ยอดขาย 1 ล้านคัน

ยอดขาย 1 ล้านคัน : “ฝันหวาน” ที่ใกล้ความจริง !?! หน้าแตกไปเล็กๆ กันครับ สำหรับบรรดาเกจิด้านการตลาดที่พากัน "ฟันธง" ว่า ยอดขาย รถยนต์ในปี 2546 อย่างมากก็คงไปแตะที่ 4 แสนปลายๆ ไม่เกิน 5 แสนคัน เพราะปี '45 นั้นเร่งโตไปแล้วถึง 40 เปอร์เซนต์ นี้จึงหวังกันแค่ 20 เปอร์เซนต์เป็นอย่างมาก ที่ไหนได้ ตลาดรวมดันโตขึ้นถึง 30 เปอร์เซนต์ หรือคิดเป็นยอดขายกว่า 5 แสนคัน ทั้งที่มีโรคซาร์ส์มาติดเบรคตั้งแต่ต้นปี แต่จะว่าไปแล้วก็ไม่น่าแปลกใจ เมื่อดูตัวเลขผลผลิตมวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี (GDP: GROSS DOMESTIC PRODUCT) ในปี 2546 ที่ขยายตัวถึง 6 เปอร์เซนต์ สมพรปากท่านนายก ฯ ซีอีโอ แสดงว่าค่า จีดีพี นั้นสามารถนำมาใช้คาดการณ์การขยายตัวของตลาดรถยนต์ได้ แม่นยำพอสมควร อย่างในปี 2547 ท่านนายก ฯ ตั้งเป้าไว้แล้วว่า จีดีพี จะต้องขยับขึ้นอีก 2 เปอร์เซนต์ เป็น 8 เปอร์เซนต์ บรรดาเกจิซึ่งกลัวหน้าแตกซ้ำสองเลยออกมาป่าวประกาศว่า ตลาดรถยนต์ก็ มีสิทธิ์โตได้อีก 30 เปอร์เซนต์เหมือนกัน ซึ่งเท่ากับว่าพอถึงสิ้นปีหน้า ยอดขายรถยนต์บ้านเรา จะอยู่ที่ราว 6.5 แสนคัน ! ใครที่ตามเก็บสถิติยอดขายรถบ้านเรามาตลอด ย่อมทราบดีว่านี่คือตัวเลขสูงสุดใน ประวัติศาสตร์วงการรถยนต์ไทย ขนาดเมื่อ 6-7 ปีก่อนในยุคฟองสบู่ ที่ฟูฟ่องกันสุดๆ ก็ยังทำได้แค่เกือบ 6 แสนคัน ถ้าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อานิสงส์นอกจากจะตกอยู่กับบริษัทขายรถแล้ว อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในบ้านเราก็คงจะลืมตาอ้าปากได้ทั้งระบบ เพราะรถที่ขายดีแทบทุกรุ่น ล้วนผลิตจากโรงงานแถวชานเมืองหลวง และจังหวัดใกล้เคียงทั้งสิ้น ยังไม่นับ อานิสงส์จากยอดส่งออก ซึ่งเมื่อเทียบบัญญัติไตรยางค์กับยอดขายภาย ในประเทศแล้ว ไม่น่าจะต่ำกว่า 2 แสนล้านบาทสักกี่มากน้อย กลายเป็น "ชุมทางยานยนต์" แห่งใหม่ของโลก ไปเห็นๆ ! และด้วยอัตราการเจริญเติบโตขนาดนี้ ทำให้หลายคนอดฝันหวานต่อไปไม่ได้ว่า ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า ตลาดรถยนต์เมืองไทยจะมียอดขายรวมถึง 1 ล้านคัน ถึงตอนนั้น จงเรียกตัวเองว่า "ดีทรอยท์ออฟเอเชีย" ให้เต็มปาก ! แน่นอนว่า ฝันหวานนี้มีข้อแม้ต่างๆ มากมาย แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเรารู้จักจดจำบทเรียน ไม่เร่งปั่นยอดกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา เราคงสามารถประคับประคองฝันหวานนี้ไปได้จนถึง รุ่งอรุณอันสวยงาม แทนที่จะต้องตกใจตื่นกลางดึก พร้อมเป้ากางเกงเปียกแฉะเหมือนเมื่อ 6 ปีก่อน