ร่มไม้ชายศาล
โกงประกัน
เวลามีข่าวคนรู้จักมักจี่หรือญาติกาซึ่งอยู่คนละแห่งคนละที่ มีอันต้องไปสู่สัมปรายภพ หรือถึงแก่กรรมอย่างกะทันหัน
สิ่งแรกที่เรานึกถึงคือ "อุบัติภัย" จากรถราทั้งหลาย และมักจะเข้าเค้าเป็นจริงดังว่าซะด้วย พวกเราพากันร้องเฮ้อ เสร็จ...เพราะรถอีกแล้วเหรอนี่ ไม่น่าเลย
ภัยที่ว่านี้ไม่จำกัดซะด้วยว่าชายหญิงกะเทย รวยจน สูงต่ำดำขาว จอดป้ายได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะบ้านเราซึ่งการขับรถค่อนข้างประมาท ไม่มีวินัย ไม่มีการคุมเข้มเรื่องใบขับขี่ เข้าทำนองใครใคร่ขับ ขับ
ส่วนสาเหตุอื่นที่ทำให้ตายกะทันหัน อาจจะมีกรณีโดนฆ่าตัดตอน อนุโลมว่าเป็นโรคไข้เลือดออกอย่างหนึ่งก็ย่อมได้ เลือดออกเพราะกระสุนปืนนั่นแหละโยม ช่วงประกาศสงครามยาบ้าหนักกว่าเพื่อนคนไม่กล้านุ่งกางเกงสวมเสื้อมีกระเป๋าออกนอกบ้าน
โดนส่องตายแหงแก๋ อ่านหนังสือพิมพ์อยู่กลางถนนทีไร ตำรวจออกข่าวค้นเจอยาบ้าในกระเป๋าทีนั้นคนเสียชื่อเสียง ลามถึงวงศ์ตระกูลอีกต่างหาก กลายเป็นพวกค้ายาบ้าทุกรายไป
นอกจากนั้นก็มีจำพวกโรคที่ทำให้กลับบ้านเก่าอย่างกะทันหัน อาทิเช่น หัวใจวาย เส้นเลือดแตกในสมองอย่างนี้เป็นต้น
การตายของคนเรานั้น ตามปกติถือเป็นเรื่องซวยไม่มีใครปรารถนา แต่มีบางรายหัวใส หยิบเอาการตายมาเป็นเครื่องมือหาเงิน ผู้ที่โดนอยู่ทุกบ่อยคือ "บริษัทประกันชีวิต" เผลอไม่ได้ก็แล้วกัน คดีนี้คือตัวอย่าง
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ "นายหัวดี" "นายหัวไว" กับ "นายหัวแหลม" ซึ่งเป็นญาติกันนั่งดื่มเหล้าได้ที่ แล้วคิดมุขขึ้นมาเพื่อที่จะหาเงินใช้โดยไม่ต้องออกเหงื่อทำมาหากิน
การคิดมุขนี้ถ้าจะว่าไปแล้วคือการ "คิดหาทางเข้าคุก" นั่นเอง ไม่ใช่อื่นไกล ถ้าเป็นมุขชั่วมักไม่แคล้ว ขอบอก
กลอุบายไม่ยากไม่ง่าย คนทั้งสามมีข้อมูลเบื้องต้นอยู่นิดหนึ่งคือก่อนหน้านี้ "นายหมื่นปี" แกจากโลกนี้ไปขณะที่มีอายุอานามแค่สามสิบกว่าๆ ทั้งๆ ที่พ่อแม่อุตส่าห์ตั้งชื่อเป็นมงคลขนาดนั้น ที่สำคัญคือญาติพี่น้องยังไม่ไปจดแจ้งการตาย ออกใบมรณบัตรต่อเจ้าหน้าที่
สามเกลอจึงวางแผน อย่ากระนั้นเลย นายหมื่นปี หน้าตาในบัตรประชาชนประพิมพ์ประพายคล้าย นายหัวดีอยู่แล้ว ถ้าปลอมแปลงเอกสารบัตรประชาชนซะหน่อย นายหัวดี ก็สวมรอยเป็น นายหมื่นปี ได้สบาย
หลังจากนั้น นายหัวดี กับพวกพากันวางมาดไปที่ "บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง" แสดงความเลื่อมใสระบบประกัน ลงทุนควักเงินจำนวนหนึ่งขอซื้อประกันในนามของ นายหมื่นปี วงเงินที่จะได้รับเมื่อ นายหมื่นปีล้มหายตายจากโดยอุบัติเหตุ 2 ล้านบาท ให้ นายหัวแหลม และแม่ของ นายหัวดี เป็นคนรับผลประโยชน์
บริษัทประกันรีบตะครุบลูกค้ารายนี้โดยไม่รั้งรอ ออกกรมธรรม์ให้เป็นที่เรียบร้อย
นายหัวดี กับพวกรอจังหวะ ปรากฏว่าลูกจ้างของ นายหัวแหลม ประสบอุบัติเหตุตายเพราะรถยนต์ นายหัวดีจึงดำเนินการตามแผนขั้นต่อมา ให้ นายหัวแหลม แจ้งว่าผู้ที่ตายคือ นายหมื่นปี ซึ่งทำประกันชีวิตเอาไว้เมื่อได้หลักฐานการตายก็แจ้นไปที่บริษัทประกันเพื่อขอรับเงินประกัน
บริษัทรอบคอบอยู่หรอก ไปตรวจสอบตามสมควรแล้วพบว่า นายหมื่นปี ตายไปจริงๆ จึงจ่ายเงินให้ไป 2 ล้านบาทตามกรมธรรม์ โดยไม่อิดเอื้อน
