครื่องมือสื่อสารกับดาวเทียมหาที่ไหน เตรียมฝึกลูกเรือหรือยังใครจะฝึกให้
เรื่องกัปตันเรือน่ะ ไม่ต้องคิดกันให้มากเรื่อง ต้องจ้างชาวต่างชาติอยู่แล้ว
เอ๊ะ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีอภิมหาโครงการสร้างโรงถลุงเหล็กกันอีกดีหรือเปล่า
นี่ยังเล่าไม่หมดนะครับ บรรดาอภิมหาโครงการที่จะเกิดในปี 2547 นี้ แค่เขียนมาแค่นี้ก็ให้รู้สึกว่าประเทศไทยเรา อนาคตของคนไทยเรา เห็นทีจะก้าวตามชาติมหาอำนาจอย่างพอมองเห็นหลังกันไวๆได้มั่งละน่า
แต่พอมองเห็นซากตึกที่แออัดกันอยู่ในกรุงเทพมหานคร ที่ยังไม่เห็นความก้าวหน้ามา 4-5 ปีแล้วก็ต้องพยายามทำใจกันหน่อย ว่าบรรดาอภิมหาโครงการที่เล่าสู่กันฟังนี้
เตรียมการสำหรับการเลือกตั้งที่จะถึงในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้าแน่นอน
แค่คิดถึงโครงการต่างๆ ก็แทบจะลอยแล้วครับ เงินจะสะพัดกันอีกเท่าไร จะไหลไป ไหลมาทางไหนจะเข้ากระเป๋าเรามั่งไหม
ฝันกลางฤดูหนาวก็ดีอย่างนี้นะครับ
อย่าเพิ่งปลุกกระผมจนกว่าจะเลือกตั้งเสร็จก็แล้วกัน
เรื่องโดย : มือบ๊วย
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2547
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51928