บันทึกธุรกิจ(formula)
จีอีแคปปิตอล ออโต้ลีส ฯ /พีเอ็มเพ็นท์ ฯ/กลุ่มตันจง/แรลลีการกุศล/เปอโฌต์-ซีตรอง/โตโยโตา/บางจาก ฯ
จีอีแคปปิตอล ออโต้ลีส ฯ
ตั้งเป้าเติบโต 40 % ในปีหน้า
พรรณพร คงยิ่งยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีอี แคปปิตอล ออโต้ลีส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตลาดสินเชื่อรถยนต์ในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกโดยต่างมุ่งแข่งกันเสนอดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำมากแต่สำหรับบริษัทนั้นเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายใช้เวลาพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่รวดเร็ว โดยลูกค้าจะสามารถรับบริการได้สะดวกทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพโดยมุ่งรักษาอัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้อยู่ในระดับต่ำมาก โดยมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพรองรับไม่ต้องการเติบโตอย่างรวดเร็วโดยปล่อยสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สูงตามไปด้วย
สำหรับในปี 2546 บริษัทคาดว่ายอดสินเชื่อโดยรวมจะเติบโต 40 %และคาดว่าในปีหน้าจะมีการเติบโต 40 % เช่นกัน ทั้งนี้มีผลจากการเติบโตของธุรกิจรถยนต์โดยรวมดังจะเห็นได้จากจำนวนลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีถึง 100,000 รายขณะที่สินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทอยู่ในระดับที่ต่ำเพียงไม่ถึง 1 % มาตั้งแต่ปี 2545ซึ่งถือว่าต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของธุรกิจสินเชื่อรถยนต์โดยรวมทั้งนี้เป็นผลมาจากเทคโนโลยีการบริหารความเสี่ยงที่ทันสมัยและการปรับปรุงขั้นตอนการให้บริการต่างๆ
พร้อมกันนี้บริษัทยังมีช่องทางการให้บริการที่ครอบคลุมในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นดีเลอร์กว่า 2,000รายทั่วประเทศ สาขา 19 แห่ง และสาขาย่อยอีก 12 แห่ง โดยเฉพาะสาขา 19 แห่งบริษัทได้มีการปรับปรุงเครือข่ายมีการติดตั้งเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะช่วยให้ลูกค้าในต่างจังหวัดได้รับความสะดวกในการยื่นขอสินเชื่อเช่นเดียวกับลูกค้าในกรุงเทพ ฯ ด้วยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การนำเทคโนโลยีปาล์ม และเครื่องพีดีเอมาใช้และคาดว่าจะสามารถลดระยะเวลาที่ใช้ในการอนุมัติสินเชื่อในต่างจังหวัดจาก 24 ชั่วโมง
เหลือเพียงครึ่งวันได้
พีเอ็มเพ็นท์ ฯ
ตั้งเป้า 3 ปี เป็นผู้นำสีพ่น ซ่อมรถยนต์
มนัส พรพัฒนารักษ์ ประธาน บริษัท พี เอ็ม เพ็นท์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจสีพ่น ซ่อมรถยนต์ ภายใต้ชื่อ EXTRA COAT MAX CHABOT MUSTANG STANZA เปิดเผยว่าจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ บริษัทจึงได้แต่งตั้ง บริษัท คัลเลอร์ เทรนด์ จำกัดเป็นผู้ดูแลด้านการขาย การตลาด ตลอดจนเทคนิคบริการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการบริหารงาน
อีกทั้งเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งใน/ต่างประเทศด้วย
ที่ผ่านมาได้ลงทุนสร้าง เทรนิง เซนเตอร์ และศูนย์คิวซี (QC) บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ใช้เงินลงทุนกว่า 70ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทในอนาคตและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ในปีหน้า บริษัทมีสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 1 แบรนด์ โดยเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะร่วมมือกันทำธุรกิจในรูปแบบใดทั้งนี้เพื่อให้บริษัทบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3 ปี สร้างชื่อเป็นบริษัทไทยรายแรกที่ก้าวสู่ผู้นำในธุรกิจอุตสาหกรรมสีพ่น ซ่อมรถยนต์