ความลับไม่ค่อยมีในโลกหรอกท่านผู้ชม ความแดงขึ้นจนได้ นายหัวดี กับพวกโดนแจ้งความเอาผิด ข้อหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสารและฉ้อโกง ตำรวจตะครุบตัว นายหัวดี มาได้คนหนึ่งเพื่อดำเนินคดีอัยการนำตัวฟ้องไปที่ศาลเป็นคดีนี้
บริษัทประกัน ซึ่งเสียท่าแค้นไม่หาย ให้ทนายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมเพื่อบี้ นายหัวดี ให้อยู่หมัดศาลอนุญาตให้ร่วมวงด้วยกับอัยการซึ่งทำหน้าที่เป็นโจทก์อยู่แล้ว
จำเลยมีทุนอยู่บ้างจากเงินประกันที่ได้มาจึงจ้างทนายสู้คดี ให้การปฏิเสธ อ้างว่าถูกใส่ร้ายไปโน่น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า นายหัวดี มีความผิดตามฟ้อง ทั้งข้อหาปลอมแปลงเอกสารและฉ้อโกงแต่เห็นว่าเป็นความผิดกรรมเดียว ลงโทษตามบทหนักในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร จำคุกคนละ 2 ปี
อัยการเมื่อยจึงไม่ทำอะไรอีก พอใจผลงานแค่นั้น
บริษัทประกันยังไม่หนำใจ ดูตามแง่กฎหมายแล้วน่าจะลงโทษได้สองจังหวะ หรือสองกรรม เพราะ นายหัวดีกับพวกปลอมแปลงเอกสารต้มบริษัทประกันเสร็จไปแล้วกรรมหนึ่ง แล้วทะลึ่งปลอมตัวผู้ตายมารับเงินไปอีกกรรมหนึ่ง ศาลลงโทษแค่กรรมเดียวมันน้อยนิดเกินไป จึงยื่นอุทธรณ์ตามเงื่อนแง่ที่ว่ามา
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่าศาลชั้นต้นตัดสินถูกต้องแล้ว พิพากษายืน
เรื่องยาวถึงศาลฎีกาเพราะบริษัทประกันราวีไม่เลิก ยื่นฎีกาให้ศาลลงโทษนายหัวดีให้หนักกว่านั้นให้ครบทุกขั้นตอนในการทำผิด
ศาลฎีกาพิจารณาคดีนี้อย่างใจเย็น แล้วชี้ขาดออกมาอย่างเย็นใจว่า
การซิกแซกทำชั่วของนายหัวดีในตอนแรก ด้วยการปลอมเอกสารปลอมตัวว่าเป็น นายหมื่นปี ไปหลอกลวงจนบริษัทประกันหลงเชื่อ ออกเอกสารสิทธิอันเป็นกรมธรรม์ประกันภัยให้ไป ถือว่าเป็นการกระทำความผิดสำเร็จลุล่วงไปแล้วกรรมหนึ่ง
ส่วนการซิกแซกเอาลูกจ้างของพรรคพวกร่วมแกงค์ ซึ่งตายเพราะอุบัติเหตุรถ มาอ้างว่าเป็น นายหมื่นปี ที่ทำประกันไว้ จนบริษัทประกันหลงเชื่อได้เงินไปเนื้อๆ 2 ล้านบาท ถือว่าเป็นการทำชั่วขึ้นมาอีกกรรมหนึ่งแม้จะอาศัยผลของการทำชั่วในตอนแรกหรือกรรมแรกเพื่อให้ได้เงิน 2 ล้าน ศาลก็ต้องลงโทษ 2 กรรมสองกระทง ไม่ใช่เหมารวมลงโทษแค่กรรมเดียวอย่างที่ศาลล่างว่ามา ทั้งๆ ที่ไอ้หมอนี่มันโคตรโกงอย่างเห็นๆ ข้อหลังผมว่าเอง
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ว่า นายหัวดี มีความผิดข้อหาฉ้อโกงอีกกระทงหนึ่ง จำคุก 1 ปี รวมกับโทษในข้อหาปลอมแปลงเอกสารเป็น 3 ปี ไม่มีการรอลงอาญา
ที่แน่ๆ คือบริษัทต้องตามราวีเพื่อเอาเงิน 2 ล้านบาทคืน ไม่รู้ว่าสำเร็จหรือเปล่า นายหัวดี กับพวกเอาไปใช้จนหมดไปแล้วหรือเปล่า
อย่าลืมว่าเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อปี 2522 เงินจำนวน 2 ล้านบาทที่ นายหัวดี โกงไป มันน้อยซะเมื่อไหร่เล่นเอาบริษัทประกันเสียศูนย์ทรงกายบ่เที่ยงก็แล้วกัน
ทุกวันนี้ก็เผลอไม่ได้ มีคนจ้องโกงบริษัทประกันตลอดเวลา เหมือนกับข่าวสตรีนางหนึ่ง หาทางฆ่าผัวสองรายซ้อน นัยว่าใช้อุบัติเหตุทางรถยนต์เช่นกัน เพื่อเอาเงินประกัน ได้ไปบานตะเกียง
คดียังยักแย่ยักยันอยู่ที่ศาล จะมีพยานหลักฐานเล่นงานเจ้าหล่อนอยู่หมัดหรือไม่ก็ไม่รู้ เฮ้อ คนเรา
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3986/2535
เรื่องโดย : "จอมยุทธ"
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51906