มนัส กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของยอดขายปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ 250 ล้านบาทโดยแบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 80 % ต่างประเทศ 20 % โดยประเทศที่ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายได้แก่เวียดนาม/กัมพูชา/พม่า/ลาว/ศรีลังกา และมาเลเซีย ซึ่งได้นำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายต่อยังประเทศฟิลิปปินส์/สิงคโปร์/บรูไน และในอนาคตบริษัทยังมีแผนสำหรับการเปิดตลาดใหม่อีก 2 ประเทศ คืออินเดีย และดูไบ
กลุ่มตันจง
รุกตลาด นิสสัน ยูดี
เชา เช็ง ชอย ประธาน บริษัท นิสสันดีเซล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถบรรุทก นิสสันยูดีในไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่กลุ่มตันจงเข้ามาลงทุนซื้อกิจการ นิสสัน ยูดี จากผู้ถือหุ้นเดิม คือนิสสัน มอเตอร์ ญี่ปุ่น และสยามกลการ เป็นจำนวนเงิน 1,800 ล้านบาทและล่าสุดได้เซ็นสัญญาเข้าไปบริหารโรงงานประกอบรถเป็นจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อจะได้รับสิทธิ์ดูแลการผลิตและการตลาดอย่างครบวงจรในไทยการเข้าบริหารโรงงานจะเริ่มต้นในปีนี้ ส่วนเรื่องของที่ดินและโรงงานจะเป็นการเช่าสัญญาราย 3 ปี ซึ่งโรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิต 6,000 คัน/ปี แต่ปัจจุบันผลิตเพียง 1,000 คัน/ปี
สำหรับการเข้าทำตลาดรถบรรทุก นิสสัน ยูดี ในไทยของกลุ่มตันจงทำให้สามารถวางเครือข่ายได้ครอบคลุมภูมิภาคนี้ทั้งหมด เพราะปัจจุบัน นิสสัน เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์นิสสัน ในประเทศมาเลเซีย/สิงคโปร์/ อินโดนีเซีย/จีน/เวียดนาม และฮ่องกงอยู่แล้ว
โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวรถบรรทุกหัวลาก รุ่น CWM 454HT 350 แรงม้า ซึ่งมีระบบ ฟูลล์ แอร์ เบรค (FULL AIR BREAK) อันเป็นระบบความปลอดภัยที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่า เหมาะกับงานบรรทุกหนักและใช้งานได้ดีที่สุดระบบหนึ่ง โดยเครือข่ายนั้นปัจจุบันมีอยู่ 16 แห่ง ในปีนี้จะเปิดให้ครบ 20 แห่งเพื่อรองรับอัตราการเติบโตของตลาดรถบรรทุกในไทย ซึ่งคาดว่าตลาดรถบรรทุกขนาด 3.5 ตันขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่ นิสสันดีเซล ฯ ทำตลาดจะมีประมาณ 1.25-1.50 หมื่นคัน จากปีที่แล้วมีอยู่ประมาณ 1 หมื่นคัน โดยในปีที่ผ่านมา นิสสัน ยูดี มีส่วนแบ่งตลาด 10.5 % ส่วนปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะมีสัดส่วน 12.5 % และเพิ่มเป็น 15 % ในปีต่อไป
แรลลีการกุศล
สโมสรโรตารีกรุงเทพ-บางขุนเทียน
สโมสรโรตารีกรุงเทพ-บางขุนเทียน ร่วมกับ บริษัท โซเล็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดการแข่งขันแรลลีการกุศลเพื่อหาทุนช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในเขตบางขุนเทียน ณ พงษ์สุดา ชาเลต์ จ. กาญจนบุรีระหว่างวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ 2547 ค่าสมัคร คันละ 3,000 บาท/2 ท่าน ส่วนที่เกินคิดท่านละ 1,000 บาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มานพ สุวรรณชัยศักดิ์ โทร. 0-1616-7084
เปอโฌต์-ซีตรอง
ยนตรกิจกรุพ จับมือ
วิเชียร ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหารเครือยนตรกิจ กรุพ เปิดเผยว่าบริษัทได้ตัดสินใจขยายตลาดรถยนต์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์เซกเมนท์ใหม่รถยนต์นั่งเชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก โดยจะทำการตลาดร่วมกันระหว่าง บริษัท ยนตรกิจ ออโตเซ็นเตอร์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ซีตรอง และบริษัท ยูโรเปียน โอโตโมบิลส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์เปอโฌต์ ซี่งจะนำรุ่น พาร์ทเนอร์ ส่วน ซีตรอง จะเป็นรุ่น แบร์แลงโก
หลังจากนั้นบริษัทได้เตรียมขึ้นไลน์ประกอบรถทั้ง 2 รุ่น โดยใช้โรงงาน วายเอ็มซี แอสเซมบลีในเครือยนตรกิจ เป็นโรงงานประกอบ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาทและจะมีการลงทุนต่อเนื่องไปถึงการผลิตชิ้นส่วนในประเทศด้วย เพราะในช่วงแรกจะใช้ชิ้นส่วนนำเข้า 100 % ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในช่วงปลายปีหน้า
นอกจากนี้บริษัทยังมีเป้าหมายในการผลิตเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศในอาเซียนและออสเตรเลีย โดยตั้งเป้าการผลิตไว้ปีละประมาณ 10,000 คัน
วิเชียร กล่าวต่อว่า สำหรับตลาดในประเทศ ได้เล็งเป้าหมายไปที่ตลาดใหม่ที่มีแนวโน้มการขยายตัวสูงโดยจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้รถสำหรับทุกภารกิจ ทั้งการเดินทาง การรองรับครอบครัวการทำธุรกิจส่วนตัวที่ต้องการพื้นที่สำหรับบรรทุกสัมภาระมากกว่ารถยนต์ปกติ
โดยการทำการตลาดจะแยกออกจากกัน เนื่องจากทั้ง 2 แบรนด์มีบุคลิกที่เป็นตัวของตัวเองถึงแม้จะมีแพลทฟอร์มเดียวกันแต่อุปกรณ์เสริมในรถจะแตกต่างกันไปตามความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริมต่างๆ แต่โดยพื้นฐานราคาจะอยู่ที่ประมาณ 750,000 บาท
โตโยโตา
YES, WE DRIVE
วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดเปิดเผยว่า รถทั้ง 3 รุ่น ที่เปิดตัวนั้น เป็นการปรับปรุงโฉมของรถในแต่ละรุ่นเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่โดดเด่น โดยใน โตโยตา โคโรลลา อัลทิส รุ่นปรับปรุงโฉมนั้น
ได้มีการดีไซจ์นใหม่ทั้งภายนอก/ใน เพื่อให้เกิดความหรูหรา และความสะดวกสบายที่ครบครันรวมถึงเพื่อให้เพลิดเพลินในการเดินทาง
ส่วน โตโยตา โซลูนา วีออส นั้นได้มีเพิ่มการตกแต่งภายในห้องโดยสารใหม่ เพื่อเพิ่มทางเลือกด้วยการตกแต่งภายในให้หรูหรา โดดเด่น ให้ความรู้สึกห้องโดยสารกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็น เบาะนั่งแผงคอนโซล และแผงข้างประตู สีทูโทน พร้อมด้วยชุดแต่งลายไม้ วิทยุและชุดควบคุมระบบปรับอากาศกี่งกลางคอนโซล ชุดปุ่มควบคุมการทำงานของกระจกไฟฟ้า และคอนโซลเกียร์อัตโนมัติ
นอกจากนี้ยังมีแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ จากการนำเสนอผ่าน 3 พรีเซนเตอร์ (ก้อง) สหรัฐ สังคปรีชาสะท้อนภาพลักษณ์อันเลิศหรู ของ แคมรี ชาคริต แย้มนาม สะท้อนภาพลักษณ์เปี่ยมสไตล์ ของโคโรลลา อัลทิส ส่วน ซารา มาลากุล สะท้อนภาพลักษณ์อันโฉบเฉี่ยว เร้าใจ ของ โซลูนา วีออสพร้อมข้อเสนอพิเศษ
บางจาก ฯ
เปิดตัว น้ำมันหล่อลื่นใหม่
วิเชียร อุษณาโชต รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า จากความสำเร็จที่ผ่านมาของบริษัทในการพัฒนาน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์ดีเซลยุคใหม่และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถดีเซลยุคใหม่ให้ครบวงจรบริษัทจึงได้พัฒนาน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ดีเซล บางจาก D3 GOLD ซึ่งเป็นน้ำมันสังเคราะห์ 100 %มาตรฐาน API CI-4 และเทียบเท่ามาตรฐานสากลทั้งมาตรฐานยุโรป ACEA และมาตรฐานโลก DHD-1 ตลอดจนได้มาตรฐานของผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำระดับโลก
โดยคุณสมบัติพิเศษของ บางจาก D3 GOLD ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานสังเคราะห์ 100 % PAO(POLYALPHAOLEFIN) ทำหน้าที่ดูแลปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีกว่านำมันหล่อลื่นธรรมดาช่วยยืดอายุการเปลี่ยนถ่ายได้นานถึง 50,000 กิโลเมตร และเป็นน้ำมันหล่อลื่นเกรดรวมเนื้อน้ำมันใสพิเศษ 5W-30 ช่วยปกป้องเครื่องยนต์จากการสึกหรอทันทีเมื่อสตาร์ทและตอบสนองการขับขี่ได้ดีทั้งในขณะที่การจราจรติดขัด หรือขับทางไกล
ทั้งนี้เพื่อสร้างความเติบโตในธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในด้านคุณภาพการแข่งขันได้กับสินค้าจากต่างประเทศโดยที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละกว่า 20 % ปัจจุบันมียอดขายประมาณปีละ 10 ล้านลิตร/ปี โดยบริษัทมีเป้าหมายว่าในปี 2547-2549 จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 3.7 % เป็น 5 % หรือเพิ่มยอดขายเป็น 15 ล้านลิตร/ปี
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : บันทึกธุรกิจ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51898